Sunday, June 9, 2013

ความตาย

คงไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์เลย 
     บางคนทุกข์เพราะโรคภัยไข้เจ็บ .....
           บางคนทุกข์เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ .....
ความทุกข์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันและปัญหาก็ไม่เท่ากัน มากน้อยแตกต่างกันไป
..... แต่จะมีสักกี่คนที่ต้องตายเพราะความทุกข์ 
คนเราทุกคนต้องมีการวางแผนเพื่อจะรับมือกับปัญหาต่างๆในชีวิต แม้กระทั่งความตาย....

แต่น้อยคนที่จะคิดว่าถ้าต้องจากโลกนี้ไป
.... เราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง
............ เราพร้อมที่จะเผชิญกับมันหรือยัง??

เราพร้อมที่จะเผชิญกับความตายหรือไม่ ??
      หรือว่าเรากำลังระเริงอยู่กับความสุขที่เรากำลังได้รับจากโลกนี้ 
            หรือว่ากำลังจมอยู่กับความทุกข์ โดยที่ลืมไปว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์

พระคัมภีร์หลายบทหลายตอนได้บอกเราว่า ทั้งความทุกข์ยาก ทั้งความตาย พระเยซูได้รับแบกไว้แล้วบนพระกายของพระองค์ โดยข่าวประเสริฐนี้เราทั้งหลายได้รับการปลดปล่อยและเป็นไท

"เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์"   (1 โครินธ์ 15:3)

หัวใจของข่าวประเสริฐคือ พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา ทรงถูกลงโทษทั้งที่เป็นโทษที่เราควรจะเป็นผู้รับ ทรงถูกฝังเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์จริงๆ และพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตายเพื่อยืนยันว่าเราจะเป็นขึ้นมาจากความตายในวันสุดท้ายเช่นกัน

"เพราะว่าถ้าการชุบให้เป็นขึ้นมาไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย ถ้าในชีวิตนี้ พวกเราซึ่งอยู่ในพระคริสต์มีแต่ความหวังเท่านั้น เราก็เป็นพวกที่น่าสังเวชที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง แต่ความจริงพระคริสต์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น" (1 โครินธ์ 15:16-22)

ถ้าพระเยซูไม่ได้ทรงเป็นขึ้นจากความตาย  ความเชื่อของเราก็ไร้ประโยชน์  พระเยซูก็คงเป็นนักโกหกระดับโลก และคำสอนของพระองค์ก็คงจะเป็นเรื่องหลอกลวง เราทั้งหลายที่เป็นผู้เชื่อก็จะไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นคนที่ไม่มีความหวังใดๆ ซ้ำยังเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุด

แต่พระคัมภีร์ยืนยันว่า ในวันสุดท้ายที่พระเยซูกลับมา ร่างกายของเราทั้งหลายจะเป็นขึ้นมาเหมือนกับพระองค์ เป็นกายใหม่ที่ไม่มีวันเปื่อยเน่า และจะได้อยู่ในสวรรค์ร่วมกับพระองค์ ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อก็จะไม่ได้มีส่วนและเขาทั้งหลายจะได้รับผลแห่งความไม่เชื่อ คือไปอยู่ในนรกชั่วนิรันดร์

"ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะว่าสิ่งซึ่งเน่าเปื่อยนี้ต้องสวมซึ่งไม่เน่าเปื่อย และสภาพมตะนี้ต้องสวมสภาพอมตะ เมื่อสิ่งซึ่งเน่าเปื่อยนี้ จะสวมซึ่งไม่เน่าเปื่อย และสภาพมตะนี้จะสวมสภาพอมตะ เมื่อนั้นตามซึ่งเขียนไว้ในพระคัมภีร์จะสำเร็จว่า ความตายก็ถูกกลืนถึงปราชัยแล้ว โอ มัจจุราชเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน โอ มัจจุราชเอ๋ย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน เหล็กไนของความตายนั้นคือบาป และฤทธิ์ของบาปคือธรรมบัญญัติ สาธุการแด่พระเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสตเจ้าของเรา"  (1 โครินธ์ 15:52-57)

เราจะต้องอธิษฐานขอพระเจ้าให้เรามีใจจดจ่อที่ชีวิตในสวรรค์ ซึ่งเป็นชีวิตที่จะอยู่กับพระเจ้านิรันดร์ ในบ้านนิรันดร์ เพื่อเราจะเผชิญกับความทุกข์ยากในโลกนี้ด้วยกำลังและฤทธานุภาพที่มาจากพระเจ้า และเพื่อเราจะมองความทุกข์ยากในโลกนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว

 วิจิตร วารินทร์ศิริกุล                              

No comments:

Post a Comment