Monday, December 14, 2015

จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด(1)

สัปดาห์ที่ 3 จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด (1)             ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
(เอเฟซัส สเมอร์นา เปอร์กามัม ธิยาทิรา ซาร์ดิส ฟิลาเดลเฟีย เลาดีเซีย)
จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด
        ก่อนที่จะเปิดเผยฉากเหตุการณ์แห่งคำพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ในบทที่ 4-22  พระคริสต์ทรงมอบข่าวสารส่วนตัวให้แก่คริสตจักรเจ็ดแห่งในแคว้นเอเชียไมเนอร์ ได้แก่ เอเฟซัส  สเมอร์นา เปอร์กามัม ธิยาทิรา ซาร์ดิส ฟิลาเดลเฟีย เลาดิเซีย  ซึ่งในข่าวสารนั้นเห็นได้ชัดว่า คริสตจักรในปัจจุบันสามารถนำมาใช้ในเชิงปฏิบัติได้ด้วย
        เมื่อวิเคราะห์เนื้อหาในจดหมายทั้งเจ็ดฉบับ เราจะเห็นได้ว่า
                - เป็นข่าวสารที่ส่งไปยังคริสตจักรท้องถิ่นที่มีตั้งอยู่จริงในประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 1
                - เป็นข่าวสารที่มาสู่คริสตจักรของพระคริสต์ในทุกยุคทุกสมัย
                - คำกำชับที่มีมาถึงบุคคลในคริสตจักรเหล่านั้น เป็นคำกำชับมาถึงผู้เชื่อในปัจจุบันด้วย
                - บางคนเชื่อว่าคริสตจักรทั้งเจ็ดเป็นลำดับยุคในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 จนถึงปัจจุบัน
1. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส (2.1-7)
(คริสตจักรที่ละทิ้งความรักดั้งเดิม)
        1. เบื้องหลัง
        1.1 เมืองเอเฟซัส เป็นเมืองสำคัญของเอเชียน้อย เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการพาณิชย์  เป็นที่ตั้งของวิหารใหญ่ของพระอารเทมิส ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ รายได้หลักจำนวนมากของชาวเอเฟซัสเกิดจากการทำรูปพระอารเทมิสด้วยเงินจำหน่าย เปาโลได้อยู่ที่เอเฟซัสเป็นเวลานานและประกาศข่าวประเสริฐอย่างเกิดผล ปลุกเร้าชาวเอเฟซัสให้หันมาเชื่อพระเยซู ทำให้พวกช่างเงินโกรธแค้นและก่อจลาจลเพราะธุรกิจการทำรูปพระอารเทมิสถูกกระทบกระเทือน (กจ 19.11-41)
        1.2 คริสตจักรเอเฟซัส น่าจะเริ่มต้นจากอาควิลา ปริสซิลาและเปาโล (กจ 18.18-19) ซึ่งมีผู้เชื่อทั้งชาวยิวและชาวต่างชาติ
          - กจ 20-17-28        เปาโลได้ตั้งคริสตจักรขึ้นและได้แต่งตั้งผู้ปกครองให้ทำหน้าที่ดูแลคริสตจักร
                - กจ 20.31               เปาโลได้รับใช้ที่เอเฟซัสเป็นเวลาประมาณ 3 ปี
                - กจ 20.29-31         เปาโลเตือนคริสตจักรให้ระวังพวกสุนัขป่าที่จะมาล่อลวงคริสตจักรให้หลง
                - อฟ 1.15-16           เปาโลได้กล่าวชมคริสตจักรเอเฟซัสในเรื่องความเชื่อและความรัก
                - 1 ยน 3.11, 4.7      ยอห์นเลี้ยงดูและเตือนคริสตจักรเอเฟซัสให้รักซึ่งกันและกัน
        2. ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส
        2.1 คำนำ (2.1-2)
                - ทูตสวรรค์ (angel) บางครั้งแปลว่า ผู้สื่อสาร เมื่อกล่าวว่าทูตสวรรค์แห่งคริสตจักร... หมายถึงทูตสวรรค์จริงๆที่ทำหน้าที่ดูแลคริสตจักร
                - คริสตจักร (Ekklesia) รากศัพท์หมายถึง บุคคลที่ถูกเรียกออกมาจากความมืดเข้าสู่ความสว่าง และอยู่ร่วมกันเพื่อรับใช้และทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า
                - ทรงถือ หมายถึงการเป็นเจ้าของ การยึดไว้อย่างมั่นคงด้วยอำนาจ และแสดงถึงความรับผิดชอบของพระองค์ในการรักษาคุ้มครอง
                - ดาวทั้งเจ็ด หมายถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด
                - คันประทีปทั้งเจ็ด หมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด
                - พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเอเฟซัส
                        * ทรงมีสิทธิอำนาจเหนือทูตสวรรค์และคริสตจักร
                        * ทรงสถิตและดำเนินอยู่ท่ามกลางคริสตจักร
                        * ทรงรู้จักแนวการกระทำและความเหนื่อยยากลำบากของคริสตจักร
        2.2 คำชมเชย (2.2-3, 6)
                1. มีความอดทนและยอมเหนื่อยยากเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์โดยไม่อ่อนระอา
                2. กล่าวโทษทุรชนและลองใจคนเหล่านั้นที่อวดอ้างเป็นอัครทูต แต่เป็นคนปลอม (เทียมเท็จ)
                3. เกลียดชังกิจการของพวกนิโคเลาส์นิยม (ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกนิโคเลาส์ แต่เชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ผิดเพี้ยนทั้งคำสอนและการกระทำ ซึ่งพระคริสต์ทรงเกลียดชัง) ผู้เชื่อชาวเอเฟซัสได้รับคำชมเพราะสามารถแยกแยะสิ่งดีและชั่ว ไม่ปล่อยให้ผู้สอนผิดเข้ามาบ่อนทำลายคริสตจักร
        2.3 คำประนาม (2.4)
                เจ้าละทิ้งความรักดั้งเดิมของเจ้าภาษาเดิมคือ เจ้าได้ทิ้งความรักแรกของเจ้าไปเสียแล้ว ใน อฟ 1.15-16 เปาโลเคยกล่าวยกย่องชาวเอเฟซัสเมื่อ 35 ปีก่อน แต่บัดนี้คริสเตียนที่เอเฟซัสเป็นผู้เชื่อรุ่นที่ 2 แม้พวกเขาจะยึดมั่นในหลักคำสอนและดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ ปรนนิบัติพระเจ้าอย่างแข็งขัน แต่พวกเขาขาดความรักที่ล้ำลึกต่อพระคริสต์ คริสตจักรในปัจจุบันจำเป็นต้องฟังคำเตือนนี้ การเป็นคริสเตียนที่เคร่งและรับใช้อย่างจริงจังนั้นยังไม่เพียงพอ ผู้เชื่อต้องมอบใจให้กับพระคริสต์เช่นเดียวกับที่เขามอบมือและร่างกายให้กับพระองค์
        2.4 คำเตือน (2.5-6)
                พระเจ้าต้องการให้เขาหวนระลึกถึงสภาพเดิมที่เขาได้หล่นจากมาแล้ว ให้กลับใจเสียใหม่และหันกลับมาสู่ความรักที่พวกเขาได้ละทิ้งไปนั้น พวกเขาต้องรับใช้ไม่เพียงเพราะเป็นความถูกต้องและเหมาะสมเท่านั้น แต่เพราะความรักที่มีต่อพระเยซูคริสต์
                ถ้าพวกเขาไม่ตอบสนองอย่างถูกต้อง è เราจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่ หมายถึงคริสตจักรจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ (**คริสตจักรเอเฟซัสได้ดำเนินต่อไปในประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 5 ทั้งคริสตจักรและเมืองเอเฟซัสตกต่ำลง และนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ไม่มีผู้อาศัยอยู่ที่นั่นอีกเลย)
        2.5 พระสัญญา (2.7)
                พระองค์ตรัสว่า ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในอุทธยานสวรรค์ของพระเจ้า
                - ต้นไม้แห่งชีวิตถูกกล่าวถึงครั้งแรกใน ปฐมกาล 3.22 ซึ่งอยู่ในสวนเอเดน และอีกครั้งหนึ่งใน วิวรณ์ 22.2 ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งออกผลดาษดื่น ผู้ที่กินผลของมันจะไม่ตาย
                - พระสัญญานี้ไม่ได้มีมาถึงเฉพาะคริสตจักรเอเฟซัสหรือผู้เชื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับผู้เชื่อทุกคน และทุกยุคทุกสมัย
(**คำหนุนใจให้ดำรงอยู่ในความรักแท้ เป็นสิ่งที่เตือนใจพวกเขาอีกครั้งให้ระลึกถึงพระคุณพระเจ้า ความรักต่อพระเจ้า ไม่ใช่การถือรักษาพระบัญญัติของพระองค์เหมือนเป็นกฏเกณฑ์ แต่เป็นการรู้จักและเทิดทูนความรักของพระเจ้า)

2. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองสเมอร์นา (2.8-11)
(คริสตจักรที่เผชิญทุกข์ลำบาก)
        1. เบื้องหลัง
        1.1 เมืองสเมอร์นา คำว่า สเมอร์นา แปลว่า ยางไม้หอม หรือ มดยอบ ซึ่งเป็นเครื่องหอมที่ใช้ผสมน้ำมัน เพื่อเจิมพลับพลา และ ใช้ชโลมศพผู้ตาย ในขณะที่คริสเตียนสเมอร์นาประสพความทุกข์ลำบาก พยานอันสัตย์ซื่อของพวกเขาเปรียบเสมือนยางไม้หอมหรือเครื่องหอมที่ถวายแด่พระเจ้า
        เมืองสเมอร์นาเป็นเมืองที่มั่งคั่ง อยู่ห่างจากเมืองเอเฟซัสประมาณ 35 ไมล์ เป็นเมืองท่า(ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน) มีประชากรราว 200,000 คน เป็นศูนย์กลางการกราบไหว้จักรพรรดิโรม มีวิหารที่สถิตรูปของจักรพรรดิโรม และที่แท่นบูชาเขียนว่า ซีซาร์เป็นพระเจ้า
        1.2 คริสตจักรสเมอร์นา ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ก่อตั้ง เป็นไปได้ว่าเปาโลอาจจะมีส่วนในการก่อตั้งขณะที่ท่านอาศัยอยู่ที่เมืองเอเฟซัส (กจ 19.26) คริสเตียนที่นี่รักษาความดีได้ตลอด ยอมใช้ชีวิตอย่างทุกข์ลำบาก และยอมตายเพื่อความเชื่อ ไม่ยอมนมัสการหรือยกย่องซีซาร์ว่าเป็นพระเจ้า การกดขี่ข่มเหงจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้นำคริสตจักรสเมอร์นา ท่านโปลีขาร์ป ไม่ยอมปฏิเสธพระนามพระเยซู ท่านกล่าวว่า ตลอดชีวิตของข้าพเจ้าที่อยู่ในพระเยซู พระองค์ไม่เคยทำให้ข้าพเจ้าผิดหวังแม้สักครั้งเดียว และเหตุใดที่ข้าพเจ้าจะต้องทำให้พระองค์เสียใจในตัวข้าพเจ้า ท่านจึงถูกนำไปประหารโดยการเผาทั้งเป็น
(**น่าสังเกตว่า เมืองสเมอร์นาเป็นเมืองที่ร่ำรวย แต่คริสตจักรกลับอยู่ในสภาพยากจนและเผชิญความทุกข์ลำบากมาก)
        2.  ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
        2.1 คำนำ (2.8-9)
                พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
                        * ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย è แสดงถึงความเป็นองค์นิรันดร์
                        * ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วกลับฟื้นขึ้นมาอีก è พระองค์ทรงวายพระชนม์ด้วยน้ำมือผู้ข่มเหงพระองค์ แต่ทรงเป็นขึ้นจากความตาย แสดงถึงความเป็นพระเจ้าที่มีชัยเหนือความตาย ยังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับคริสตจักรสเมอร์นาเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาก็ได้รับการข่มเหงอย่างรุนแรง พระองค์จึงเข้าใจสภาพของคริสตจักรแห่งนี้เป็นอย่างดี
        2.2 คำชมเชย (2.9)
               - ช่างเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและเล้าโลมใจผู้เชื่อที่สเมอร์นา เพราะพระคริสต์ทรงทราบถึงความทุกข์ทั้งสิ้นของเขา เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความทุกข์ลำบากและยากจน (แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี) è แม้พวกเขาจะยากจนข้นแค้น แต่พวกเขามั่งคั่งในพระสัญญาอันอัศจรรย์ที่พระคริสต์ประทานให้ (2 คร 6.10, ยก 2.5)
                - ถูกข่มเหงและใส่ร้าย แต่พวกเขาก็อดทนต่อความยากลำบาก
        2.3 คำประนาม
                พระคริสต์ไม่ได้ทรงประนามคริสตจักรที่สัตย์ซื่อและรับความทุกข์ลำบากแม้แต่น้อย ความทุกข์ยากของคริสตจักรสเมอร์นาแม้จะนำมาซึ่งความยากลำบากอย่างแสนสาหัส แต่มันช่วยให้เขามีความเชื่อและชีวิตที่บริสุทธิ์
        2.4 คำเตือน (2.10)
                - ให้กล้าหาญ อย่ากลัวความทุกข์ทรมาน (ภาษาเดิม è จงหยุดกลัว)
                - พวกเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานจากการถูกจองจำ และจะเป็นอยู่ถึง 10 วัน è เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่พระเจ้าจำกัดไว้ แม้ความทุกข์จะเกิดในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เหตุใดแทนที่จะเป็นคนอธรรม แต่กลับเป็นผู้ชอบธรรมที่ต้องรับทุกข์
                                * ทำให้เกิดวินัยในชีวิต ( 1 คร 11.30-32, ฮบ 12.3-13)
                                * ทำให้เรียนรู้การเชื่อฟัง ( ฮบ 5.8, รม 5.3-5)
                                * ทำให้มีคำพยานที่ดีเพื่อพระคริสต์ ( กจ 9.16)
                - จงมีใจมั่นคงตราบเท่าวันตาย
        2.5 พระสัญญา (2.11)
                - ถึงแม้ผู้ที่ข่มเหงสามารถทำลายชีวิตฝ่ายร่างกายได้ แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต

                - พวกเขาจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สอง (วว 20.15)

No comments:

Post a Comment