สัปดาห์ที่ 2 วิวรณ์บทที่
1 บทนำ
ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
1. บทนำ
คำขึ้นต้นของพระธรรมวิวรณ์ว่า “วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์” – เป็นการสำแดงโดยพระคริสต์
เพราะฉะนั้นภาพของพระคริสต์จึงโดดเด่นเป็นศูนย์กลางของหนังสือเล่มนี้ และคำว่า
วิวรณ์ ซึ่งหมายถึงการเปิดเผยหรือการสำแดงสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ให้ชัดเจน
บ่งบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่หนังสือที่มาจากสติปัญญาของมนุษย์
ไม่ใช่หนังสือที่จะใช้ทดลองเชาว์ปัญญาหรือนำมาถกเถียงกัน
แต่เป็นนิมิตที่พระเจ้าได้ทรงเปิดเผย และทรงกระทำให้ความล้ำลึกนั้นกระจ่าง
เป็นที่เข้าใจของมนุษย์
พระธรรมวิวรณ์มีจุดประสงค์ให้คนของพระเจ้าทั้งหลายได้รู้ว่าอะไรจะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
คำว่าในไม่ช้านี้ มีความหมายว่าการกระทำจะเกิดอย่างฉับพลันในทันทีที่มันมาถึง
เมื่อเหตุการณ์แห่งยุคสุดท้ายอุบัติขึ้น มันจะเป็นไปอย่างรวดเร็วตามลำดับของมัน
ในการศึกษาพระธรรมวิวรณ์
เราไม่ควรมุ่งเน้นที่ลำดับเวลาของเหตุการณ์ต่างๆหรือรายละเอียดของหมายสำคัญที่ยอห์นใช้จนมองข้ามเรื่องราวหลักที่สำคัญกว่า
คือ ความรัก อำนาจและความยุติธรรมอันไม่จำกัดขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า
2. วิธีการ
พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์ไปสำแดงแก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์
ซึ่งเป็นบุคคลที่พระองค์ทรงใช้ให้เป็นพยานในเรื่องที่ได้พบเห็น และบันทึกเหตุการณ์อนาคตเพื่อจะได้หนุนใจผู้เชื่อทุกคน
นิมิตนี้ประกอบด้วยหมายสำคัญมากมายที่เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
สิ่งที่ยอห์นได้เห็นส่วนใหญ่จะไม่สามารถอธิบายได้ ท่านจึงได้ใช้ภาพประกอบ
ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจรายละเอียดทุกอย่าง แท้จริงแล้ว
ยอห์นใช้ภาพสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าพระคริสต์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงสง่าราศีและเป็นผู้มีชัยชนะเหนือสรรพสิ่ง ซึ่งในบทนำนี้ยอห์นได้เน้นย้ำว่า
-
ท่านเป็นพยานฝ่ายพระวจนะของพระเจ้า
- ท่านเป็นพยานฝ่ายพระเยซูคริสต์
-
ท่านเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งสิ้น
3. ผลที่เกิดแก่ผู้อ่านและผู้ฟัง
วิวรณ์เป็นพระธรรมเพียงเล่มเดียวที่มีคำสัญญาว่า “ขอความสุขจงมีแก่บรรดาผู้อ่านและผู้ฟังคำพยากรณ์เหล่านี้
และถือรักษาข้อความที่เขียนไว้ในคำพยากรณ์นี้” วิวรณ์ 1.3
แต่คริสเตียนไม่น้อยที่รู้สึกว่าวิวรณ์นั้นเข้าใจยากและน่าเบื่อ
จึงไม่อ่านและไม่พยายามทำความเข้าใจ เป็นเหตุให้พลาดพระพรมากมายจากพระธรรมเล่มนี้
จากคำสัญญาข้างต้นนี้ เมื่อเราได้อ่านอย่างใคร่ครวญ เราจะรู้จักกับพระเจ้าดียิ่งขึ้นจึงทำให้เราสามารถไว้วางใจในพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์
คริสเตียนจึงต้องดำเนินชีวิตอย่างเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
เพื่อต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์
เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเมื่อนั้นเราไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนฝ่ายที่เราอยู่
4. ผู้รับข่าวสาร
คริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชียไมเนอร์
ซึ่งแคว้นเอเชียนับว่าเป็นศูนย์กลางของโลกในขณะนั้นและเป็นศูนย์กลางของแหล่งอารยธรรม
การใช้หมายเลข 7 แสดงถึงความสมบูรณ์ บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์
การที่ยอห์นเขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดไม่ได้หมายความเพียงคริสตจักรทั้ง 7
แห่งเท่านั้น แต่หมายถึงคริสตจักรของพระคริสต์ทั้งหมด
(นักตีความพระคัมภีร์บางท่านเชื่อว่า คริสตจักรทั้งเจ็ด
เป็นการบ่งบอกถึงสถานการณ์ของคริสตจักรแต่ละยุค รวม 7 ยุค และยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคสุดท้าย
ซึ่งเทียบได้กับ คริสตจักร เลาดีเซีย)
-
คริสตจักร คือ ชุมชนที่ถูกแยกออกมา
โดยมีวัตถุประสงค์พิเศษ
-
ทั่วโลกจะต้องรับรู้ด้วย เพราะเขาจะเห็นการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์เช่นกัน
รวมทั้งคนเหล่านั้นที่ได้แทงพระองค์ (1.7)
-
ในข้อ 8 เน้นเตือนเราให้ระลึกว่าพระคริสต์เป็นผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์
ทรงเป็นอัลฟาและโอเมกา นอกจากนั้น พระองค์ยังเป็นผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้
ผู้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน ผู้จะเสด็จมาและเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
พระองค์ทรงเป็นผู้ครอบครองทั้ง อดีต ปัจจุบันและอนาคต (อสย 44.6, 48.12-15)
5. นิมิตแรกที่ยอห์นได้รับ
พระเจ้าทรงเลือกสถานที่ที่ทรงสำแดงวิวรณ์ของพระองค์ คือ
เกาะปัทมอส ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆที่เต็มไปด้วยโขดหินบนทะเลอาเจียน
อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเอเฟซัส
ซึ่งยอห์นถูกส่งไปที่เกาะนี้ในฐานะนักโทษในสมัยของจักรพรรดิโดมิเทียนเพราะท่านไม่ยอมหยุดเทศนาพระวจนะของพระเจ้า
และเมื่อจักรพรรดิโดมิเทียนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 96 ยอห์นก็ได้รับการปล่อยตัว
ท่านได้กลับไปที่เมืองเอเฟซัส
1.
สิ่งที่ยอห์นได้ยิน
‘ เมื่อได้ยินพระสุรเสียงดัง.........ดุจเสียงแตร
‘ เสียงแตรเป็นเสียงแห่งชัยชนะ
แผ่นดินของพระเจ้าจะไม่มีวันแพ้ แต่ในสถานการณ์ของยอห์นนั้นดูเหมือนฝ่ายคนของพระเจ้ากำลังจะพ่ายแพ้
ทุกคนตกอยู่ในความกลัวและท้อแท้ ยอห์นได้รับคำบัญชาให้เขียนสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินลงในหนังสือม้วนเพื่อส่งไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ด
นี่เป็นพระบัญชาแรกในวิวรณ์
2.
สิ่งที่ยอห์นเห็น
เมื่อได้ยินพระบัญชา
ยอห์นจึงหันไปทางพระสุรเสียง ก็เห็นคันประทีปทองคำเจ็ดคัน
ซึ่งหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด ท่ามกลางคันประทีปนั้น ยอห์นได้เห็นบุตรมนุษย์ คำว่าบุตรมนุษย์
หมายถึงพระเยซูคริสต์ เราจะเห็นว่าพระเยซูทรงประทับอยู่ท่ามกลางเขา
ไม่ว่าคริสตจักรจะต้องเผชิญกับสิ่งใด
พระเยซูทรงปกป้องและล้อมรอบอยู่ด้วยความรักและฤทธิ์อำนาจที่ก่อให้เกิดความมั่นใจในพระองค์
พระเยซูก็ยังทรงประทับอยู่ท่ามกลางคริสตจักรในปัจจุบันด้วย
เมื่อคริสตจักรเผชิญการกดขี่ข่มเหง
คริสตจักรควรจะหวนระลึกถึงความรักและความห่วงใยของพระองค์
เมื่อคริสตจักรแตกแยกและขัดแย้งภายใน พระองค์ก็ยังทรงรักและห่วงใย
ภาพที่บรรยายพระลักษณะของพระเยซูคริสต์นั้น
แสดงถึงพระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษา
-
ฉลองพระองค์กรอมพระบาท è ชุดปุโรหิต
และชุดผู้พิพากษาในสมัยนั้นจะยาวจนปิดเท้า
-
ทรงคาดรัดประคดทองคำที่พระอุระ è
พร้อมแล้วที่จะกระทำการสำคัญในหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์
-
พระเกศาขาวดุจขนแกะ è
ลักษณะทรงเจริญด้วยวัยวุฒิ บารมีและความบริสุทธิ์ (ดนล 7.9)
-
พระเนตรดุจเปลวเพลิง è ทรงสัพพัญญูรอบรู้และเห็นทุกอย่าง
ทรงพิพากษาความชั่วร้ายทั้งมวล
-
พระบาทดุจทองสัมฤทธิ์ è แสดงถึงพละกำลัง
ทองสัมฤทธิ์เป็นแร่ที่แข็งที่สุดที่รู้ได้สมัยนั้น
-
พระสุรเสียงดุจน้ำมากหลาย è ครอบคลุมไปทั่ว
คือการพิพากษาจะรวมถึงมนุษย์ทุกคน
-
พระหัตถ์เบื้องขวา.......ถือดวงดาวทั้งเจ็ด èสิทธิอำนาจเหนือทูตสวรรค์และคริสตจักร
-
ดวงดาวเจ็ดดวง è ทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด
(อาจจะหมายถึงศิษยาภิบาลและผู้นำ)
-
พระแสงสองคมออกจากพระโอษฐ์ è เป็นสัญลักษณ์ของฤทธิ์เดชและพลังอำนาจแห่งพระดำรัสของพระองค์
พระวจนะแห่งการพิพากษาของพระองค์คมกริบราวกับดาบ
(อสย 49.2, ฮบ 4.12)
-
พระพักตร์...ดุจดั่งดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงกล้า è การฉายแสงกล้าที่จะเผาไหม้ความผิดบาป
( สรุปความหมาย è พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่
ผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงสัพพัญญู ผู้ทรงสิทธิอำนาจ
ทรงประทับอยู่ท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลาย
ทรงกำเอาที่สุดปลายของคริสตจักรไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์และตรัสว่า อย่ากลัวเลย )
3.
สิ่งที่เกิดขึ้นกับยอห์น
เมื่อยอห์นได้เห็นพระองค์ก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนกับคนที่ตายแล้ว
เช่นเดียวกับเปาโลที่ได้พบพระเยซูระหว่างทางไปเมืองดามัสกัส ล้มลงและตาบอด (กจ
9.4) เมื่อพระเยซูทรงอยู่บนโลกนี้ ยอห์นได้วางศีรษะของเขาบนพระทรวงของพระองค์
บัดนี้ยอห์นไม่อาจใกล้ชิดและทำเช่นนั้นได้แล้ว อิสยาห์ก็เช่นเดียวกัน
ได้เห็นสง่าราศีของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ จึงร้องว่า วิบัติแก่ข้าพเจ้า
(อสย 6.5) เพราะท่านตระหนักถึงความบาปของตนเองและยำเกรงพระองค์
ไม่เหมาะที่จะอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า
แต่ยอห์นก็ได้รับคำยืนยันและหนุนใจจากพระคริสต์ว่า อย่ากลัวเลย (วว
1.17) และทรงใช้พระหัตถ์เบื้องขวาแตะที่ตัวยอห์น (น่าสังเกตว่า
พระหัตถ์เบื้องขวาทรงถือดวงดาวทั้งเจ็ด ?- เป็นภาษาสัญลักษณ์)
จากคำตรัสของพระคริสต์ในตอนนี้ บอกถึงพระลักษณะของพระองค์ 3 ประการ
3.1 ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย (1.17) ซึ่งมีความหมายเดียวกับอัลฟาและโอเมกา
คือพระองค์ทรงเป็นปฐมของสรรพสิ่ง สิ้นสุดของสรรพสิ่งก็อยู่ที่พระองค์
แสดงถึงสิทธิอำนาจและทรงเป็นอยู่เหนือกาลเวลา
3.2
เป็นผู้ดำรงชีวิตอยู่...ได้ตายแล้ว...และดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ (1.18)
ซึ่งเป็นประโยคที่มีความหมายอย่างมากสำหรับคริสเตียน
เป็นการแสดงให้รู้ว่าพระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาป
ทรงเป็นขึ้นจากความตายและมีชัยชนะเหนือความตายและทรงเป็นพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์
3.3 ทรงถือกุญแจแห่งความตายและแห่งแดนคนตาย
(1.18) กุญแจเป็นการแสดงถึงสิทธิอำนาจของพระคริสต์ที่มีเหนือความตาย
มีสิทธิ์ที่จะตัดสินว่า มนุษย์คนใดจะไปสู่แดนมรณาหรือสู่ดินแดนที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้
(เปรียบเทียบ ยน 3.18, 5.22-24, 1 คร 15.54-57)
4.
สิ่งที่ยอห์นได้รับคำสั่ง
4.1 เขียนเหตุการณ์ที่ได้เห็น è สิ่งที่ยอห์นได้เห็นแล้ว
มีประสบการณ์แล้ว คือสิ่งที่ได้ยิน (1.10-11) และนิมิตที่ได้เห็น (1.12-18)
4.2 เขียนเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ è
สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบัน คือ เรื่องราวของคริสตจักรทั้งเจ็ด (บทที่ 2-3)
4.3 เขียนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต è นิมิตของเหตุการณ์ที่อยู่ภายหน้า
คือ (บทที่ 4-22)
- เรื่องราวการนมัสการในสวรรค์
-
ความทุกขเวทนาจากภัยพิบัติบนโลกจนถึงการพิพากษา
- การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์
(**
ขณะที่รัฐบาลโรมเริ่มกดขี่คริสเตียนหนักขึ้น ยอห์นคงสงสัยว่า
คริสตจักรจะยืนหยัดต่อสู้การข่มเหงนี้ได้อย่างรอดปลอดภัยหรือไม่
แต่พระเยซูได้ทรงปรากฏในสง่าราศี สร้างความแน่ใจแก่ยอห์นและผู้เชื่อว่า
พวกเขาได้รับกำลังจากพระเจ้าในการเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว เช่นเดียวกัน
ถ้าเรากำลังเผชิญกับปัญหาความทุกข์ยาก โปรดจำไว้ว่า
เราก็จะได้รับกำลังและฤทธิ์อำนาจอย่างที่ยอห์นและผู้เชื่อในสมัยนั้นได้รับนั้นด้วย
**)
No comments:
Post a Comment