Monday, October 21, 2013

ลำบากแค่ไหนก็จะเดินตาม


การเดินทางในชีวิตของคนเรานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ’ ซึ่งแปลความได้ว่า  ช่วงชีวิตของคนเรานั้นย่อมผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามากมาย  ทั้งความชื่นชมยินดี  ความสุขกายสุขใจ บางครั้งอาจผ่านความทุกข์ยากลำบาก ความทุกข์ใจ ท้อใจ อุปสรรคปัญหานานัปการ  ล้วนขึ้นอยู่กับชีวิตของแต่ละคนว่าอยู่ในสังคมเช่นไร ฐานะเป็นอย่างไร ยาก ดี มี จน  ชีวิตคริสเตียนของเราก็เช่นเดียวกัน  บางคนอาจจะเกิดมาในครอบครัวคริสเตียน ลืมตามาก็เห็นไม้กางเขนแล้ว บางคนกว่าจะมาเชื่อพระเจ้าได้อาจจะถูกต่อต้าน ขัดขวางอย่างหนัก และหลายคนมีความคาดหวังว่าเมื่อมาเชื่อพระเจ้า เป็นคริสเตียนแล้ว ชีวิตคงจะมีแต่ความสุข อุปสรรคปัญหาต่างๆในชีวิตก็คงจะหมดไป  บางคนมาเชื่อพระเจ้าใหม่ๆก็จะรู้สึกตื่นเต้น สุขใจกับความรอดที่พระเจ้าทรงประทานให้  ชื่นชมยินดีในชีวิตใหม่  สังคมใหม่ มีคนเอาใจใส่ดูแล รู้สึกว่าพี่น้องในโบสถ์มีแต่ความรักความจริงใจ เหมือนดังกับเดินอยู่บนถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ  แต่เมื่อเวลาผ่านไป  เอ๊ะ!  ทำไมปัญหาต่างๆก็ยังคงอยู่ ซ้ำบางครั้งกลับมากขึ้นอีก  พระเจ้าไม่ได้เอาปัญหาต่างๆออกไปจากชีวิต  พี่น้องคนนี้ก็เป็นอย่างนั้น เพื่อนคนนั้นก็เป็นอย่างนี้  ทำให้บางคนถึงกับเลิกมาโบสถ์หรือเลิกเชื่อพระเจ้าไปเลยก็มี  แต่ พระธรรมอพยพ 15 ข้อ 22 – 27  ได้บอกเราถึงเหตุผลของอุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตคริสเตียนของเราไว้ 3 ประการ 

"ต่อมาโมเสสนำพวกอิสราเอลออกจากทะเลแดงไปยังป่าชูร์   เดินไปในถิ่นทุรกันดารสามวันก็มิได้พบน้ำเลย  ครั้นมาถึงตำบลมาราห์ เขาก็กินน้ำที่ตำบลมาราห์นั้นไม่ได้เพราะน้ำขม  เหตุฉะนั้นจึงตั้งชื่อว่ามาราห์(แปลว่า  ความขม) ประชาชนก็พากันบ่น  และต่อว่าโมเสสว่า “พวกเราจะเอาอะไรดื่ม”  โมเสสก็ร้องทูลพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงชี้ให้ท่านเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อโยนต้นไม้นั้นลงในน้ำ  น้ำก็จืด   ณ ที่นั้นพระองค์ทรงประทานกฎเกณฑ์และกฎหมายไว้ และทรงลองใจเขาที่นั่น พระองค์ตรัสว่า  “ถ้าเจ้าทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าของเจ้า และกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์ เงี่ยหูฟังพระบัญญัติของพระองค์   และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ทุกประการ  แล้วโรคต่างๆซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่ชาวอียิปต์นั้น เราจะไม่ให้บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย เพราะเราคือพระเจ้าแพทย์ของเจ้า”  พวกเขามาถึงตำบลเอลิม  ที่มีบ่อน้ำพุสิบสองบ่อ   มีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น   พวกเขาจึงตั้งค่ายใกล้บ่อน้ำนั้น"

เหตุผลประการแรกที่อยากจะกล่าวถึง คือ
1. เพื่อให้เราพึ่งพาพระเจ้า
          พระเจ้าทรงมีแผนการและพระประสงค์ที่ดีต่อเราทุกคน ในข้อที่ 22-25  เราจะเห็นว่าพระเจ้าทรงให้ชนชาติอิสราเอลพบอุปสรรคปัญหาในขณะเดินในถิ่นทุรกันดาร  หลังจากโมเสสได้นำพวกเขาออกจากทะเลแดงไปยังป่าชูร์  เดินในถิ่นทุรกันดาร 3 วันไม่พบน้ำเลย  อากาศก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย แถมยังไม่มีน้ำกินอีก  แล้วเมื่อเดินทางมาถึงตำบลมาราห์ มีน้ำ แต่กินไม่ได้ เพราะมันมีรสขม ประชาชนก็บ่นต่อว่าโมเสส  แท้ที่จริงแล้วพระเจ้าทรงรู้จักมนุษย์ดี รู้จักพวกเราดีว่าเป็นอย่างไร แต่พระเจ้าต้องการให้เราพึ่งพาพระองค์ เพราะว่า
               1.1  มนุษย์มีความจำกัด  แม้เหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่การตกเป็นทาสในอียิปต์ถึง 400 ปี และพระเจ้าได้ฟังเสียงคร่ำครวญขอประชาชน พระเจ้าได้ส่งโมเสสมาเป็นผู้ที่จะช่วยนำเขาออกจากการเป็นทาส ทั้งด้วยความรัก  ด้วยฤทธิ์เดช  ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ พวกเขาได้เห็นกับตา ในภัยพิบัติ 10 ประการที่พระเจ้าได้ทรงให้เกิดต่อคนอียิปต์  โดยที่พวกเขาไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย  ระหว่างการเดินทางอพยพ พระเจ้าได้ให้ทั้งเสาเมฆในเวลากลางวันเพื่อกันความร้อน และให้เสาเพลิงเพื่อเป็นแสงสว่างและความอบอุ่นแก่เขาในเวลากลางคืน  และเมื่อมาถึงทะเลแดง พระเจ้าได้ให้เขาเห็นการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้แหวกทะเลแดงออกให้พวกเขาเดินบนผืนดินแห้ง โดยเมื่อศัตรูตามมา น้ำก็ได้กลับลงมาท่วมพวกศัตรูตายเกลี้ยง  พวกเขาได้เห็นกับตา ได้สัมผัสการอัศจรรย์ด้วยตัวเขาเอง  แต่ตอนนี้แค่ไม่มีน้ำกินเขาก็เริ่มบ่น เหตุการณ์นี้ทำให้เราเห็นว่า มนุษย์นั้นมีความจำกัด  ทั้งด้านความรู้ ความเข้าใจ ความคิด ทั้งด้านกำลังและการช่วยเหลือตนเอง ทั้งๆที่พระเจ้าทรงนำมาตลอด และพวกเขาก็ได้เห็นเต็มสองตาของเขา เพียงแค่ไม่มีน้ำดื่ม โวยวายซะแล้ว แทนที่จะพึ่งพระเจ้า ทูลขอกับพระองค์ การพร่ำบ่นต่อปัญหาต่างๆนั้นเป็นท่าทีที่พระเจ้าไม่พอพระทัยแน่ๆ พระเจ้าต้องการให้ลูกๆของพระองค์รู้จักพึ่งพาพระองค์  การบ่นเป็นการแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจในพระเจ้า ซึ่งพวกเขาไม่ได้แค่บ่นอย่างเดียว แต่ต่อว่าโมเสส ผู้นำของเขาด้วย พระเจ้าส่งโมเสสมา พระองค์ทรงเจิมตั้งเขาไว้ พวกเขาต้องเชื่อฟัง
         เราทั้งหลายก็คงจะเคยเจอปัญหายุ่งๆในชีวิต  ปัญหาครอบครัว ปัญหาค่าใช้จ่ายที่ไม่พอเพียง ปัญหาเรื่องการงานอาชีพ ปัญหาเพื่อนๆไม่เข้าใจ ปัญหาคู่รักที่กำลังจะตีจากไป  อย่าบ่น อย่าต่อว่า แต่ให้เรานำเรื่องทุกอย่างทูลต่อพระเจ้า ให้เรารู้ว่าเราเป็นมนุษย์ผู้มีความจำกัด บางอย่างเราช่วยตัวเองไม่ได้ ให้เราบอกกับพระเจ้าของเรา ทูลกับพระองค์ ทูลทุกสิ่ง ไม่ใช่บางสิ่ง ดูจากโมเสส  โมเสสเป็นตัวอย่างที่ดี ในข้อที่ 25 บอกว่า  โมเสสร้องทูลต่อพระเจ้า ท่านอธิษฐาน ท่านไม่ได้บ่น ไม่ได้ต่อว่าพระเจ้า แต่ท่านฝากปัญหาไว้กับพระองค์  เปาโลได้บอกไว้ใน ฟิลิปปี 4:6
 “อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย   แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า   ด้วยการอธิษฐาน   การวิงวอน   กับการขอบพระคุณ
             1.2  พระเจ้าไม่มีความจำกัด  เมื่อโมเสสร้องทูลพระเจ้า พระองค์จึงทรงชี้ให้ท่านเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง และเมื่อโยนต้นไม้ต้นนั้นลงในน้ำ น้ำก็จืด และชนอิสราเอลก็สามารถดื่มจากน้ำนั้นได้   พระเจ้าทรงมีทางออกให้กับเราเมื่อเราทูลต่อพระองค์ วิงวอนต่อพระองค์ ปัญหาที่ดูเหมือนจะแก้ไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้วมันง่ายมากสำหรับพระเจ้า เพราะพระองค์ไม่มีความจำกัด พระเยซูได้ตรัสไว้ในพระธรรม มาระโก 11:27   "พระเยซูทอดพระเนตรเหล่าสาวกแล้วตรัสว่า   “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้   แต่ไม่เหลือกำลังของพระเจ้า   เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง”"
ชีวิตของเราเป็นชีวิตที่ขมเหมือนน้ำที่มาราห์หรือเปล่า ให้พระองค์เป็นเหมือนต้นไม้นั้น ที่จะเปลี่ยนชีวิตที่ขมของเราให้เป็นชีวิตที่มีรสชาติ  น้ำที่มาราห์นั้น ดูภายนอกด้วยสายตาอาจจะดูปกติดี ดูใสสะอาด ไม่ขุ่นมัวหรือสกปรก  แต่เมื่อได้ชิมดูจึงรู้ว่ามีรสขม ใครได้ชิมก็ต้องบ้วนทิ้งไป  ชีวิตของเรา บางคนอาจจะดูภายนอกไม่รู้ ดูปกติดี มีชีวิตชีวา แต่ภายในมีแต่ความขมขื่น เพื่อนรอบข้างได้สัมผัสชีวิตแล้วก็ต้องหลีกหนีไป เพราะมันขม มันไม่มีรสชาติ เราจึงต้องอธิษฐาน ให้พระเยซูเข้ามามีส่วนในชีวิตของเรา ให้พระองค์เป็นเจ้าของชีวิต ให้สิทธิอำนาจแก่พระองค์เหนือชีวิตของเรา พระองค์ทรงช่วยเราได้ เพราะพระองค์ไม่มีความจำกัด
เหตุผลประการที่สองที่ ทำไมเราจึงต้องพบอุปสรรคปัญหา
2. เพื่อลองใจเรา
          ในข้อที่ 25 บอกว่า พระองค์ทรงประทานกฏเกณฑ์และกฎหมายไว้ และทรงลองใจเขาที่นั่น  ทำไมพระเจ้าจึงต้องลองใจ ?? 
             2.1  เพื่อทดสอบความเชื่อ  ยากอบ 1:2-4
"ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า   เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ   ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี  เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า   การทดลองความเชื่อของท่านนั้น   ทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง  และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์   เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม   มีคุณสมบัติครบถ้วน   ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย" 
พระธรรมตอนนี้บอกเราว่า เมื่อพบกับความทุกข์ ความขมขื่นในชีวิต ให้เราถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี  ให้เราอดทนต่อเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา  เพื่อแสดงถึงความเชื่อ ความหนักแน่นมั่นคง และการเป็นคนที่ใช้การได้ในสายพระเนตรของพระเจ้า  หอยมุกนั้น กว่าจะผลิตมุกเม็ดงามออกมาได้ ต้องผ่านความเจ็บปวด เพราะการที่จะเกิดมุกได้นั้น จะต้องมีเศษหินหลุดเข้าไปในตัวหอย ทำให้เกิดการระคายเคืองและเจ็บปวด หอยก็จะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาห่อหุ้มเศษหินนั้น จนกลายเป็นไข่มุกเม็ดงามและมีราคาแพง ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงอนุญาตให้อุปสรรค และปัญหา  ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เพื่อที่จะทดสอบว่าเราเป็นบุคคลที่พระองค์ทรงใช้การได้           
 จุดประสงค์ของการลองใจอีกอย่างหนึ่ง คือ
             2.2  เพื่อวัดการเชื่อฟังของเรา   สิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในชีวิตคริสเตียน คือ การเชื่อฟังพระเจ้า เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์  ในปฐมกาล ความบาปได้เกิดขึ้นกับมนุษย์คู่แรกเพราะการไม่เชื่อฟัง  เอวาหลงตามคำชักชวนของงู  หลงตามตัณหาของตา ทำให้ขาดการยั้งคิดและการเชื่อฟัง หลุดออกจากขอบเขตและกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้เพื่อจะปกป้องเขา ชีวิตคริสเตียนของเราก็เช่นเดียวกัน มีพระวจนะของพระเจ้า คือพระคัมภีร์เป็นขอบเขต เป็นกฎเกณฑ์ที่จะคอยปกป้องเราไม่ให้หลงไปในความบาปและตามตัณหาของเนื้อหนัง เพราะฉะนั้นการที่เราจะรู้จักกฎเกณฑ์ของพระเจ้าได้ มีวิธีเดียวคือ การอ่านพระคัมภีร์ เราได้อ่านพระคำของพระเจ้าจนครบทุกหน้าหรือยัง หรืออ่านจบกี่รอบแล้ว ขอบคุณพระเจ้าถ้าเราอ่านจบหลายรอบแล้ว  ยิ่งเราอ่านมาก อ่านบ่อย ใคร่ครวญมาก เราก็ยิ่งรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้น และความรักของพระองค์ในพระวจนะนั้นก็จะเป็นเหมือนรั้วที่ล้อมรอบเราไว้ ให้เราปลอดภับและไม่หลุดออกไปในความบาป  ดังที่กษัตริย์ดาวิดได้พรรณนาไว้ใน สดุดี 119:9-11

 " หนุ่มๆจะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร  โดยระแวดระวังตามพระวจนะของพระองค์  ข้าพระองค์แสวงพระองค์ด้วยสุดใจของข้าพระองค์ ขออย่าให้ข้าพระองค์หลงไปจากพระบัญญัติของพระองค์ ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของ พระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์  เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์"
เพราะฉะนั้น การที่เราจะเชื่อฟังพระเจ้าได้ ก็โดยการมีพระวจนะฝังลึกอยู่ในชีวิตของเรา และกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงสอนนั้น
เหตุผลประการสุดท้ายว่า ทำไมเราจึงต้องพบอุปสรรคปัญหาในชีวิตคริสเตียน

3. เพื่อรับพระพร
          พระพรที่เราจะได้รับจากพระเจ้ามี 2 ประการ คือ
             3.1 พระพรฝ่ายร่างกาย   ข้อ 26 กล่าว่า "แล้วโรคต่างๆซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่ชาวอียิปต์นั้น เราจะไม่ให้บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย เพราะเราคือพระเจ้าแพทย์ของเจ้า"  พระเจ้าทรงสัญญาว่าหากพวกเขาเชื่อฟังกฎหมายและกฏเกณฑ์ต่างๆ พวกเขาจะปลอดภัย พ้นจากโรคภัยที่เล่นงานชาวอียิปต์ ชาวอิสราเอลนั้นเขาไม่รู้เลยว่ากฏเกณฑ์ต่างๆของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงตั้งขึ้นด้วยความรักและความห่วงใยพวกเขา เพื่อปกป้องเขาจากโรคภัยต่างๆในขณะอยู่ในถิ่นทุรกันดาร บางครั้งอาจจะต้องลำบากบ้าง บางครั้งต้องเจ็บปวดบ้าง เช่น การเข้าสุหนัตหรือการขลิบหนังหุ้มปลายองคชาติของผู้ชาย ซึ่งสิ่งนี้เป็นที่ยอมรับของวงการแพทย์แผนปัจจุบันในสมัยนี้ว่า ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกของผู้ที่เป็นภรรยา และลดการติดเชื้อสำหรับตัวผู้ชายเอง แต่กฏเกณฑ์นี้พระเจ้าของเราได้ตั้งไว้ตั้งแต่สมัยอับราฮาม หรือประมาณ 4000 ปีที่แล้ว อัศจรรย์ พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่ พระองค์เป็นผู้สร้างเรา ร่างกายของเรา พระองค์รู้ว่าควรทำเช่นไร เราต้องเชื่อฟัง และในพระธรรมเลวีนิติ เราพบว่ากฏเกณฑ์ต่างๆที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดให้อิสราเอลทำนั้นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพ
             3.2  พระพรฝ่ายวิญญาณ  ในข้อที่ 27   "พวกเขามาถึงตำบลเอลิม  ที่มีบ่อน้ำพุสิบสองบ่อ   มีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น   พวกเขาจึงตั้งค่ายใกล้บ่อน้ำนั้น"
          หลังจากผ่านถิ่นทุรกันดาร ขาดน้ำดื่ม ผ่านประสบการณ์ที่มาราห์น้ำขม โดยที่พระเจ้าได้ประทานกฏเกณฑ์และกฎหมายให้ชาวอิสราเอลได้ปฏิบัติตามนั้น พวกเขาไม่เพียงแต่ได้รับพระพรฝ่ายร่างกาย พวกเขายังได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณด้วย  น้ำพุเป็นภาพที่เล็งถึงความสดชื่นของชีวิตฝ่ายวิญญาณ  พวกเขามาถึงน้ำพุ 12 บ่อ ซึ่งเท่ากับจำนวนเผ่า 12 เผ่าของชนชาติของเขา เป็นตัวเลขที่ครบบริบูรณ์ไม่มีขาด ต้นอินทผลัมก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ 70 ต้น เลข 7 ก็เป็นตัวเลขที่แสดงถึงความครบถ้วนบริบูรณ์ คิดดูว่าพวกเขาจะอิ่มเอมเปรมปรีดิ์สักแค่ไหน
ชีวิตในพระเจ้า เมื่อเราทั้งหลายเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า
พระองค์ทรงสัญญาใน อิสยาห์ 1:19-20
"ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง  เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน  แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธและกบฏ
เจ้าจะเป็นเหยื่อของคมดาบ   เพราะว่าพระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแล้ว
 และใน อิสยาห์ 48:17-19
"พระเจ้าผู้ไถ่ของเจ้า  องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า   “เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าผู้สั่งสอนเจ้าเพื่อประโยชน์ของเจ้า ผู้นำเจ้าในทางที่ควรเจ้าจะไป  โอ ถ้าเจ้าได้เชื่อฟังบัญญัติของเรา  แล้วความสุขสมบูรณ์ของเจ้า จะเป็นเหมือนแม่น้ำ และความชอบธรรมของเจ้า   จะเป็นเหมือนคลื่นทะเล  ลูกหลานของเจ้าจะเป็นเหมือนทราย  และเชื้อสายของเจ้าเหมือนเม็ดทราย ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัดออกเลย  หรือถูกทำลายเสียจากหน้าเรา "

เราพร้อมหรือไม่ที่จะรักษาความเชื่อเมื่อเจออุปสรรคปัญหาในการติดตามพระเจ้า หรือเมื่อเผชิญกับความไม่เข้าใจกันในคริสตจักร พบกับความทุกข์ยากลำบากในชีวิต ปัญหาครอบครัว พระเจ้าสัญญาว่า พระองค์จะดูแลท่าน อยู่เคียงข้างท่าน พระองค์จะไม่ทอดทิ้งท่าน

ขอพระเจ้าอวยพระพร

วิจิตร วารินทร์ศิริกุล

 

 

No comments:

Post a Comment