1. เบื้องหลังการเขียน
1.1 ผู้เขียน
เชื่อว่านายแพทย์ลูกาเป็นผู้เขียนทั้งพระกิตติคุณลูกาและพระธรรมกิจการ
เพราะ
- ผู้รับพระกิตติคุณลูกาและหนังสือกิจการเป็นคนเดียวกัน
และบอกชัดเจนว่าเป็นเล่มต่อจากลูกา
- ลูกาอยู่กับเปาโลขณะที่ท่านถูกจองจำที่กรุงโรม
2 ปี ทำให้ท่านได้รับข้อมูลต่างๆเป็นอย่างดี
- ลูการ่วมกับคณะของเปาโลในการประกาศตั้งแต่เมืองโตรอัส(16.7-10) จนกระทั่งถึงกรุเยรูซาเล็ม (27.1-28.16) ดังนั้นคำว่า “เรา”
หรือ ”พวกเรา” ในหลายตอนของกิจการจึงน่าจะหมายถึงเปาโลและตัวลูกาเองที่ได้บันทึกและร่วมในการเดินทางด้วย
1.2 จุดประสงค์
1. พระธรรมกิจการมีจุดประสงค์เดียวกันกับพระกิตติคุณลูกา
เพราะเป็นการบันทึกต่อเนื่อง จุดประสงค์พื้นฐานคือต้องการให้รายละเอียดที่ถูกต้องแม่นยำและเป็นระเบียบตามลำดับการพัฒนาการของคริสตศาสนา
ท่านได้บันทึกคำพยานของเหล่าสาวกเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์
บันทึกการประกาศตั้งแต่กรุงเยรูซาเล็มถึงกรุงโรมซึ่งเป็นลำดับเหตุการณ์ 30
ปีแรกของคริสตศาสนา
2. เพื่อให้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ปกป้องคริสตศาสนา
มีคำชี้แจงความเข้าใจผิด ลูกาเป็นห่วงสิ่งที่ประชาชนได้รับรู้
ไม่ว่าที่ใดที่คริสตศาสนาเข้าไปถึงดูเหมือนกับจะมีแต่ความยุ่งยากและความโกลาหล
ลูกาจึงได้พยายามจะเปลี่ยนความเข้าใจผิดๆที่ว่าคริสตจักรเป็นต้นเหตุให้เกิดความยุ่งยาก
โดยได้บันทึกรายละเอียดอย่างชัดเจนและถูกต้อง
โดยเฉพาะการเป็นปรปักษ์ของบรรดาผู้นำชาวยิว
3. เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ผู้เชื่อใหม่
ท่านต้องการให้ผู้อ่านเห็นถึงความร้อนรนในการประกาศไม่เพียงเท่านั้นท่านยังได้เน้นถึงพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ทั้งยังได้บันทึกให้เห็นว่าพระราชกิจของพระองค์นั้นเป็นประสบการณ์ในชีวิตของคริสตชน
และฤทธานุภาพของพระองค์ได้สำแดงออกอย่างชัดเจนในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
1.3 ผู้รับ
ท่านเธโอฟีลัส ซึ่งเป็นคนต่างชาติ
1.4
เวลาที่เขียน พระธรรมกิจการจบลงที่ท่านอัครฑูตเปาโลได้ถูกจองจำในกรุงโรมประมาณปี
ค.ศ.61 และอยู่ที่นั่นประมาณ 2 ปี (28.30) ดังนั้นเรื่องราวของพระธรรมกิจการก็จบลงในปี
ค.ศ.63 (ในกิจการไม่ได้กล่าวถึงการข่มเหงคริเตียนโดยเนโรในปี
ค.ศ.64 และไม่ได้กล่าวถึงการพลีชีพเพื่อรักษาความเชื่อของเปาโลในช่วงท้ายๆของทศวรรษ
ไม่ได้กล่าวถึงกรุงเยรูซาเล็มที่ถูกทำลายในปี ค.ศ.70)
1.5
ลักษณะพิเศษ
- พระธรรมกิจการเป็นดั่งเอกสารของมิชชันนารี
ซึ่งมีพระมหาบัญชาเป็นโครงสร้างหลัก
- มีศูนย์กลาง 2
แห่งคือ กรุงเยรูซาเล็มและอันทิโอก มีผู้นำหลัก 2
คนคือ เปโตรและเปาโล
- ดูเหมือนเป็นคำเทศนาตลอดทั้งเล่ม
เพราะลูกาได้บรรยายคำอย่างละเอียด
- คำที่ปรากฏบ่อยๆคือ
คริสตจักร อัครฑูต ความเชื่อ บัพติศมา ทำให้เห็นบรรยากาศของหนังสือ
เล่มนี้ว่าเน้นไปในทิศทางใด
- พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นกุญแจหลักแห่งความสำเร็จของพันธกิจ
เป็นผู้แนะนำที่เยี่ยมยอด
- เน้นการก่อตั้งคริสตจักรและการทำให้เติบโตขึ้นโดยทางการสามัคคีธรรมของผู้เชื่อ
2. โครงเรื่องของพระธรรมกิจการ
1. เปโตรและการเริ่มต้นคริสตจักรในปาเลสไตน์
(บทที่ 1-12)
1.1 ทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลีและสะมาเรีย (บทที่ 1.1-9.31)
ก. คำนำ บทที่
1.1-2
ข.
พันธกิจของพระเยซูหลังฟื้นคืนพระชนม์ บทที่
1.3-1
ค.
การรอคอยพระวิญญาณบริสุทธิ์ บทที่
1.12-26
ง.
การประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ บทที่
2
จ. การรักษาคนง่อยที่ประตูงามและการถูกจับกุม บทที่
3.1-4.31
ฉ.
การรวมทุกสิ่งเป็นของกลาง บทที่
4.32-5.11
ช. การจับกุมอัครสาวกทั้ง 12 คน บทที่
5.12-42
ซ.
การเลือกตั้งผู้บริการ 7
คน บทที่ 6.1-7
ฌ. สเตเฟนถูกหินขว้างตาย บทที่
6.8-7.6
ญ.
การกระจัดกระจายจากเยรูซาเล็มของสาวก บทที่
8.1-4
ฎ.
พันธกิจของฟิลิป (บทที่ 8.5-40)
-
การรับใช้ในสะมาเรีย บทที่
8.5-25
-
การรับใช้กับขันทีชาวเอธิโอเปีย บทที่ 8.26-40
ฐ.
การกลับใจของเซาโล บทที่
9.1-31
1.2 ขยายไปสู่โฟนีเซีย ไซปรัสและอันทิโอก
(บทที่ 9.32-12.25)
ก.
พันธกิจของเปโตรที่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (บทที่ 9.32-11.8)
-
การรับใช้กับไอเนอัสและโดรคัส บทที่
9.32-43
-
การรับใช้กับโคเนลิอัส บทที่
10.1-11.8
ข.
คริสตจักรของคนต่างชาติที่อันทิโอก บทที่
11.19-30
ค. การข่มเหงและการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์เฮโรด บทที่
12
2. เปาโลและการขยายคริสตจักรไปสู่โรม
(บทที่ 13-28)
2.1 ทั่วแคว้นฟีเจียและกาลาเทีย (บทที่ 13.1-15.35)
-
การประกาศเที่ยวแรกของเปาโล บทที่
13-14
-
การประชุมที่กรุงเยรูซาเล็ม บทที่
15.1-35
2.2 ที่แคว้นมาซิโดเนีย (บทที่ 15.36-21.16)
-
การประกาศเที่ยวที่สองของเปาโล บทที่
15.36-18.22
-
การประกาศเที่ยวที่สามของเปาโล บทที่
18.23-21.16
2.3 การเดินทางสู่กรุงโรม (บทที่ 21.17-28.31)
ก. เปาโลถูกจับขังคุกที่กรุงเยรูซาเล็ม
(บทที่ 21.17-23.35)
-
การถูกจับกุม บทที่
21.17-22.29
-
การถูกสอบสวนต่อหน้าสภา บทที่
22.30-23.11
-
ถูกส่งไปที่ซีซารียา บทที่
23.12-12.35
ข. เปาโลถูกขังคุกที่ซีซารียา (บทที่
24-26)
-
การถูกสอบสวนต่อหน้าเฟลิกซ์ บทที่
24
-
การถูกสอบสวนต่อหน้าเฟสทัส บทที่
25.1-12
-
การถูกสอบสวนต่อหน้าเฟสทัสและอากริปปา บทที่ 25.13-26.32
ค.
การเดินทางสู่กรุงโรม บทที่
27.1-28.15
ง. การถูกกักขังที่กรุงโรม 2
ปี บทที่
28.16-31
3. บทสรุป
- พระเยูซูตรัสสั่งให้เราเป็นพยานฝ่ายพระองค์
เริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียและจนสุดปลายแผ่นดินโลก
กรุงเยรูซาเล็มคือถิ่นที่อยู่ของเรา ส่วนแคว้นยูเดียและแคว้นสะมาเรียจะเป็นถิ่นที่มีวัฒนธรรม
กลุ่มคนและภาษาที่ต่างออกไปจากเรานิดหน่อย
ที่สุดปลายแผ่นดินโลกจะเป็นสถานที่ที่ไกลที่สุดที่เราจะไปถึง หรืออีกนัยหนึ่ง
เราต้องเป็นพยานฝ่ายพระเยซูไม่ใช่เพียงเพื่อนบ้านที่อยู่บนถนนเดียวกัน
ไม่ใช่เพียงคนต่างเผ่าพันธุ์ที่อยู่รอบข้างเรา แต่ต้องกับคนทั่วทั้งโลกอีกด้วย
ถึงอย่างไรเราก็ต้องเริ่มต้นที่เยรูซาเล็มของเรา เปโตรและยอห์นไปพบเห็นคนง่อย “โดยบังเอิญ”
(3.1-10)
แต่พวกเขาก็เห็นโอกาสที่จะประกาศ
เช่นเดียวกันกับคนที่มีปัญหาที่เราพบเจอทุกวัน เราต้องเห็นว่าเป็นโอกาสที่เราจะประกาศ
(แต่ไม่ควรอาจหาญเกินไปที่จะไปสัญญาว่าพระเยซูจะทรงแก้ไขปัญหาของเขา
และอย่าอ่อนแอเกินไปจนไม่กล้าเป็นพยานกับเขา)
- อธิษฐานขอให้คริสตจักรได้รับการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ที่จะมีโอกาสได้ไปประกาศยังแคว้นยูเดียและสะมาเรียของเรา เราควรฉวยโอกาสประกาศพระเยซูในสถานที่ใหม่ๆทันที
- อธิษฐานขอให้มีสมาชิกในคริสตจักรของเราไปเป็นมิชชันนารีเหมือนที่อันทิโอกได้ส่งเปาโลและบารนาบัสออกไป
(13.1-3) ถ้าพระวิญญาณทรงนำเราก็ต้องสนับสนุนด้วยการอธิษฐานและกำลังทรัพย์
*** จงอธิษฐาน ออกไปเอง และส่งคนออกไปประกาศเถิด
***
4. การตีความพระธรรมกิจการ
พระธรรมกิจการได้บันทึกถึงการเสื้อมลงของระบบเก่าและเริ่มต้นระบบใหม่
เมื่อจะตีความพระธรรมกิจการควรจะระลึกถึงเรื่องนี้ด้วย
และจะเป็นประโยชน์มากถ้าบันทึกเป็นรายๆไปว่า กำลังกล่าวถึงใคร
และเขารู้อะไรมากน้อยเพียงไร เช่น ในยุคคริสตจักรเริ่มแรก
มีชาวยิวที่มีความเชื่อศรัทธาอย่างแท้จริงในพระเจ้าของยิว
แต่แทบจะไม่รู้จักพระเยซูคริสต์เลย
มีหลายคนที่ตอบรับคำสอนของยอห์น บัพติศโตเป็นอย่างดี
แต่แทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ที่ยอห์นประกาศนั้น
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องสังเกตุดูเนื้อหาให้ดีว่ากำลังเน้นอยู่ที่ใคร
เพื่อจะได้ตีความเหตุการณ์ตอนนั้นได้ถูกต้อง
กิจการเป็นพระธรรมที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจริงๆ
No comments:
Post a Comment