Sunday, October 27, 2013

การศึกษาพระคัมภีร์

"พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ เป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม" (2 ทิโมธี 3:16)

จากพระคัมภีร์ตอนนี้ ทำให้เราพบว่า การศึกษาพระคัมภีร์นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อเรา 4 ประการ คือ
     1. การสอน : ชีวิตของเราจะเป็นเช่นไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของเรา การสอนจะเป็นการวางรากฐานความเชื่อและแนวความคิดที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
     2. การตักเตือน :  เป็นเหมือนกรอบที่ปกป้องเราไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง การตักเตือนจะเป็นสิ่งที่ชี้ให้เราเห็นว่า ทำผิดพลาดอะไร
     3. การแก้ไข : จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น นำสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกไป และนำสิ่งใหม่ที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์เข้ามาในชีวิต
     4. การฝึกอบรม : เป็นการฝึกฝนเราให้เดินอยู่ในทางแห่งความชอบธรรมและในทางที่เราควรจะเดินไป

ผู้เชื่อบางคนยังมีความเข้าใจผิดๆว่าพระคัมภีร์นั้นเก่าคร่ำครึ ล้าสมัยเกินไปที่จะนำมาใช้ในชีวิตปัจจุบัน จึงไม่สนใจที่จะอ่านและศึกษา แต่แท้ที่จริงแล้วพระคัมภีร์นั้นเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่เป็นจริงอยู่เสมอ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ทุกยุคทุกสมัย
     "เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย" (ฮีบรู 4:12)

และก็ยังมีผู้เชื่อบางคนขาดความเชื่อถือในพระคัมภีร์ สงสัยในสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ ทำให้ไม่เห็นความสำคัญ ทำให้สิ่งนี้เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการเติบโตของชีวิตคริสเตียน การศึกษาพระคัมภีร์ต้องเริ่มต้นด้วยความเชื่อว่าพระคัมภีร์ไม่มีข้อผิดพลาด พระเยซูเองก็ได้ทรงยืนยันความน่าเชื่อถือของพระคัมภีร์ โดยพระองค์ได้ใช้พระวจนะต่อสู้กับมารด้วยสิทธิอำนาจ (มัทธิว 4:1-11) และพระองค์ทรงยืนยันว่าพระวจนะนั้นสำคัญทุกตัวอักษรและทุกขีดของตัวอักษร
"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่ แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าสิ่งที่จะต้องเกิด ได้เกิดขึ้นแล้ว" (มัทธิว 5:18)

ทำไมคริสเตียนต้องศึกษาพระคัมภีร์ ?

1. เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า
    พระวจนะจะผ่านเข้ามาในชีวิตของเราได้หลายๆทาง ไม่ว่าจะเป็น การเทศนา คำพยาน การแบ่งปัน หนังสือประสบการณ์ชีวิต ซึ่งช่องทางเหล่านี้ล้วนเป็นการเรียนรู้ผ่านทางคนอื่น ไม่ใช่เรียนรู้จากพระเจ้าโดยตรง แต่ถ้าเราต้องการจะรู้จักพระเจ้าลึกซึ้งมากขึ้น ต้องเรียนรู้จากพระองค์โดยตรงผ่านทางพระวจนะ ต้องสัมผัสกับพระวจนะด้วยตัวเราเอง
"พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา" (ยอห์น 1:14)

"ซึ่งมีตั้งแต่ปฐมกาล ซึ่งเราได้ยิน ซึ่งเราได้เห็นกับตา ซึ่งเราได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรานั้นเกี่ยวกับพระวาทะแห่งชีวิต" (1 ยอห์น 1:1)

2. เพื่อบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณ
    ทารกต้องการน้ำนมจากแม่ในการบำรุงเลี้ยงร่างกายให้เติบโตฉันใด คริสเตียนก็จะต้องบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณให้เติบโตด้วยพระวจนะของพระเจ้าฉันนั้น
"เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์ เพื่อโดยน้ำนมนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด" (1 เปโตร 2:2)

เราต้องปรับเปลี่ยนค่านิยมของเราให้เห็นคุณค่าของพระวจนะของพระเจ้า ให้รักและหิวกระหายหาพระวจนะอย่างไม่รู้จักพอ เหมือนดังเช่นดาวิดที่ได้พรรณาไว้ในพระธรรมสดุดี
"กฎหมายของพระเจ้ารอบคอบ และฟื้นฟูจิตวิญญาณ กฎเกณฑ์ของพระเจ้านั้นแน่นอน กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา ข้อบังคับของพระเจ้านั้นถูกต้อง กระทำให้จิตใจเปรมปรีดิ์ พระบัญญัติของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์ กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง ความยำเกรงพระเจ้านั้นสะอาดหมดจด ถาวรเป็นนิตย์ กฎหมายของพระเจ้าก็สัตย์จริง และชอบธรรมทั้งสิ้น น่าปรารถนามากกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองนพคุณมากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ที่หยดลงจากรวง" (สดุดี 19:7-10)

3. เพื่อเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
    ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณหมายถึงอะไร  ผู้ที่จบศาสนศาสตร์ ?  ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ ?
"เรื่องเกี่ยวกับมหาปุโรหิตนั้นมีมากและยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายกลายเป็นคนหูตึงเสียแล้ว ถึงแม้ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็นครูได้แล้ว แต่ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีก ในเรื่องหลักธรรมเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายต้องกินน้ำนมไม่ใช่อาหารแข็ง เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์ อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว" (ฮีบรู 5:11-14)
 
ในพระธรรมข้อนี้จะเห็นว่า ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณไม่ใช่ผู้รู้พระคัมภีร์มากๆ แต่คือคนที่ทำตามพระวจนะของพระเจ้า เป็นผู้ที่สามารถใช้พระวจนะนั้นในการแยกแยะความดีความชั่วออกจากกัน พระคัมภีร์จึงเป็นเครื่องมือของพระเจ้าที่ทรงใช้ในการพัฒนาฝ่ายจิตวิญญาณของเราให้เป็นผู้ใหญ่ คือการเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์
 
4.เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้พระคัมภีร์
    เมื่อเราศึกษาและได้รับความจริงจากพระคัมภีร์โดยตรง จะทำให้เราเกิดความมั่นใจในความเข้าใจนั้น จะช่วยป้องกันเราจากการรับเอาความคิดเห็นของผู้อื่นโดยปราศจากการใคร่ครวญ ดังนั้นความจริงที่เราได้รับจากการศึกษาพระคัมภีร์โดยตรงจะเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เราสามารถพิจารณาทัศนะคติของผู้อื่น หรือหนังสือคำพยานต่างได้อย่างถูกต้องตามหลักของพระคัมภีร์
 
5. เพื่อช่วยผู้อื่นให้รู้จักกับพระเจ้ามากขึ้น
    เราไม่มีทางจะช่วยผู้อื่นให้รู้จักกับพระเจ้ามากขึ้นได้ถ้าตัวเราเองไม่ได้รู้จักและมีประสบการณ์กับพระองค์เองก่อน เราจึงต้องเรียนรู้จักพระองค์ผ่านทางพระวจนะของพระองค์และดำเนินชีวิตตามหลักของพระวจนะนั้น เปาโลได้กำชับทิโมธีไว้ว่า
"จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงยึดข้อที่กล่าวนี้ให้มั่น เพราะเมื่อกระทำดังนั้น ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและคนทั้งปวงที่ฟังท่านให้รอดได้" (1 ทิโมธี 4:16)
เราจะช่วยคนที่ไม่เชื่อให้รู้จักพระเจ้าได้ โดยการนำเขาด้วยการประกาศพระวจนะ และเราจะช่วยผู้เชื่อให้รู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น โดยการสั่งสอนพระวจนะ
 
ในการศึกษาพระคัมภีร์ให้เกิดผลนั้นยังต้องอาศัย ความมีวินัย ความทุ่มเท ความเพียรพยายาม ความหิวกระหาย และมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่อยากจะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น และแน่นอนที่ขาดไม่ได้คือการอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของพระวจนะ
 
ขอพระเจ้าอวยพระพร
 
วิจิตร วารินทร์ศิริกุล
 

1 comment:

  1. เรื่อง: คำแนะนำสำหรับเว็บไซต์ของคุณ
    องค์กรของเรา GlobalRize (www.globalrize.org) เผยแพร่พระกิตติคุณผ่านทางอินเทอร์เน็ต เรามีปลั๊กอินฟรีสำหรับเว็บไซต์ของคุณที่ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมอ่านข้อพระคัมภีร์ได้ง่ายขึ้น การติดตั้งจำกัดให้เพิ่มบรรทัดสคริปต์ในเว็บไซต์ของคุณ หรือ – ในกรณีที่คุณใช้ WordPress – ติดตั้งปลั๊กอินหลายภาษาของลิงก์พระคัมภีร์ ฉันขออธิบายสั้นๆ ให้คุณฟังทางอีเมลได้ไหม สำหรับตัวอย่างให้ดูที่ https://www.prakhampee.net/what-is-god-like/ และตรวจสอบลิงก์สีน้ำเงินพร้อมลิงก์ไปยังข้อพระคัมภีร์หรือตรวจสอบ https://bible-link.com/
    ด้วยความเคารพ
    Reyer Sneller
    GlobalRize Netherlands
    reyer.sneller@globalrize.nl

    ReplyDelete