'อับบา' พระเยซูทรงเรียกพระเจ้าว่า 'อับบา' (มาระโก 14:36) คำนี้เป็นภาษาอารัมซึ่งแปลว่า คุณพ่อหรือคุณพ่อที่รัก ซึ่งเด็กๆจะใช้คำนี้กับคุณพ่อของเขา ชาวยิวทั่วไปคิดว่ามนุษย์ไม่สมควรเรียกพระเจ้าเช่นนี้ พวกเขาจะใช้คำว่า อาบินู (พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย)แทน แต่เนื่องจากพระเยซูทรงสนิทสนมกับพระเจ้าอย่างมากจึงใช้คำที่แสดงความใกล้ชิดนี้ ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังทรงหนุนใจให้สาวกทำเช่นเดียวกัน เปาโลใช้คำนี้ 2 ครั้งในจดหมายของเขา "เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า "อับบา" คือพระบิดา พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า" (โรม 8:15-16) "เพราะท่านเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเรา ร้องว่า "อับบา" คือ พระบิดา" (กาลาเทีย 4:6)
การที่พระเยซูทรงเรียกพระเจ้าเช่นนี้ เป็นเหมือนวิถีใหม่และเป็นส่วนตัวมากกว่าผู้พยากรณ์อื่นๆที่มาก่อนพระองค์ พระองค์ทรงสอนสาวกให้เข้าเฝ้าพระเจ้าในฐานะลูกที่เข้าไปหาคุณพ่อผู้ปราดเปรื่อง เปี่ยมด้วยความรักเอ็นดูและพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ เพราะพระเยซูทรงประทานสิทธิในการเป็นบุตรของพระเจ้าให้พวกสาวกแล้ว
หลายคนมองว่านี่เป็นการปฏิวัติคำสอนใหม่หมด เพราะพวกเขาเข้าใจว่า 'ศาสนา' เป็นภาระหนักอึ้งและเต็มไปด้วยกฏเกณฑ์และพิธีกรรมต่างๆ แต่พระเยซูชี้ให้เห็นว่า รากฐานของศาสนาคือความสัมพันธ์อันเปี่ยมล้นด้วยความรักระหว่างพระเจ้ากับเรา ในฐานะพระบิดา พระเจ้าทรงห่วงใยชีวิตเราทุกด้านและเลี้ยงดูเรา คำสอนนี้เปลี่ยนท่าทีเราในการอธิษฐาน
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ให้เราผู้เชื่อกล้าที่จะเข้าหาพระเจ้าพระบิดาในทุกขณะและทุกกรณี ไม่ว่าจะอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าโศก ความชื่นชมยินดี ความทุกข์ใจ ความสำเร็จ ความผิดหวัง ความท้อถอย อย่าลืมร้องเรียกพระองค์ พระบิดาของเราผู้ทรงรักเรามากกว่าที่เราจะคิดได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------
การที่พระเยซูทรงเรียกพระเจ้าเช่นนี้ เป็นเหมือนวิถีใหม่และเป็นส่วนตัวมากกว่าผู้พยากรณ์อื่นๆที่มาก่อนพระองค์ พระองค์ทรงสอนสาวกให้เข้าเฝ้าพระเจ้าในฐานะลูกที่เข้าไปหาคุณพ่อผู้ปราดเปรื่อง เปี่ยมด้วยความรักเอ็นดูและพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ เพราะพระเยซูทรงประทานสิทธิในการเป็นบุตรของพระเจ้าให้พวกสาวกแล้ว
หลายคนมองว่านี่เป็นการปฏิวัติคำสอนใหม่หมด เพราะพวกเขาเข้าใจว่า 'ศาสนา' เป็นภาระหนักอึ้งและเต็มไปด้วยกฏเกณฑ์และพิธีกรรมต่างๆ แต่พระเยซูชี้ให้เห็นว่า รากฐานของศาสนาคือความสัมพันธ์อันเปี่ยมล้นด้วยความรักระหว่างพระเจ้ากับเรา ในฐานะพระบิดา พระเจ้าทรงห่วงใยชีวิตเราทุกด้านและเลี้ยงดูเรา คำสอนนี้เปลี่ยนท่าทีเราในการอธิษฐาน
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ให้เราผู้เชื่อกล้าที่จะเข้าหาพระเจ้าพระบิดาในทุกขณะและทุกกรณี ไม่ว่าจะอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าโศก ความชื่นชมยินดี ความทุกข์ใจ ความสำเร็จ ความผิดหวัง ความท้อถอย อย่าลืมร้องเรียกพระองค์ พระบิดาของเราผู้ทรงรักเรามากกว่าที่เราจะคิดได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------
No comments:
Post a Comment