สัปดาห์ที่ 14 เปรียบเทียบภัยพิบัติตรา แตร ขัน
ชั้น
พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
นิมิตแห่งบุตรมนุษย์ใน
บทที่ 1
นำไปถึงข่าวสำหรับคริสตจักรทั้งเจ็ด
บทที่ 2-3
พระเยซูคริสต์ทรงสถิตเหนือคริสตจักรและท่ามกลางคริสตจักร
บทที่ 4-5 พระเยซูคริสต์และพระเจ้าประทับอยู่ในสวรรค์
นำไปถึงการคลี่หนังสือม้วนแห่งการพิพากษา
บทที่ 6-16 มีนิมิตสามชุดที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าจะต้องพิพากษาความบาปชั่วของมนุษย์
คือ ตรา แตร ขัน
แต่ความสำคัญของหนังสือวิวรณ์ไม่ได้อยู่ที่รายละเอียดของ
ตรา 7 ดวง แตร 7 คัน ขัน 7 ใบ หรือทูตสวรรค์ 7 องค์
แต่ขึ้นกับว่าใครอยู่บนพระที่นั่ง
ใครกำลังครอบครองท่ามกลางเหตุการณ์ปั่นป่วนของโลกนี้
และใครจะนำโลกนี้ไปสู่สันติภาพ
จุดศูนย์กลางของหนังสือเล่มนี้คือ พระเยซูคริสต์ (คำว่า พระเมษโปดก ปรากฏ
26 ครั้ง)
1. เปรียบเทียบเรื่องภัยพิบัติในช่วงตราทั้ง
7 แตรทั้ง 7 และขันทั้ง
7
1. ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั้ง
3 ช่วงนี้ เกี่ยวข้องกันโดยตรง
เพราะตราที่ 7 ประกอบด้วยแตรทั้ง 7 และแตรที่
7 ประกอบด้วยขันทั้ง 7 ใบ
2. ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นใหม่แต่ละช่วงนั้นจะเป็นลักษณะค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น
ในการลงโทษจากตราที่
1-6 นับว่าเป็นการลงโทษขั้นเริ่มต้นเพื่อให้มนุษย์ได้สำนึกความบาปผิดของตน มีผู้ที่เสียชีวิต หนึ่งในสี่ และธรรมชาติส่วนหนึ่งถูกทำลาย
แต่มาถึงช่วงแตรที่
1-6 การลงโทษทวีความรุนแรงมากขึ้น ทะเล
ธารน้ำจืดและธรรมชาติ รวมทั้งมนุษย์หนึ่งในสาม
ถูกทำลายสิ้น
และมาจนถึงขันที่
1-7 การลงโทษทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จนถึงที่สุด ทะเล
ธารน้ำจืด สัตว์น้ำ ทั้งหมด
ถูกทำลายสิ้น ดวงอาทิตย์คลอกมนุษย์ด้วยไฟ สงครามอารมาเกดโดนได้ทำลายผู้ที่อยู่ฝ่ายของซาตานทั้งกษัตริย์
ทหาร ประชาชน ไม่ว่าไทหรือทาส
ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อยที่อยู่ฝ่ายซาตาน (สังเกตได้จากคนเหล่านั้นสาปแช่งพระเจ้า)
พร้อมทั้งลูกเห็บที่แต่ละก้อนหนักประมาณ 50 กิโลกรัม
ตกลงมาจากฟ้าถูกคนทั้งปวง
3. ตราที่
4 มนุษย์ หนึ่งในสี่ ต้องเสียชีวิตลง
ที่นี่ยังไม่ได้พูดถึงการประทับตราชนชาติ อิสราเอล (ประทับตราชนชาติอิสราเอล
144,000 คน ในบทที่ 7) ซึ่งดูเหมือนเป็นภาพรวมของประชากรของโลกนี้ทั้งหมด
และอธิบายตามทัศนะของก่อนพันปี (Premillenial) เห็นว่าช่วงนี้ชนชาติอิสราเอลถูกหลอกให้ร่วมมือกับสัตว์ร้าย อิสราเอลได้รับความเห็นชอบให้สร้างพระวิหารขึ้นมาใหม่ ภาพที่เห็นคือสันติภาพที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง
แต่ 3 ปีครึ่งให้หลังความจริงจึงได้ปรากฏพระวิหารถูกดูหมิ่นเหยียบย่ำลงโดยสัตว์ร้าย อิสราเอลจึงได้ตระหนักข้อเท็จจริงไม่ยอมร่วมมือกับสัตว์ร้ายอีกต่อไปอย่างเด็ดขาด และกระจายไปยังที่ต่างๆ
และเป็นพยานที่ดีของพระเจ้า
ภาพของแตรที่
5 ก็ดี หรือของขันที่
1 ได้แยกผู้ที่มีตราประทับของพระเจ้ากับผู้ที่มีตราของสัตว์ร้าย
666 ออกจากกัน
ผู้ที่ไม่มีตราประทับของพระเจ้า (แตรที่ 5: วิวรณ์
9:4) หรือผู้ที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย
(ขันที่ 1 วิวรณ์ 16:2) ต้องรับการลงโทษให้ทุกข์ทรมานจากพิษแมลงป่อง และจากแผลร้ายที่เป็นหนองทั่วตัว
4. วิญญาณใต้แท่นบูชาตามที่ได้บันทึกไว้ว่าในช่วงตราที่
5 และช่วงขันที่ 3 ช่วงแรกเรียกร้องให้รีบทรงพิพากษาและตอบสนองต่อผู้ที่สมควรได้รับการลงโทษ ช่วงหลังเป็นการสะท้อนเสียงสนับสนุนการทรงลงโทษของพระเจ้าต่อผู้ที่สมควรได้รับการลงโทษ
5. ดวงอาทิตย์ได้ถูกกล่าวถึงช่วงที่แกะตราที่
6 เป่าแตรที่ 4 และเทขันที่
4 สิ่งที่แตกต่างคือในช่วงตราและแตร
ดวงอาทิตย์จะมืดลง แต่มาถึงขันดวงอาทิตย์กลับร้อนแรง
และคลอกเผามนุษย์จนตาย
6. ผลของการลงโทษไม่ว่าจากตรา
แตร และขัน หรือจากเบาไปสู่หนัก การตอบสนองของผู้ที่ได้รับการลงโทษยังคงออกมาในทางลบ
พวกเขาไม่ได้สำนึกผิด
หลังจากตราที่
6 พวกเขาร้องกับภูเขาและโขดหินว่า จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนที่นั่ง และให้พ้นจากพระพิโรธของพระเมษปโดกนั้น (6:16)
หลังจากแตรที่
6 พระคัมภีร์บันทึกว่า มนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ ที่มิได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติเหล่านี้ยังไม่ได้กลับใจใหม่จากงานที่มือเขาได้กระทำ ไม่ได้เลิกบูชาผี
บูชารูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงินทองสัมฤทธิ์ หินและไม้ รูปเคารพเหล่านั้นจะดูหรือฟังหรือเดินก็ไม่ได้ และเขาก็มิได้สำนึกในการฆ่าฟันกัน การเชื่อเวทมนต์ การล่วงประเวณีและการลักขโมย (9:20-21)
หลังจากขันที่
5 พระคัมภีร์บันทึกว่า คนเหล่านั้นได้กัดลิ้นของตนด้วยความระทมและสาปแช่งระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เพราะความเจ็บปวดและเพราะแผลตามตัวของเขาเอง แต่เขาไม่ได้สำนึกในการประพฤติผิดของตน (16:10-11)
7. ที่น่าสังเกตมากจากการเปรียบเทียบเหตุการณ์ในช่วง
ตรา แตร และขันทั้ง 7 นั้นเมื่อมาถึงที่สุดของแต่ละช่วง
(ตราที่ 7 แตรที่ 7 และขันที่
7) นิมิตที่ยอห์นเห็นนอกจากการลงโทษบนโลกแล้วคือ
การสำแดงเหตุการณ์ในสวรรค์
เมื่อถึงตราที่
7 สวรรค์เงียบไปครึ่งชั่วโมง ทูตสวรรค์รับพระราชทานแตร มีการถวายเครื่องหอมสู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า และโยนกระถางสู่พื้นโลก
เมื่อถึงแตรที่
7 มีการกล่าวสรรเสริญพระเจ้าในสวรรค์ การนมัสการพระเจ้าของผู้อาวุโสยี่สิบสี่คน
พระวิหารในสวรรค์เปิดออก ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง แผ่นดินไหว
และลูกเห็บตกบนโลกอย่างรุนแรง
เมื่อถึงขันที่
7 มีพระสุรเสียงดังจากพระที่นั่งในพระวิหาร
(อยู่บนสรรค์) ว่าสำเร็จแล้วเช่นเดียวกับช่วงแตรที่
7 มีเสียงฟ้าแลบ ฟ้าร้อง แผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในโลกและลูกเห็บที่หนักถึง
50 กิโลกรัมตกจากฟ้าถูกคนทั้งปวงในโลก
ตาราง เปรียบเทียบภัยพิบัติในช่วงตราทั้ง 7
แตรทั้ง 7 และขันทั้ง
7
ลำดับ
|
ตรา
|
แตร
|
ขัน (หรือชาม)
|
1
|
ม้าขาว ผู้ขี่ม้าถือธนู
บัตรพระราชทานมงกุฎ อย่างผู้ที่มีชัยชนะ (6:1-2)
|
ลูกเห็บไฟบนเลือดตกสู่แผ่นดิน
หนึ่งในสามของต้นไม้ หญ้าเขียวถูกทำลาย
(8:6-7)
|
ผู้ที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย
และบูชารูปของสัตว์ร้าย เกิดเป็นแผลร้ายที่เป็นหนองทั่วตัว
(16:1-2)
|
2
|
ม้าสีแดงสด
ผู้ขี่ม้านำสันติสุขไปจากดินแดนโลก รับพระราชทานดาบใหญ่
คนทั้งปวงรบราฆ่าฟันกัน
(6:3-4)
|
สิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาใหญ่
ลุกเป็นไฟถูกทิ้งลงไปในทะเล หนึ่งในสามของทะเลกลายเป็นเลือด
หนึ่งในสามของสัตว์ทะเลและเรือ ถูกทำลาย (8:8-9)
|
ทะเลกลายเป็นเหมือนเลือดคนตาย
บรรดาสิ่งมีชีวิตในทะเลตายหมดสิ้น (16:3)
|
3
|
ม้าดำ ผู้ขี่ม้าถือตราชู
ข้าวสาลีราคาทะนานละหนึ่งเดรานิอัน ไม่ทำอันตรายแก่น้ำมันและน้ำองุ่น
(6:7-8)
|
ดาวใหญ่ ชื่อบรเพ็ดลุกเป็นไฟ
ตกจากท้องฟ้าสู่ธารน้ำ ทำให้แม่น้ำมีรสขมหนึ่งในสามส่วน
มีคนจำนวนมากตาย เพราะน้ำมีรสขม (8:10-11)
|
แม่น้ำและบ่อน้ำพุทั้งหลายกลายเป็นเลือด
เสียงจากแท่นบูชาร้องว่า การพิพากษาของพระเจ้า
เที่ยงตรงและยุติธรรมแล้ว (16:4-7)
|
4
|
ม้าสีกะเลียว ผู้ขี่ม้าชื่อมัจจุราช ตามด้วยแดนคนตายล้างผลาญแผ่นดินโลก
หนึ่งในสี่ ด้วยคมดาบ ความอดอยาก โรคระบาด และด้วยสัตว์ร้าย
(6:7-8)
|
ดวงอาทิตย์ถูกทำลายหนึ่งในสามส่วน ดวงจันทร์และดวงดาวก็เช่นเดียวกัน
มืดไปหนึ่งในสาม กลางคืนก็เช่นเดียวกับกลางวัน (8:12-13)
|
ดวงอาทิตย์คลอกมนุษย์ด้วยไฟ (16:8-9)
|
5
|
วิญญาณใต้แท่นบูชา
ร้องว่าอีกนานเท่าใดจึงจะทรงพิพากษา และตอบสนองต่อคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก
คำตอบ :
ประทานเสื้อขาวและให้คอยจนครบจำนวน (6:9-11)
|
ดาวดวงหนึ่งตกจากฟ้าพร้อมกุญแจ สำหรับช่องบาดาลมีฝูงตั๊กแตนจากช่องบาดาล
ซึ่งมีอำนาจของแมลงป่องแห่งแผ่นดินโลก ทำร้ายผู้ที่ไม่มีตราของพระเจ้าบนหน้าผาก
(9:1-12)
|
อาณาจักรของสัตว์ร้าย มืดไป
ประชาชนกัดลิ้นของตนด้วยความระทมทุกข์ เพราะแผลตามตัวของเขา
(16:10-11)
|
6
|
แผ่นดินไหว
ดวงอาทิตย์มืดลงดวงจันทร์เป็นสีเลือด ดวงดาวตกจากฟากฟ้า
ท้องฟ้าหายไปภูเขา และเกาะเคลื่อนย้าย มนุษย์รู้ว่าเป็นพระพิโรธของพระเจ้า
(6:12-17)
|
ทูตสวรรค์ที่ถูกมัด ได้รับการปลดปล่อยให้ทำลายมนุษย์เสียหนึ่งในสามด้วย
ไฟควัน และกำมะถันที่พลุ่งออกจากปากม้า
(9:13-21)
|
แม่น้ำยูเฟรติสแห่งผีโสโครกสามตน
จากปากของพญานาคสัตว์ร้าย และผู้เผยพระวจนะเท็จออกไปล่อลวงคน
|
7
|
ความเงียบครอบคลุมสวรรค์
ประมาณครึ่งชั่วโมง ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ รับพระราชทานแตรทั้งเจ็ดคัน
ถวายเครื่องหอม พร้อมคำอธิษฐานของธรรมิกชน สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า
ทูตสวรรค์ยื่นกระถางไฟสู่แผ่นดินโลก เกิดเสียงฟ้าร้อง ฟ้าแลบ
แผ่นดินไหว (8:1-5)
|
ในสวรรค์มีการกล่าวสรรเสริญพระเจ้า
ผู้อาวุโส 24 คน กราบนมัสการ พระวิหารในสวรรค์เปิดออก
มีหีบพระสัญญาสายฟ้าแลบ ฟ้าร้องแผ่นดินไหว และลูกเห็บตกอย่างหนัก
(11:15-19)
|
พระสุรเสียงว่า "สำเร็จ"
แล้ว มีเสียงฟ้าร้องต่างๆ เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุด
นครถูกแยกเป็นสามส่วน เกาะและภูเขาเลื่อนหายไป ลูกเห็บก้อนละ
50 ก.ก. ตกจากฟ้าถูกคนทั้งปวง (16:17-21)
|
No comments:
Post a Comment