Monday, December 14, 2015

วิวรณ์บทที่ 1 บทนำ

สัปดาห์ที่ 2  วิวรณ์บทที่ 1  บทนำ                             ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
1. บทนำ
        คำขึ้นต้นของพระธรรมวิวรณ์ว่า วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์” – เป็นการสำแดงโดยพระคริสต์ เพราะฉะนั้นภาพของพระคริสต์จึงโดดเด่นเป็นศูนย์กลางของหนังสือเล่มนี้ และคำว่า วิวรณ์ ซึ่งหมายถึงการเปิดเผยหรือการสำแดงสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ให้ชัดเจน บ่งบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่หนังสือที่มาจากสติปัญญาของมนุษย์  ไม่ใช่หนังสือที่จะใช้ทดลองเชาว์ปัญญาหรือนำมาถกเถียงกัน แต่เป็นนิมิตที่พระเจ้าได้ทรงเปิดเผย และทรงกระทำให้ความล้ำลึกนั้นกระจ่าง เป็นที่เข้าใจของมนุษย์  พระธรรมวิวรณ์มีจุดประสงค์ให้คนของพระเจ้าทั้งหลายได้รู้ว่าอะไรจะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ คำว่าในไม่ช้านี้ มีความหมายว่าการกระทำจะเกิดอย่างฉับพลันในทันทีที่มันมาถึง เมื่อเหตุการณ์แห่งยุคสุดท้ายอุบัติขึ้น มันจะเป็นไปอย่างรวดเร็วตามลำดับของมัน
        ในการศึกษาพระธรรมวิวรณ์ เราไม่ควรมุ่งเน้นที่ลำดับเวลาของเหตุการณ์ต่างๆหรือรายละเอียดของหมายสำคัญที่ยอห์นใช้จนมองข้ามเรื่องราวหลักที่สำคัญกว่า คือ ความรัก อำนาจและความยุติธรรมอันไม่จำกัดขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า
2. วิธีการ
        พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์ไปสำแดงแก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งเป็นบุคคลที่พระองค์ทรงใช้ให้เป็นพยานในเรื่องที่ได้พบเห็น และบันทึกเหตุการณ์อนาคตเพื่อจะได้หนุนใจผู้เชื่อทุกคน นิมิตนี้ประกอบด้วยหมายสำคัญมากมายที่เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่ยอห์นได้เห็นส่วนใหญ่จะไม่สามารถอธิบายได้ ท่านจึงได้ใช้ภาพประกอบ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจรายละเอียดทุกอย่าง แท้จริงแล้ว ยอห์นใช้ภาพสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าพระคริสต์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสง่าราศีและเป็นผู้มีชัยชนะเหนือสรรพสิ่ง ซึ่งในบทนำนี้ยอห์นได้เน้นย้ำว่า
                - ท่านเป็นพยานฝ่ายพระวจนะของพระเจ้า
                - ท่านเป็นพยานฝ่ายพระเยซูคริสต์
                - ท่านเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งสิ้น
3. ผลที่เกิดแก่ผู้อ่านและผู้ฟัง
        วิวรณ์เป็นพระธรรมเพียงเล่มเดียวที่มีคำสัญญาว่า ขอความสุขจงมีแก่บรรดาผู้อ่านและผู้ฟังคำพยากรณ์เหล่านี้ และถือรักษาข้อความที่เขียนไว้ในคำพยากรณ์นี้ วิวรณ์ 1.3 แต่คริสเตียนไม่น้อยที่รู้สึกว่าวิวรณ์นั้นเข้าใจยากและน่าเบื่อ จึงไม่อ่านและไม่พยายามทำความเข้าใจ เป็นเหตุให้พลาดพระพรมากมายจากพระธรรมเล่มนี้ จากคำสัญญาข้างต้นนี้ เมื่อเราได้อ่านอย่างใคร่ครวญ เราจะรู้จักกับพระเจ้าดียิ่งขึ้นจึงทำให้เราสามารถไว้วางใจในพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์ คริสเตียนจึงต้องดำเนินชีวิตอย่างเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพื่อต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเมื่อนั้นเราไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนฝ่ายที่เราอยู่
4. ผู้รับข่าวสาร
        คริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชียไมเนอร์ ซึ่งแคว้นเอเชียนับว่าเป็นศูนย์กลางของโลกในขณะนั้นและเป็นศูนย์กลางของแหล่งอารยธรรม การใช้หมายเลข 7 แสดงถึงความสมบูรณ์ บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ การที่ยอห์นเขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดไม่ได้หมายความเพียงคริสตจักรทั้ง 7 แห่งเท่านั้น แต่หมายถึงคริสตจักรของพระคริสต์ทั้งหมด (นักตีความพระคัมภีร์บางท่านเชื่อว่า คริสตจักรทั้งเจ็ด เป็นการบ่งบอกถึงสถานการณ์ของคริสตจักรแต่ละยุค รวม 7 ยุค และยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคสุดท้าย ซึ่งเทียบได้กับ คริสตจักร เลาดีเซีย)
                - คริสตจักร คือ ชุมชนที่ถูกแยกออกมา โดยมีวัตถุประสงค์พิเศษ
                - ทั่วโลกจะต้องรับรู้ด้วย เพราะเขาจะเห็นการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์เช่นกัน รวมทั้งคนเหล่านั้นที่ได้แทงพระองค์ (1.7)
                - ในข้อ 8 เน้นเตือนเราให้ระลึกว่าพระคริสต์เป็นผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์ ทรงเป็นอัลฟาและโอเมกา นอกจากนั้น พระองค์ยังเป็นผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน ผู้จะเสด็จมาและเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระองค์ทรงเป็นผู้ครอบครองทั้ง อดีต ปัจจุบันและอนาคต (อสย 44.6, 48.12-15)
5.  นิมิตแรกที่ยอห์นได้รับ
        พระเจ้าทรงเลือกสถานที่ที่ทรงสำแดงวิวรณ์ของพระองค์ คือ เกาะปัทมอส ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆที่เต็มไปด้วยโขดหินบนทะเลอาเจียน อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเอเฟซัส ซึ่งยอห์นถูกส่งไปที่เกาะนี้ในฐานะนักโทษในสมัยของจักรพรรดิโดมิเทียนเพราะท่านไม่ยอมหยุดเทศนาพระวจนะของพระเจ้า และเมื่อจักรพรรดิโดมิเทียนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 96 ยอห์นก็ได้รับการปล่อยตัว ท่านได้กลับไปที่เมืองเอเฟซัส
                1. สิ่งที่ยอห์นได้ยิน
                                เมื่อได้ยินพระสุรเสียงดัง.........ดุจเสียงแตร เสียงแตรเป็นเสียงแห่งชัยชนะ แผ่นดินของพระเจ้าจะไม่มีวันแพ้ แต่ในสถานการณ์ของยอห์นนั้นดูเหมือนฝ่ายคนของพระเจ้ากำลังจะพ่ายแพ้ ทุกคนตกอยู่ในความกลัวและท้อแท้ ยอห์นได้รับคำบัญชาให้เขียนสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินลงในหนังสือม้วนเพื่อส่งไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ด นี่เป็นพระบัญชาแรกในวิวรณ์
                2. สิ่งที่ยอห์นเห็น
                                เมื่อได้ยินพระบัญชา ยอห์นจึงหันไปทางพระสุรเสียง ก็เห็นคันประทีปทองคำเจ็ดคัน ซึ่งหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด ท่ามกลางคันประทีปนั้น ยอห์นได้เห็นบุตรมนุษย์ คำว่าบุตรมนุษย์ หมายถึงพระเยซูคริสต์ เราจะเห็นว่าพระเยซูทรงประทับอยู่ท่ามกลางเขา ไม่ว่าคริสตจักรจะต้องเผชิญกับสิ่งใด พระเยซูทรงปกป้องและล้อมรอบอยู่ด้วยความรักและฤทธิ์อำนาจที่ก่อให้เกิดความมั่นใจในพระองค์ พระเยซูก็ยังทรงประทับอยู่ท่ามกลางคริสตจักรในปัจจุบันด้วย เมื่อคริสตจักรเผชิญการกดขี่ข่มเหง คริสตจักรควรจะหวนระลึกถึงความรักและความห่วงใยของพระองค์ เมื่อคริสตจักรแตกแยกและขัดแย้งภายใน พระองค์ก็ยังทรงรักและห่วงใย
ภาพที่บรรยายพระลักษณะของพระเยซูคริสต์นั้น แสดงถึงพระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษา
-          ฉลองพระองค์กรอมพระบาท è ชุดปุโรหิต และชุดผู้พิพากษาในสมัยนั้นจะยาวจนปิดเท้า
-          ทรงคาดรัดประคดทองคำที่พระอุระ è พร้อมแล้วที่จะกระทำการสำคัญในหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์
-          พระเกศาขาวดุจขนแกะ  è ลักษณะทรงเจริญด้วยวัยวุฒิ บารมีและความบริสุทธิ์ (ดนล 7.9)
-          พระเนตรดุจเปลวเพลิง è ทรงสัพพัญญูรอบรู้และเห็นทุกอย่าง ทรงพิพากษาความชั่วร้ายทั้งมวล
-          พระบาทดุจทองสัมฤทธิ์ è แสดงถึงพละกำลัง ทองสัมฤทธิ์เป็นแร่ที่แข็งที่สุดที่รู้ได้สมัยนั้น
-          พระสุรเสียงดุจน้ำมากหลาย è ครอบคลุมไปทั่ว คือการพิพากษาจะรวมถึงมนุษย์ทุกคน
-          พระหัตถ์เบื้องขวา.......ถือดวงดาวทั้งเจ็ด èสิทธิอำนาจเหนือทูตสวรรค์และคริสตจักร
-          ดวงดาวเจ็ดดวง è ทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด (อาจจะหมายถึงศิษยาภิบาลและผู้นำ)
-          พระแสงสองคมออกจากพระโอษฐ์ è เป็นสัญลักษณ์ของฤทธิ์เดชและพลังอำนาจแห่งพระดำรัสของพระองค์  พระวจนะแห่งการพิพากษาของพระองค์คมกริบราวกับดาบ    (อสย 49.2, ฮบ 4.12)
-          พระพักตร์...ดุจดั่งดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงกล้า è การฉายแสงกล้าที่จะเผาไหม้ความผิดบาป
( สรุปความหมาย è พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงสัพพัญญู ผู้ทรงสิทธิอำนาจ ทรงประทับอยู่ท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลาย ทรงกำเอาที่สุดปลายของคริสตจักรไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์และตรัสว่า อย่ากลัวเลย )
3. สิ่งที่เกิดขึ้นกับยอห์น
                เมื่อยอห์นได้เห็นพระองค์ก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนกับคนที่ตายแล้ว เช่นเดียวกับเปาโลที่ได้พบพระเยซูระหว่างทางไปเมืองดามัสกัส ล้มลงและตาบอด (กจ 9.4) เมื่อพระเยซูทรงอยู่บนโลกนี้ ยอห์นได้วางศีรษะของเขาบนพระทรวงของพระองค์ บัดนี้ยอห์นไม่อาจใกล้ชิดและทำเช่นนั้นได้แล้ว อิสยาห์ก็เช่นเดียวกัน ได้เห็นสง่าราศีของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ จึงร้องว่า วิบัติแก่ข้าพเจ้า (อสย 6.5) เพราะท่านตระหนักถึงความบาปของตนเองและยำเกรงพระองค์ ไม่เหมาะที่จะอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า  แต่ยอห์นก็ได้รับคำยืนยันและหนุนใจจากพระคริสต์ว่า อย่ากลัวเลย (วว 1.17) และทรงใช้พระหัตถ์เบื้องขวาแตะที่ตัวยอห์น (น่าสังเกตว่า พระหัตถ์เบื้องขวาทรงถือดวงดาวทั้งเจ็ด ?- เป็นภาษาสัญลักษณ์) จากคำตรัสของพระคริสต์ในตอนนี้ บอกถึงพระลักษณะของพระองค์ 3 ประการ
        3.1 ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย (1.17) ซึ่งมีความหมายเดียวกับอัลฟาและโอเมกา คือพระองค์ทรงเป็นปฐมของสรรพสิ่ง สิ้นสุดของสรรพสิ่งก็อยู่ที่พระองค์ แสดงถึงสิทธิอำนาจและทรงเป็นอยู่เหนือกาลเวลา
        3.2 เป็นผู้ดำรงชีวิตอยู่...ได้ตายแล้ว...และดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ (1.18) ซึ่งเป็นประโยคที่มีความหมายอย่างมากสำหรับคริสเตียน เป็นการแสดงให้รู้ว่าพระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาป ทรงเป็นขึ้นจากความตายและมีชัยชนะเหนือความตายและทรงเป็นพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์
        3.3 ทรงถือกุญแจแห่งความตายและแห่งแดนคนตาย (1.18) กุญแจเป็นการแสดงถึงสิทธิอำนาจของพระคริสต์ที่มีเหนือความตาย มีสิทธิ์ที่จะตัดสินว่า มนุษย์คนใดจะไปสู่แดนมรณาหรือสู่ดินแดนที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้ (เปรียบเทียบ ยน 3.18, 5.22-24, 1 คร 15.54-57)
4. สิ่งที่ยอห์นได้รับคำสั่ง
        4.1 เขียนเหตุการณ์ที่ได้เห็น è สิ่งที่ยอห์นได้เห็นแล้ว มีประสบการณ์แล้ว คือสิ่งที่ได้ยิน (1.10-11) และนิมิตที่ได้เห็น (1.12-18)
        4.2 เขียนเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ è สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบัน คือ เรื่องราวของคริสตจักรทั้งเจ็ด (บทที่ 2-3)
        4.3 เขียนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต è นิมิตของเหตุการณ์ที่อยู่ภายหน้า คือ (บทที่ 4-22)
                - เรื่องราวการนมัสการในสวรรค์
                - ความทุกขเวทนาจากภัยพิบัติบนโลกจนถึงการพิพากษา
                - การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์


(** ขณะที่รัฐบาลโรมเริ่มกดขี่คริสเตียนหนักขึ้น ยอห์นคงสงสัยว่า คริสตจักรจะยืนหยัดต่อสู้การข่มเหงนี้ได้อย่างรอดปลอดภัยหรือไม่ แต่พระเยซูได้ทรงปรากฏในสง่าราศี สร้างความแน่ใจแก่ยอห์นและผู้เชื่อว่า พวกเขาได้รับกำลังจากพระเจ้าในการเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว เช่นเดียวกัน ถ้าเรากำลังเผชิญกับปัญหาความทุกข์ยาก โปรดจำไว้ว่า เราก็จะได้รับกำลังและฤทธิ์อำนาจอย่างที่ยอห์นและผู้เชื่อในสมัยนั้นได้รับนั้นด้วย **)

No comments:

Post a Comment