สัปดาห์ที่ 15 การพิพากษา ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
พระธรรมวิวรณ์
บทที่ 17:1
- 19:5
บาบิโลน - ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส
ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกโดยนิมโรด (ปฐก 10.9-10)
บาเบล เป็นภาษาฮีบรู ที่แปลว่า
บาบิโลน
ลักษณะที่แท้จริงของบาบิโลนก็ปรากฏชัดในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 11
คือมนุษย์อยากจะสร้างชื่อเสียงเพื่อตัวเองโดยไม่ได้คิดถึงพระเจ้า
ซึ่งในที่สุดก็นำไปถึงความวุ่นวาย
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้สร้างเมืองนี้ขึ้นมาใหม่ในปี 605-562 กคศ
และตรัสว่า “นี่เป็นมหานครบาบิโลนมิใช่หรือ ซึ่งเราได้สร้างด้วยอำนาจใหญ่ยิ่งของเรา
ให้เป็นราชฐานและเพื่อเป็นศักดิ์ศรีอันสูงส่งของเรา’ (ดนล
4.30)
บาบิโลนเคยเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของมนุษย์
แต่ในที่สุดเมืองอันสง่างามนี้ก็ได้ล่มสลายลงในคืนที่เบลชัสซาร์ พระราชาได้จัดเลี้ยงใหญ่และถูกกองทัพแห่งมีเดียทำลาย
สำหรับยอห์นแล้ว บาบิโลนเป็นภาษารหัสของกรุงโรม
ซึ่งเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่มีอำนาจ โลภในทรัพย์สมบัติ ฟุ่มเฟือย หยิ่งผยอง
และทารุณพวกคริสเตียนโดยมีมารซาตานอยู่เบื้องหลัง
ในยุคปัจจุบันก็มีลักษณะเหมือนบาบิโลนหรือโรม
ในบทที่ 17 นี้ บาบิโลน เล็งถึงแหล่งกำเนิดของศาสนาของคนต่างชาติที่ต่อต้านความเชื่อของอิสราเอลและความเชื่อของคริสตจักร
บาบิโลนถูกมองในลักษณะของศาสนาที่มาถึงจุดสุดยอดของมัน
คือ กลายเป็นศาสนาโลก
ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่ถือขันทั้งเจ็ดใบมาหายอห์น
และเชิญให้ยอห์นดูการพิพากษาที่จะเกิดขึ้น ทำให้เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่บันทึกในพระธรรมวิวรณ์บทที่
17
และ 18 อยู่ในช่วงเวลาการลงโทษด้วยขันทั้งเจ็ด
ซึ่งน่าจะเป็นช่วงขันที่ 5
ที่ 6 หรือขันที่ 7 ก็ได้
-
ที่ว่าอยู่ในช่วงขันที่ 5 เพราะว่าเมื่อเทขันที่
5 ลงมา อาณาจักรของสัตว์ร้ายมืดไป อาจหมายถึงอาณาจักรบาบิโลนที่ล่มจมหายไป
-
ที่คาดว่าเป็นช่วงขันที่ 6 เพราะความต่อเนื่องจากบทที่
17-18 ถึงบทที่ 19 ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญคือ
สงครามอาร์มาเกดโดน ซึ่งอยู่ในช่วงขันที่ 6
-
ที่คาดว่าเป็นขันที่ 7 ก็เพราะมีแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงนี้
และมหานครถูกแยกเป็นสามส่วนมหานครนี้ หมายถึง นครบาบิโลน
1. บาบิโลนฝ่ายศาสนาถูกทำลาย
ทูตสวรรค์ได้เชื้อเชิญให้ยอห์นเป็นพยานถึงการพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาคนสำคัญที่นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย
ในข้อ 17.3-5 ยอห์น ถูกนำไปถิ่นทุรกันดารโดยพระวิญญาณ
น่าจะหมายความว่าเขาเห็นนิมิต ไม่ได้ถูกรับตัวไป
เขาได้เห็นหญิงนั้นนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้ม
มีชื่อหลายชื่อเป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้าเต็มไปทั้งตัว มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา
- หญิงชั่วนี้เป็นภาพสัญลักษณ์เล็งถึงระบบศาสนาของบาบิโลน
- พฤติกรรมของหญิงนี้ ล่วงประเวณีกับบรรดากษัตริย์ทั่วแผ่นดินโลก
(17:2) นั่นคือ พวกกษัตริย์ทั้งหลายได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบศาสนาที่หญิงนี้เป็นสัญลักษณ์เล็งถึง
- นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย (17:1) คือมีอำนาจเหนือชนชาติและมวลประชาชาติ
และภาษาต่างๆ (17:15)
- เครื่องนุ่งห่มของหญิงผู้นี้
ซึ่งนุ่งห่มด้วยผ้าสีม่วงและสีแดงเข้มประดับด้วยเครื่องทองคำเพชรพลอยต่างๆ และไข่มุก
(17:4) เป็นเครื่องหมายแสดงถึงพิธีกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะการถือถ้วยทองคำเป็นภาพของการประกอบพิธีทางศาสนา
- คำที่ใช้ว่าหญิงแพศยา สิ่งน่าสะอิดสะเอียน
และการล่วงประเวณี (17:5)
เป็นการบรรยายถึงการกราบไหว้รูปเคารพซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อในพระเยซูคริสต์
เปรียบเหมือนแม่ของสิ่งทั้งปวงที่น่าสะอิดสะเอียนของโลก
บางทีเมืองใหญ่ๆในโลกปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น
- เมามายด้วยโลหิตของธรรมิกชน
เป็นภาพของพวกธรรมิกชนที่ต้องพลีชีพเพื่อรักษาความเชื่อของตน (17:6) จากเหตุผลข้างต้นจึงสรุปได้ว่าหญิงนี้
คือ บาบิโลนที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา
สัตว์ร้ายที่มีเจ็ดหัวและสิบเขา คือผู้นำทางการเมืองที่ได้รวมการปกครองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
น่าจะหมายถึงรัฐบาลโลก และผู้หญิงนั้นนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายแสดงว่าผู้นำทางศาสนามีอำนาจหรืออิทธิพลเหนือผู้นำทางการเมือง
แต่ก็เป็นเพียงระยะเดียวเท่านั้น เพราะต่อมาสิบเขาคือ ผู้นำสิบประเทศกับสัตว์ร้ายก็ได้ร่วมกันโค่นอำนาจของผู้นำทางศาสนา
และรวบรวมอำนาจทางศาสนาอยู่ภายใต้อำนาจทางการเมือง (17:16-17)
ในบทที่ 17:8-13 ได้อธิบายให้เห็นภาพชัดเจนว่าสัตว์ร้ายที่ถูกกล่าวถึงตั้งแต่ในบทที่ 13:1
ที่มีเจ็ดหัวสิบเขา หมายถึงอะไร เจ็ดหัว คือ กษัตริย์เจ็ดองค์ ซึ่งห้าองค์ได้ล่วงลับไปแล้ว
องค์หนึ่งกำลังเป็นอยู่ และอีกองค์หนึ่งยังไม่ได้เป็นขึ้น
และเมื่อเป็นแล้วจะต้องดำรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง (17:10) บางคนตีความว่า
กษัตริย์เจ็ดองค์อาจจะเป็นพระราชาของอาณาจักรเจ็ดอาณาจักรที่รุ่งเรืองในโลก ได้แก่
1) อียิปต์ 2) อัสซีเรีย 3) บาบิโลน
4) เปอร์เซีย 5) กรีซ 6) โรม และอาณาจักรที่เจ็ดจะมาถึงในยุคสุดท้าย
กษัตริย์ที่ 1) - 5) ได้จบสิ้นไปแล้วคือตั้งแต่อียิปต์จนถึงกรีซ ในยุคของยอห์น
คือโรมกำลังครอบครองอยู่
และกษัตริย์องค์ที่เจ็ดจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้ายและจะดำรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
สัตว์ร้ายที่เป็นแล้วเมื่อก่อน
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นนั้นก็เป็นที่แปด
แต่ก็ยังเป็นองค์หนึ่งในเจ็ดองค์นั้นและจะไปสู่ความพินาศ
สัตว์ร้ายหรือปฏิปักษ์ของพระคริสต์ซึ่งจะปรากฏขึ้นในอนาคต
ได้แก่ผู้ที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกษัตริย์เจ็ดองค์ที่มาก่อน
เขาจะเป็นเหมือนกษัตริย์นีโรที่โหดร้ายและชั่วช้า ซึ่งได้ข่มเหงและฆ่าคริสเตียน
สัตว์ร้ายนี้เป็นลำดับที่แปด แต่ก็ยังเป็นองค์หนึ่งในเจ็ดองค์
จึงเป็นไปได้ที่เขาจะครอบครองสองครั้ง
สิบเขาคือกษัตริย์สิบองค์ที่ยังไม่ได้เสวยราชสมบัติ
แต่จะรับอำนาจอย่างกษัตริย์ด้วยกันกับสัตว์ร้ายนั้นหนึ่งชั่วโมง (17:12) à
ในยุคสุดท้ายก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมา สัตว์ร้ายนั้นจะครอบครองเหนือทั้งโลก
โดยมีกษัตริย์สิบองค์ที่จะมีส่วนในการครอบครองด้วย ตอนนี้เรายังไม่สามารถรู้ได้ว่ากษัตริย์สิบองค์นี้คือใคร
มาจากประเทศไหนบ้าง
หลายคนเคยคิดว่าอาจจะเป็นสมาชิกขององค์การตลาดร่วมทางเศรษฐกิจแห่งยุโรป แต่ปัจจุบันองค์การนี้มีสมาชิก มากกว่าสิบประเทศแล้ว
แต่ก็เป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจจะมีบางประเทศถอนตัวก็ได้ และเมื่อเหตุการณ์ต่างๆในสังคมโลกดำเนินไป
คริสเตียนก็จะเข้าใจและเห็นได้ว่าแผนการของพระเจ้าที่ได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าก็กำลังจะสำเร็จ
ส่วนที่กล่าวถึงสงครามที่เหล่ากษัตริย์จะกระทำกับพระเมษโปดกและพระเมษโปดกจะทรงมีชัยชนะ
(17:14)
คงเป็นสงคราม อารมาเกดโดน แท้ที่จริงแล้วการข่มเหงและการต่อต้านคริสเตียนนั้น
นับว่าเป็นการต่อสู้กับพระเยซูโดยตรง เพราะคริสเตียนคือพระกายของพระองค์
และพระองค์ทรงรักและหวงแหนคริสตจักรของพระองค์
ในข้อที่ 15-17
จะเห็นว่าหญิงแพศยานั้นจะถูกทำลายโดยสัตว์ร้ายและเขาสิบเขา
ดู มาระโก 3.26 à
ชี้ให้เห็นว่าอำนาจและอาณาจักรของมารเริ่มเสื่อมสูญ
เพราะในที่สุดพระเจ้าจะทรงใช้ความชั่วลงโทษความชั่วอีกกลุ่มหนึ่ง
ในตอนแรกการปกครองของหญิงแพศยาหรือนครใหญ่นั้นจะได้รับการสนับสนุน
แต่ภายหลังสัตว์ร้ายเห็นว่าหญิงนั้นอาจจะท้าทายอำนาจและแผนการของมัน จึงได้ร่วมกับกษัตริย์ทั้งสิบทำลายหญิงนั้น
ข้อ 18 และผู้หญิงที่ท่านเห็นนั้นก็คือนครใหญ่
ที่มีอำนาจเหนือกษัตริย์ทั้งหลายทั่วแผ่นดินโลก
- นครใหญ่ อาจจะหมายถึง
บาบิโลนที่จะถูกสร้างขึ้นใหม่ในยุคสุดท้าย (ในประเทศอิรัก)
- นครใหญ่ อาจจะหมายถึงกรุงโรมที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิค
ที่มีเครือข่ายโบสถ์และบาทหลวงอยู่ทั่วทุกมุมโลก
- นครใหญ่
อาจจะเป็นเมืองหนึ่งเมืองใดในโลกในยุคสุดท้ายที่มีฐานะเมืองหลวงเหมือนบาบิโลน
ที่คนทั้งหลายไม่พึ่งพาพระเจ้าและมีอิทธิพลอยู่เหนือทุกประชาชาติ
2.
มหานครบาบิโลนล่ม 18:1-19:5
ในช่วงก่อนที่มหานครบาบิโลนจะล่ม ยอห์นได้ยินเสียงร้องที่แตกต่างกัน
ซึ่งสามารถแยกแยะได้เป็นสี่ประเภทด้วยกัน
1. เสียงแห่งการลงโทษ
(18:1-3)
เสียงร้องดังกึกก้องจากทูตสวรรค์ว่า
บาบิโลนล่มจมแล้วนครนี้ได้กลายเป็นที่อาศัยของความชั่วทั้งปวง โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับศาสนา
เพราะประชาชาติได้มัวเมาหลงไหลกับนครนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่เต็มไปด้วยการบูชารูปเคารพและเต็มไปด้วยความผิดบาป
บาปของนครนี้ได้กองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว (18:5)
2. เสียงเรียกให้แยกออกจากนครนี้
(18:4-8)
เสียงเรียกจากสวรรค์บอกให้ชนชาติของพระเจ้าให้ออกจากนครนี้
(18:4) เพื่อพวกเขาจะได้ไม่มีส่วนในความ
ผิดบาปของนครนี้
และจะได้ไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับนครนี้ และภัยพิบัตินี้ได้แก่
โรคระบาด ความระทมทุกข์ การกันดารอาหาร และไฟจะเผานครนี้จนพินาศสิ้นภายในวันเดียว
(18:8) บาบิโลนที่เคยเย่อหยิ่งทะนงใจว่าตนอยู่อย่างราชินี (ยิ่งใหญ่มั่นคง
มีพร้อมทุกสิ่ง) ไม่ใช่หญิงม่าย (ต่ำต้อย ไร้ที่พึ่ง ขาดแคลน) แต่เพียงวันเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
3. เสียงร่ำไห้คร่ำครวญ
(18:9-19)
จากเหตุการณ์ความพินาศของบาบิโลนได้ทำให้มีคนสามกลุ่มที่พิลาปร่ำไห้และคร่ำครวญ
- บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกที่ผูกพันกับมหานครนี้
พวกเขาร่ำไห้เพราะเห็นความพินาศของบาบิโลน และกลัวภัยแห่งการทรมานนครนั้นจะถึงตน
(สะท้อนภาพว่าบาบิโลนเป็นศูนย์กลางทั้งด้านศาสนาและการเมือง)
- บรรดาพ่อค้าในแผ่นดินโลก
พวกเขาร่ำไห้ เพราะนครนี้เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ มีการค้าขายทุกชนิดแม้ชีวิตมนุษย์
พวกเขาทั้งหลายกลายเป็นคนมั่งมีเพราะนครนี้ แต่บัดนี้ทุกอย่างก็พินาศสูญสิ้น และพวกเขาก็กลัวภัยจากการทรมานนครจะถึงตนด้วย
- บรรดาเรือ
ผู้มีอาชีพทางทะเลทั้งหลาย ต่างก็โปรยผงลงศีรษะของตนและร้องไห้คร่ำครวญ เพราะพวกเขากลายเป็นคนมั่งมีได้เพราะนครนี้
บัดนี้กลายเป็นนครร้างเปล่าแล้ว และพวกเขาก็กลัวภัยพิบัติจากนครนี้จะถึงตนด้วย
(สะท้อนภาพให้เห็นว่าบาบิโลนเป็นศูนย์กลางคมนาคมของโลก)
น่าสังเกต คือคนเหล่านั้นทุกกลุ่มต่างก็ยืนอยู่แต่ห่างเพราะกลัว
(18:10,15,17)
ต่างก็คร่ำครวญว่า วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว (18:10,16,19) ต่างก็บอกว่า ภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น (18:10,17,19) และภาพที่ทุกกลุ่มร่ำไห้คร่ำครวญแสดงออกถึงการหวั่นวิตกในผลประโยชน์ของตนมากกว่า
4. เสียงแห่งความชื่นชนยินดี
(18:20-24)
หลังจากเสียงพิลาปร่ำไห้ของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบาบิโลนแล้ว
เสียงที่ยอห์นได้ยินคือ การเชิญชวนคนของพระเจ้าให้ร่าเริงเพราะพระเจ้าได้ทรงพิพากษานครนี้แล้ว
นครนี้ได้ฆ่าคนของพระเจ้ามากมาย (18:24) ตรงข้ามกับเสียงความชื่นชมยินดีบนสวรรค์คือ
ความว่างเปล่า และเงียบสงบของบาบิโลนเพราะบาบิโลนถูกกลืนหายลงไปในทะเลเหมือนหินโม่ใหญ่ที่ถูกทุ่มลงในทะเล
ความสนุกสนานวิทยาการต่างๆ การงานทั้งหลายและความร่าเริงจะหมดหายไป
(18:22-23)
บาบิโลนมีความเป็นมาอย่างไร และในพระธรรมวิวรณ์ยอห์นต้องการชี้ว่ามหานครบาบิโลน
คือที่ไหน นี่เป็นคำถามที่ยังคงแสวงหาคำตอบ
เริ่มจากพระธรรมปฐมกาลบทที่ 10 ได้บันทึกว่า
นิมโรด พรานใหญ่ยิ่งต่อพระพักตร์พระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างเมืองบาบิโลน (ปฐมกาล 10:9-10) บาบิโลนตั้งอยู่ในแผ่นดินชินาร์
(ปฐมกาล 10:10) ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกับหอบาเบล (ปฐมกาล 11:1-9)
และเป็นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์บริเวณแม่น้ำยูเฟรติส บาบิโลนได้กลายเป็นจักรวรรดิภายใต้การนำของกษัตริย์ฮัมมูราบี
(Hammurabi) ในช่วงก่อนคริสตศักราช.1726 - 1686 และเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องกฎหมายของฮัมมูราบีซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลก
แต่ช่วงที่บาบิโลนรุ่งเรืองที่สุดนั่นอยู่ในช่วงของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก่อนคริสตศักราช
600 ทรงสร้างเมืองขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนลอยฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ
และชนชาติอิสราเอลถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยอยู่ที่บาบิโลน ในปีก่อนคริสตจักรศักราช 587
จักรวรรดิบาบิโลนได้ล่มสลายลงเมื่ออาณาจักรมีเดียเข้ามายึดครอง ต่อมาตกอยู่ภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย,
กรีก, โรม ปัจจุบันบาบิโลนอยู่ในประเทศอิรัก
สวยลอยฟ้าเป็นเมืองโบราณ หรือพิพิธภัณฑ์สถาน
สำหรับคริสตจักรในยุคแรก
หรือช่วงเวลาของยอห์นผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์ มหานคร บาบิโลนเป็นภาษาสัญลักษณ์ หมายถึง
อาณาจักรโรม แต่ขณะเดียวกันก็จะเกี่ยวข้องกับความเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร นิมิตที่ยอห์นได้รับ
เสียงจากทูตสวรรค์ที่ประกาศว่า บาบิโลนมหานครนั้นล่มจมแล้ว (14:8) วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว บาบิโลนมหานครที่ยิ่งใหญ่ เจ้าได้รับการพิพากษาโทษให้พินาศไปภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น
(18:10) มหานครบาบิโลนที่เอ่ยถึงนี้น่าจะหมายถึง
ประเทศหรืออาณาจักรไหนกันแน่ มีผู้ให้ข้อคิดเห็นแตกต่างกันมากมาย
พอสรุปได้อย่างน้อย 3 แห่งด้วยกัน
1. อาณาจักรโรมที่ถูกฟื้นขึ้นมาใหม่
ซึ่งอาจหมายถึงกลุ่มประเทศในยุโรปที่จะรวมตัวกันเป็นสหราชอาณาจักร เหมือนอาณาจักรเดียวกันที่ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางต่างๆ
ของโลก เมื่อการคมนาคมของยุโรปได้ผูกพันเป็นเอกภาพและเงินยูโรถูกใช้เป็นสกุลเดียวกันทั่วยุโรป
ภาพของยุโรปเป็นอาณาจักรโฉมใหม่เริ่มถูกกล่าวถึงมากขึ้น
2. อาณาจักรบาบิโลนที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่
ซึ่งอาจหมายถึง ประเทศในตะวันออกกลาง อิรักหรืออิหร่านที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกอาหรับก่อนแล้วขยายครอบคลุมไปทั่วโลก
3. มหาอำนาจประเทศหนึ่งในโลกนี้
ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนาและการอำนาจทางการเมือง หลังจากค่ายคอมมิวนิสต์ในยุโรปและสหภาพรัสเซียล่มสลายแล้วมีมหาอำนาจเดียว
ที่เหลืออยู่
คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกและมีอิทธิพลทางทหารและอาวุธมากที่สุด
ของโลกทุกวันนี้
เหตุการณ์ต่างๆในบทที่ 17
จะสำเร็จลงในช่วงกลางของระยะเวลาแห่งกลียุค 7 ปี
ในขณะที่เหตุการณ์ต่างๆของบทที่ 18 จะเกิดขึ้นในตอนท้ายสุดของกลียุค 7
ปี คือเกิดขึ้นในทันทีก่อนการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์
การทำลายกรุงบาบิโลนเป็นเหมือนเฮือกสุดท้ายของเวลาของพวกผู้ต่อต้านพระคริสต์
บทที่ 17 และ บทที่ 18
ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวด้านศาสนาและการเมืองโลกในช่วงสุดท้ายของกลียุคเจ็ดปี บัดนี้เวทีถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วที่จะนำมาซึ่งจุดสูงสุดของหนังสือวิวรณ์
นั่นก็คือ....................................
...............................................................................................การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ในบทที่ 19
No comments:
Post a Comment