Monday, December 14, 2015

ภาคผนวก

สัปดาห์ที่ 20    ภาคผนวก                                                          ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
หลักข้อเชื่อเรื่องการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์
                เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกครั้งแรกนั้น พระองค์ทรงมาในฐานะผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย พระองค์เสด็จมาเพื่อช่วยให้คนทั้งปวงที่ทรงไถ่ไว้นั้นได้รับความรอดจากความผิดบาป  แต่ก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ได้ทรงสัญญากับเหล่าสาวกไว้ว่า พระองค์จะเสด็จกลับมาอีก แต่ไม่ใช่ในสภาพเดิมที่เคยมา พระองค์จะเสด็จมาในฐานะกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่  ผู้ทรงเต็มด้วยพระสิริอันทรงสง่าราศี และจะเสด็จมาในอีกไม่ช้านี้
1. ความหมายของการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง
                การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ หมายถึงการที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับเข้ามาในโลกอีกครั้งหนึ่ง ในสภาพที่เราสามารถมองเห็นพระองค์ด้วยตาของเราได้  (กิจการ 1.11)
2. ความสำคัญของการเสด็จกลับมา
                การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์นั้นมีความหมายสำหรับคริสเตียนมาก เพราะเป็นสิ่งที่คริสเตียนทุกคนรอคอย เมื่อพระองค์เสด็จมานั้น หมายถึงการเดินไปสู่จุดจบของทุกสิ่งและเป็นอวสานของโลกนี้
                พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ไว้มากมายเกือบตลอดทั้งเล่ม ทั้งพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ โดยเฉพาะพระคัมภีร์ใหม่มีการกล่าวถึง 318 ครั้ง และโดยเฉพาะในพระธรรมมัทธิว บทที่ 24-25 มีการกล่าวถึงเรื่องนี้เกือบทั้งบท และในจดหมายฝากของเปาโล พระธรรม 1-2 เธสะโลนิกา และในวิวรณ์และอื่นๆอีก
                การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ มีความสำคัญต่อคริสเตียน คือ
1.        เป็นกุญแจไขพระคัมภีร์  การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์จะทำให้คำสอนทุกอย่างในพระคัมภีร์กระจ่างขึ้น เพราะทุกเรื่องในพระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่ม จะมุ่งเน้นไปที่การเสด็จกลับมาของพระองค์  เราจะเข้าใจภาพของการเป็นกษัตริย์ของพระองค์แจ่มชัดขึ้น  และพระสัญญาต่างๆที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับคนของพระองค์นั้นจะมีความหมายอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลานั้น
2.        เป็นความหวังของคริสตจักร  การที่คริสเตียนมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เรามีความหวังในการรอคอยการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ในฐานะเป็นเจ้าสาวของพระองค์  เพราะเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา พระองค์จะนำบำเหน็จรางวัลมาให้แก่ทุกคนตามการกระทำของเขา
3.        เป็นแรงจูงใจให้ดำเนินชีวิตตามพระคัมภีร์ เมื่อเรามีความหวังใจว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จมาอีก เราก็มีกำลังใจที่จะรักษาชีวิตของเราให้บริสุทธิ์ ชอบธรรม ด้วยใจที่เพียรพยายาม  อดทนต่อความยากลำบาก เพราะเรารู้ว่าเราอยู่เพื่ออะไร
4.        เป็นแรงกระตุ้นให้เราปรนนิบัติรับใช้ เพราะเมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย เราก็จะไม่นิ่งเฉย แต่จะกระตุ้นตนเองให้ทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ด้วยการมอบถวายชีวิตให้กับพระเจ้าในการปรนนิบัติรับใช้พระองค์ และมีชีวิตในการประกาศเป็นพยานเพื่อนำผู้อื่นมาถึงความรอด
3. ลักษณะการเสด็จกลับมา
1.        เสด็จกลับมาด้วยพระองค์เอง ในลักษณะเดียวกันกับเมื่อพระองค์ถูกรับขึ้นไป และเป็นการเสด็จกลับมาบนโลกด้วยกายจริงๆที่สัมผัสได้ แต่เป็นกายใหม่หลังจากที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากตายแล้ว (กิจการ 1.11)
2.        เสด็จกลับมาในสภาพที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาของเรา (มัทธิว 24.30)
3.        เสด็จกลับมาในทันทีทันใด คือ รวดเร็วมากแบบไม่ทันรู้ตัวหรือคาดคิดมาก่อน (มัทธิว 24.37-39, 44)
4.        เสด็จกลับมาด้วยสง่าราศีและด้วยชัยชนะพร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์และวิสุทธิชนของพระองค์ และทรงเสด็จมาในฐานะจอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ (1 เธสะโลนิกา 1.7,10 , วิวรณ์ 19.14-16)


4. จุดประสงค์ของการเสด็จกลับมา
                การเสด็จกลับมาของพระองค์นั้นจะมีลำดับเวลาเป็น 2 ช่วง คือ พระองค์จะเสด็จมาในท้องฟ้าก่อนและมาพร้อมด้วยผู้คนของพระองค์ หลังจากนั้นจะเสด็จมาอีกครั้งโดยทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก ในการเสด็จมาทั้ง 2 ช่วง เวลานี้ ทรงมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันดังนี้
                4.1 จุดประสงค์ของการเสด็จมาบนท้องฟ้า
                                1. มารับคนของพระองค์ไปอยู่กับพระองค์ โดยมี 2 สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น คือ
                                - คนที่ตายไปแล้วจะเป็นขึ้นมาใหม่ คือ พระเยซูจะทรงชุบคนที่ตายไปแล้วให้กลับคืนชีวิตอีกครั้ง
                                - คนที่ยังเป็นอยู่จะรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า เนื้อและเลือดจะมีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ ดังนั้นร่างกายของผู้เชื่อจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ก่อนที่จะถูกรับขึ้นไป ส่วนจะเปลี่ยนอย่างไรนั้นไม่มีข้อพระคัมภีร์ระบุชัดเจน แต่อาจจะเปรียบเทียบได้กับภาพของเอโนคและเอลียาห์ ที่ทั้งสองท่านถูกรับขึ้นไปทั้งที่มีชีวิตอยู่ (1 ธก 4.17, 1 คร 15.50, ปฐมกาล 5.24, ฮบ 11.5, 2 พงษ์กษัตริย์ 2.11)
                                2. มาเพื่อพิพากษาและประทานบำเหน็จรางวัลแก่ผู้เชื่อ  การพิพากษาในที่นี้เป็นการพิพากษาในแง่ของการใช้ตะลันต์ความสามารถที่พระเจ้าให้อย่างสัตย์ซื่อหรือไม่  ซึ่งทุกคนจะต้องกล่าวรายงานในวันนั้น สำหรับบำเหน็จนั้นจะประทานให้แก่ผู้ที่มีความอดทน และยอมทนทุกข์เพื่อพระคริสต์ คนเหล่านั้นจะได้บำเหน็จรางวัลที่มีค่าถาวรและไม่มีวันเสื่อมสูญ  (ดูตัวอย่างคำอุปมาในพระคัมภีร์ประกอบด้วย)
                                                - มัทธิว 25.14-30    คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์
                                                - มัทธิว 20.1-16      คำอุปมาเรื่องคนทำงานในสวนองุ่น
                                                - ลูกา 19.11-27       คำอุปมาเรื่องเงินสิบมินา
                                3. มาเพื่อยกเอาสิ่งที่หน่วงเหนี่ยวนั้นออกไป  สิ่งที่หน่วงเหนี่ยวนั้นก็คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้สามารถยับยั้งความชั่วร้ายในโลก พระองค์จะทรงหยุดยั้งการงานของพระองค์ และเมื่อนั้นคนนอกกฎหมายกับปฏิปักษ์ของพระคริสต์ (Antichrist) จะปรากฏตัว และความชั่วจะถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มที่และวาระสุดท้ายก็จะมาถึง  ( 2 เธสะโลนิกา 2.6-7 )
                4.2 จุดประสงค์ของการเสด็จมาสู่โลก
                                1. เพื่อสำแดงพระสิริของพระองค์พร้อมด้วยคนของพระองค์ พระคัมภีร์บอกว่า นัยน์ตาทุกดวงและมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะเห็นพระองค์  (มัทธิว 24.30, เศคาริยาห์ 14.4)
                                2. เพื่อพิพากษาสัตว์ร้าย ผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ และลูกสมุนของมันที่กำลังทำสงครามต่อสู้กับพระบุตรของพระเจ้า พวกมันจะถูกกองทัพของพระเจ้าจับทิ้งลงในบึงไฟนรก หลังจากนั้นพระองค์จะสถาปนาอาณาจักรพันปี  ( 2 เธสะโลนิกา 2.8 , วิวรณ์ 19.19-20 )
                                3. เพื่อผูกมัดซาตาน  ซาตานจะถูกคุมขังไว้เป็นเวลาพันปี จนครบกำหนดพันปีแล้วจึงจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง  มนุษย์บนแผ่นดินโลกในยุคพันปียังคงมีธรรมชาติบาปอยู่ เพียงแต่การยั่วยุให้ทำบาปจะน้อยลง มนุษย์จะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นแต่ยังต้องตาย ความบาปจะลดน้อยลง (วิวรณ์ 20.1-3, อิสยาห์ 65.20)
                                4. เพื่อช่วยกู้อิสราเอล  อิสราเอลจะได้รับการช่วยกู้ให้พ้นจากศัตรูของพวกเขาในแผ่นดินโลก  พวกเขาจะถูกรวบรวมเข้ามาสู่คริสตจักรของพระคริสต์ ด้วยการกลับใจใหม่และยอมรับพระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา จะมีการสร้างพระวิหารหลังใหม่และรื้อฟื้นการนมัสการตามพิธีกรรมอีกครั้งหนึ่ง (โรม 11.15, เอเสเคียล 37.26-28)
                                5. เพื่อพิพากษาบรรดาประชาชาติ  พระเยซูคริสต์จะจัดการกับพวกที่ต่อสู้กับพระองค์และนำเข้าสู่การพิพากษา ณ พระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์ ก่อนจะเข้าสู่ยุคพันปี พวกที่เชื่อจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ พวกที่ไม่เชื่อจะเข้าสู่การพิพากษานิรันดร์  (มัทธิว 25.31-46  เรื่องการพิพากษาประชาชาติทั้งหลาย)
                                6. เพื่ออวยพรสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง  พระเจ้าจะคืนความสมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติ แผ่นดินโลกจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ สรรพสิ่งทั้งปวงที่ทรงสร้างจะกลายเป็นสิ่งใหม่  ลักษณะภูมิประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปมาก สัตว์ที่เคยดุร้ายจะอยู่ด้วยกันกับสัตว์ที่เชื่องได้  (อิสยาห์ 35.1-2, 5)
                                7. เพื่อตั้งราชอาณาจักรของพระองค์เอง และครอบครองอาณาจักรร่วมกับผู้เชื่อ พระองค์จะทรงเป็นจอมกษัตริย์ปกครองแผ่นดินของพระองค์ กรุงเยรูซาเล็มจะถูกยกขึ้นกลายเป็นเมืองหลวงของแผ่นดินโลก บรรดาประชาชาติจะมานมัสการยังกรุงเยรูซาเล็ม (วิวรณ์ 20.1-4, อิสยาห์ 2.2-4)
5.  หมายสำคัญที่แสดงถึงเวลาการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์
                เรื่องเวลาของการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์นั้น ไม่มีผู้ใดสามารถทราบได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากพระคัมภีร์ไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอน จึงทำให้มีการคาดเดาไปต่างๆนาๆมาทุกยุคทุกสมัย  แม้แต่ในสมัยของคริสตจักรยุคแรกก็ยังมีความเชื่อและเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จมาในเวลานั้น  แต่พระคัมภีร์ก็ได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมานั้น จะมีหมายสำคัญหลายอย่างที่บ่งบอก เช่น
1.        ด้านการเมือง  จะเกิดสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม (มัทธิว 24.6)
2.        ด้านสังคม  มนุษย์จะเห็นแก่ตัว เย่อหยิ่ง ความรักเยือกเย็นลง ศีลธรรมเสื่อม (2 ทิโมธี 3.2-4)
3.        ด้านเศรษฐกิจ  สภาพเศรษฐกิจเสื่อมทราม เกิดการกันดารอาหารทั่วไป (ลูกา 21.11)
4.        ด้านศาสนา  จะมีคนอวดอ้างตัวว่าเป็นพระคริสต์  ลัทธิเทียมเท็จเกิดขึ้น (มัทธิว 24.5, 11)
5.        ด้านสติปัญญาความรู้  โลกจะพัฒนาความรู้ วิทยาการต่างๆก้าวหน้าไปมาก (ดาเนียล 12.4)
6.        ด้านธรณีวิทยา  จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆทั่วโลก  (มัทธิว 24.7)
7.        ด้านกายภาพ  จะเกิดโรคระบาดที่รุนแรงรักษาไม่หาย  (ลูกา 21.11)
8.        ด้านประเทศอิสราเอล  จะมารวมชาติอีกครั้งหนึ่ง    หลังจากที่แตกกระจัดกระจายไปตั้งแต่ปี ค.ศ.70  (มัทธิว 24.32-34)
9.        จะมีการประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วโลก  ถ้าหมายสำคัญเกิดขึ้นเมื่อไร หมายความว่า วาระสุดท้ายของโลกมาถึงแล้ว  (มัทธิว 24.14)
สรุป
                เมื่อเราทุกคนทราบความจริงเรื่องการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์แล้ว  เราไม่ควรนิ่งเฉย  แต่ควรกระตือรือร้นและลุกขึ้นเตรียมชีวิตให้พร้อม เพื่อคู่ควรในการรอรับการเสด็จกลับมาของพระองค์










                                                                                                                                               





                                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพระพร


No comments:

Post a Comment