Wednesday, December 21, 2011

เครื่องมือของพระเจ้า

บางครั้งเราก็มองเห็นจุดเด่นในตัวของเพื่อนแตกต่างกันไป แต่ละคนมีจุดเด่นและมีสิ่งที่ดีต่างๆกันเพื่อเสริมสร้างซึ่งกันและกันในพระกายของพระคริสต์ พระเจ้าจะทรงใช้เราในกิจการของพระองค์เมื่อเรายอมให้ชีวิตของเราเป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่พระเจ้าใช้ได้
บ่อยครั้งเมื่อเราต้องการใช้เครื่องมือในบ้านของเราแล้วมักจะหาไม่เจอ ทำให้เสียเวลาและเสียอารมณ์ เพราะไม่รู้จะโทษใคร เนื่องจากเราเก็บของไม่เป็นที่เป็นทาง เราต้องตัดสินใจที่จะแยกเก็บของใช้แต่ละประเภทเพื่อสะดวกในการใช้ พระเจ้าเองก็ทรงแยกแซมสันออกมาโดยเฉพาะ เพื่อพระองค์จะทรงใช้เขาช่วยกู้อิสราเอลตามพระประสงค์ของพระองค์เช่นกัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้วินิจฉัย บทที่ 13
คนอิสราเอลก็กระทำชั่วในสายพระเนตรพระเจ้าอีก พระเจ้าทรงมอบเขาไว้ในมือของคนฟีลิสเตียสี่สิบปี
มีชายคนหนึ่งเป็นชาวโศราห์คนเผ่าดาน ชื่อมาโนอาห์ ภรรยาของท่านเป็นหมันไม่มีบุตรเลย
ทูตของพระเจ้ามาปรากฏแก่นางนั้น กล่าวแก่นางว่า "ดูเถิด เจ้าเป็นหมันไม่มีบุตร แต่เจ้าจะตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชาย
เพราะฉะนั้นจงระวัง อย่าดื่มเหล้าองุ่น หรือเมรัย และอย่ารับประทานของมลทิน
เพราะนี่แน่ะ เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นชาย อย่าให้มีดโกนถูกศีรษะของเขา เพราะเด็กคนนี้จะเป็นพวกนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่เกิดมา เขาจะเป็นคนเริ่มช่วยกู้คนอิสราเอล ให้พ้นจากเงื้อมมือของคนฟีลิสเตีย"
ฝ่ายหญิงนั้นจึงไปบอกสามีว่า "มีบุรุษของพระเจ้ามาหาดิฉัน หน้าตาของท่านเหมือนหน้าตาทูตของพระเจ้าน่ากลัวนัก ดิฉันไม่ได้ถามท่านว่ามาจากไหน และท่านก็ไม่บอกชื่อของท่านแก่ดิฉัน
แต่ท่านบอกดิฉันว่า "ดูเถิด เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย ฉะนั้นอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือเมรัยอย่ารับประทานของมลทิน เพราะเด็กนั้นจะเป็นพวกนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่เกิดมาจนวันตาย"
แล้วมาโนอาห์ก็วิงวอนพระเจ้าทูลว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอบุรุษของพระเจ้าผู้ซึ่งพระองค์ทรงใช้มานั้นปรากฏแก่ข้าพระองค์ทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง สั่งสอนข้าพระองค์ว่า ข้าพระองค์ควรกระทำอย่างไรแก่เด็กที่จะเกิดมานั้น"
และพระเจ้าทรงฟังเสียงของมาโนอาห์ และทูตของพระเจ้ามาหาหญิงนั้นอีก เมื่อนางนั่งอยู่ในทุ่งนาแต่มาโนอาห์สามีของนางไม่ได้อยู่ด้วย
นางก็รีบวิ่งไปบอกสามีว่า "ดูเถิด บุรุษผู้ที่ปรากฏแก่ดิฉัน วันนั้นได้มาปรากฏแก่ดิฉันอีก"
มาโนอาห์ก็ลุกขึ้นตามภรรยาไป เมื่อมาถึงบุรุษผู้นั้นเขาจึงว่า "ท่านเป็นบุรุษผู้ที่พูดกับผู้หญิงคนนี้หรือ" ผู้นั้นตอบว่า "เราเป็นผู้นั้นแหละ"
มาโนอาห์จึงกล่าวว่า "เมื่อเกิดเป็นจริงตามถ้อยคำของท่านแล้ว ชีวิตของเด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไร เขาจะกระทำอะไร"
และทูตของพระเจ้าบอกแก่มาโนอาห์ว่า "บรรดาสิ่งที่เราได้บอกแก่หญิงแล้วนั้นให้นางระวังให้ดี
อย่าให้รับประทานสิ่งใดที่ได้มาจากเถาองุ่น อย่าให้นางดื่มเหล้าองุ่นหรือเมรัยอย่ารับประทานของมลทิน สิ่งใดที่เราบัญชานางไว้ให้นางปฏิบัติตามทุกประการ"
มาโนอาห์กล่าวแก่ทูตของพระเจ้าว่า "ขอท่านรออยู่ก่อนข้าพเจ้าทั้งสองจะไปเตรียมลูกแพะตัวหนึ่งให้ท่าน"
ทูตของพระเจ้าบอกมาโนอาห์ว่า "ถึงเจ้าจะให้เรารอ เราจะไม่รับประทานอาหารของเจ้า แต่ถ้าเจ้าจะจัดเครื่องเผาบูชา เจ้าจงถวายแด่พระเจ้า" (เพราะว่ามาโนอาห์ไม่ทราบว่าท่านผู้นั้นเป็นทูตของพระเจ้า)
มาโนอาห์ถามทูตของพระเจ้าว่า "ท่านชื่ออะไร เพื่อเมื่อเป็นจริงตามถ้อยคำของท่านเราจะได้ให้เกียรติแก่ท่าน"
ทูตของพระเจ้าบอกมาโนอาห์ว่า "ถามชื่อเราทำไม ชื่อเราก็มหัศจรรย์อยู่"
มาโนอาห์ก็เอาลูกแพะกับธัญญบูชามาถวายบูชาบนศิลาแด่พระเจ้า ผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์ มาโนอาห์และภรรยาก็มองดู
และอยู่มาเมื่อเปลวไฟจากแท่นบูชาพลุ่งขึ้นไปสวรรค์ ทูตของพระเจ้าก็ขึ้นไปตามเปลวไฟแห่งแท่นบูชา ขณะเมื่อมาโนอาห์และภรรยาคอยดูอยู่ และเขาทั้งสองก็ซบหน้าลงถึงดิน
ทูตของพระเจ้าไม่ปรากฏแก่มาโนอาห์หรือแก่ภรรยาของเขาอีกเลย แล้วมาโนอาห์จึงทราบว่าผู้นั้นเป็นทูตของพระเจ้า
และมาโนอาห์พูดกับภรรยาของตนว่า "เราคงจะตายเป็นแน่ เพราะเราได้เห็นพระเจ้า"
แต่ภรรยาบอกเขาว่า "ถ้าพระเจ้าทรงหมายจะฆ่าเราเสีย พระองค์คงจะไม่รับเครื่องเผาบูชาและธัญญบูชาจากมือของเรา หรือทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้แก่เราหรือประกาศเรื่องเช่นนี้แก่เรา"
ผู้หญิงนั้นก็คลอดบุตรชายคนหนึ่งเรียกชื่อว่าแซมสัน เด็กนั้นก็เติบโตขึ้น และพระเจ้าทรงอำนวยพระพรแก่เขา
และพระวิญญาณของพระเจ้าก็ทรงเริ่มเร้าใจเขาที่มาหะเนห์ดานระหว่างโศราห์กับเอชทาโอล
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่ออิสราเอลหันกลับไปทำความชั่วอีก เขาจึงต้องตกเป็นเมืองขึ้นของคนฟิลิสเตียเป็นเวลา 40 ปี อิสราเอลได้ละทิ้งพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีก พระเจ้าทรงช่วยกู้หลายครั้งและประทานผู้วินิจฉัย 11 คน แต่ขณะนี้ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับการตกอยู่ใต้การปกครองของต่างชาติและไม่ยอมกลับใจใหม่ ไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังทำผิดบาปต่อพระเจ้า ไม่มีการร้องไห้คร่ำครวญเพื่อขอการปลดปล่อย แต่พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งคนของพระองค์ พระองค์ทรงมีแผนการที่จะประทานผู้ช่วยกู้พวกเขาให้เป็นไท

อาจจะเพราะความเชื่อ แต่ดูเหมือนว่าพระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงคุณลักษณะพิเศษของทั้งคู่ไว้เลย แต่เราเห็นได้จากท่าทีและการตอบสนองของทั้งคู่ได้ ถึงแม้ว่ามาโนอาห์จะเป็นคนที่เชื่ออะไรค่อนข้างยาก เช่น เมื่อภรรยาบอกเรื่องทูตสวรรค์ เขาก็ต้องการพิสูจน์ให้แน่ใจโดยขอพระเจ้าส่งทูตสวรรค์มาอีกครั้ง เมื่อพระเจ้าส่งมาอีก เขาก็ขอให้ทูตสวรรค์รอ และถามชื่อของทูตสวรรค์ จนเมื่อทูตสวรรค์ลอยขึ้นเหนือเปลวไฟเครื่องบูชาเขาจึงเชื่อและเกิดความกลัว มาโนอาห์ไม่ได้เข้าใจและเชื่อเหมือนที่ภรรยาเขาเชื่อ
พระเจ้าทรงประสงค์ให้บุตรชายของทั้งสองต้องถูกแยกไว้สำหรับพระองค์โดยเฉพาะ ทั้งมาโนอาห์และภรรยาจะต้องเลี้ยงดูแซมสันตามแบบอย่างของนาศีร์ คือ ต้องไม่ให้เขากินหรือดื่มสิ่งที่ทำมาจากองุ่นและสิ่งที่เป็นมลทินตามบันทึกในพระคัมภีร์ ห้ามแตะต้องซากศพและสิ่งมลทินต่างๆ ต้องไม่โกนผมหรือตัดผม สิ่งเหล่านี้พระเจ้าไม่ได้เรียกร้องให้ทั้งสองทำเมื่อแซมสันเกิดมาแล้ว แต่ให้ทำทันทีตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์
ส่วนเครื่องเผาบูชาและธัญบูชานั้นแสดงถึงการอุทิศตัวและนมัสการพระเจ้า แสดงถึงการยอมรับต่อพระประสงค์ของพระองค์ และยอมถวายตัวให้พระเจ้าใช้เป็นเครื่องมือในการให้กำเนิดแซมสัน และเลี้ยงดูเขาตามวิธีการที่พระองค์ได้สั่งไว้
มาโนอาห์และภรรยาเป็นตัวอย่างของผู้ที่ยอมให้พระเจ้าใช้เพื่องานของพระองค์ แม้ว่าในตอนแรกมาโนอาห์จะสงสัยละต้องการข้อพิสูจน์ แต่ในที่สุดเขาทั้งสองก็ยอมถวายตัว

------------------------------------------------------------------------------------------
พระเจ้าทรงใช้คุณให้เป็นเครื่องมือของพระองค์ในด้านใดบ้าง ??
------------------------------------------------------------------------------------------

แท้ที่จริง งานรับใช้พระเจ้าบางด้านที่เฉพาะเจาะจงนั้นต้องการการยืนยันพิเศษจากพระเจ้าดังเช่นมาโนอาห์ แต่มีงานอีกมากมายที่ไม่จำเป็นเพราะว่าเป็นหน้าที่ของคริสเตียนอยู่แล้ว เช่น การประกาศ การเลี้ยงดูจิตวิญญาณ การเยี่ยมเยียน การหนุนใจ การรับใช้ในคริสตจักร ฯลฯ
คุณเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมและพร้อมให้พระเจ้าใช้ในงานของพระองค์หรือยัง งานที่เป็นหน้าที่ของคริสเตียนที่ดีเราจะต้องไม่ละเลย เราจะต้องมีชีวิตที่ติดสนิทและไวต่อเสียงที่พระเจ้าทรงเรียก เพื่อเราจะไม่พลาดจากพระพรอันล้ำค่าที่พระองค์ประสงค์จะเทผ่านชีวิตของเรา

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยอมเป็นเครื่องมือของพระเจ้า ให้พระองค์ใช้ตามน้ำพระทัยพระองค์
---------------------------------------------------------------------------------------------------------


No comments:

Post a Comment