สัปดาห์ที่ 3 จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด (1) ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
(เอเฟซัส – สเมอร์นา – เปอร์กามัม – ธิยาทิรา – ซาร์ดิส – ฟิลาเดลเฟีย – เลาดีเซีย)
จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด
ก่อนที่จะเปิดเผยฉากเหตุการณ์แห่งคำพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ในบทที่
4-22
พระคริสต์ทรงมอบข่าวสารส่วนตัวให้แก่คริสตจักรเจ็ดแห่งในแคว้นเอเชียไมเนอร์
ได้แก่ เอเฟซัส สเมอร์นา เปอร์กามัม
ธิยาทิรา ซาร์ดิส ฟิลาเดลเฟีย เลาดิเซีย
ซึ่งในข่าวสารนั้นเห็นได้ชัดว่า
คริสตจักรในปัจจุบันสามารถนำมาใช้ในเชิงปฏิบัติได้ด้วย
เมื่อวิเคราะห์เนื้อหาในจดหมายทั้งเจ็ดฉบับ เราจะเห็นได้ว่า
-
เป็นข่าวสารที่ส่งไปยังคริสตจักรท้องถิ่นที่มีตั้งอยู่จริงในประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่
1
-
เป็นข่าวสารที่มาสู่คริสตจักรของพระคริสต์ในทุกยุคทุกสมัย
-
คำกำชับที่มีมาถึงบุคคลในคริสตจักรเหล่านั้น
เป็นคำกำชับมาถึงผู้เชื่อในปัจจุบันด้วย
- บางคนเชื่อว่าคริสตจักรทั้งเจ็ดเป็นลำดับยุคในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่
1 จนถึงปัจจุบัน
1. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส
(2.1-7)
(คริสตจักรที่ละทิ้งความรักดั้งเดิม)
1. เบื้องหลัง
1.1 เมืองเอเฟซัส
เป็นเมืองสำคัญของเอเชียน้อย เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการพาณิชย์ เป็นที่ตั้งของวิหารใหญ่ของพระอารเทมิส
ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
รายได้หลักจำนวนมากของชาวเอเฟซัสเกิดจากการทำรูปพระอารเทมิสด้วยเงินจำหน่าย
เปาโลได้อยู่ที่เอเฟซัสเป็นเวลานานและประกาศข่าวประเสริฐอย่างเกิดผล
ปลุกเร้าชาวเอเฟซัสให้หันมาเชื่อพระเยซู
ทำให้พวกช่างเงินโกรธแค้นและก่อจลาจลเพราะธุรกิจการทำรูปพระอารเทมิสถูกกระทบกระเทือน
(กจ 19.11-41)
1.2 คริสตจักรเอเฟซัส
น่าจะเริ่มต้นจากอาควิลา ปริสซิลาและเปาโล (กจ 18.18-19)
ซึ่งมีผู้เชื่อทั้งชาวยิวและชาวต่างชาติ
- กจ 20-17-28 เปาโลได้ตั้งคริสตจักรขึ้นและได้แต่งตั้งผู้ปกครองให้ทำหน้าที่ดูแลคริสตจักร
- กจ 20.31 เปาโลได้รับใช้ที่เอเฟซัสเป็นเวลาประมาณ
3 ปี
- กจ 20.29-31 เปาโลเตือนคริสตจักรให้ระวังพวกสุนัขป่าที่จะมาล่อลวงคริสตจักรให้หลง
- อฟ 1.15-16 เปาโลได้กล่าวชมคริสตจักรเอเฟซัสในเรื่องความเชื่อและความรัก
- 1 ยน 3.11, 4.7 ยอห์นเลี้ยงดูและเตือนคริสตจักรเอเฟซัสให้รักซึ่งกันและกัน
2. ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส
2.1 คำนำ (2.1-2)
- ทูตสวรรค์ (angel) บางครั้งแปลว่า ผู้สื่อสาร
เมื่อกล่าวว่าทูตสวรรค์แห่งคริสตจักร...
หมายถึงทูตสวรรค์จริงๆที่ทำหน้าที่ดูแลคริสตจักร
- คริสตจักร (Ekklesia)
รากศัพท์หมายถึง
บุคคลที่ถูกเรียกออกมาจากความมืดเข้าสู่ความสว่าง
และอยู่ร่วมกันเพื่อรับใช้และทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า
- ทรงถือ หมายถึงการเป็นเจ้าของ
การยึดไว้อย่างมั่นคงด้วยอำนาจ
และแสดงถึงความรับผิดชอบของพระองค์ในการรักษาคุ้มครอง
- ดาวทั้งเจ็ด
หมายถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด
- คันประทีปทั้งเจ็ด
หมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด
-
พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเอเฟซัส
*
ทรงมีสิทธิอำนาจเหนือทูตสวรรค์และคริสตจักร
* ทรงสถิตและดำเนินอยู่ท่ามกลางคริสตจักร
*
ทรงรู้จักแนวการกระทำและความเหนื่อยยากลำบากของคริสตจักร
2.2 คำชมเชย (2.2-3, 6)
1.
มีความอดทนและยอมเหนื่อยยากเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์โดยไม่อ่อนระอา
2.
กล่าวโทษทุรชนและลองใจคนเหล่านั้นที่อวดอ้างเป็นอัครทูต แต่เป็นคนปลอม (เทียมเท็จ)
3. เกลียดชังกิจการของพวกนิโคเลาส์นิยม
(ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกนิโคเลาส์
แต่เชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ผิดเพี้ยนทั้งคำสอนและการกระทำ ซึ่งพระคริสต์ทรงเกลียดชัง)
ผู้เชื่อชาวเอเฟซัสได้รับคำชมเพราะสามารถแยกแยะสิ่งดีและชั่ว
ไม่ปล่อยให้ผู้สอนผิดเข้ามาบ่อนทำลายคริสตจักร
2.3 คำประนาม (2.4)
‘เจ้าละทิ้งความรักดั้งเดิมของเจ้า’ ภาษาเดิมคือ ‘เจ้าได้ทิ้งความรักแรกของเจ้าไปเสียแล้ว’ ใน อฟ 1.15-16 เปาโลเคยกล่าวยกย่องชาวเอเฟซัสเมื่อ
35 ปีก่อน แต่บัดนี้คริสเตียนที่เอเฟซัสเป็นผู้เชื่อรุ่นที่ 2
แม้พวกเขาจะยึดมั่นในหลักคำสอนและดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์
ปรนนิบัติพระเจ้าอย่างแข็งขัน แต่พวกเขาขาดความรักที่ล้ำลึกต่อพระคริสต์ คริสตจักรในปัจจุบันจำเป็นต้องฟังคำเตือนนี้
การเป็นคริสเตียนที่เคร่งและรับใช้อย่างจริงจังนั้นยังไม่เพียงพอ
ผู้เชื่อต้องมอบใจให้กับพระคริสต์เช่นเดียวกับที่เขามอบมือและร่างกายให้กับพระองค์
2.4 คำเตือน (2.5-6)
พระเจ้าต้องการให้เขาหวนระลึกถึงสภาพเดิมที่เขาได้หล่นจากมาแล้ว
ให้กลับใจเสียใหม่และหันกลับมาสู่ความรักที่พวกเขาได้ละทิ้งไปนั้น
พวกเขาต้องรับใช้ไม่เพียงเพราะเป็นความถูกต้องและเหมาะสมเท่านั้น
แต่เพราะความรักที่มีต่อพระเยซูคริสต์
ถ้าพวกเขาไม่ตอบสนองอย่างถูกต้อง è เราจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่
หมายถึงคริสตจักรจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้
(**คริสตจักรเอเฟซัสได้ดำเนินต่อไปในประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 5
ทั้งคริสตจักรและเมืองเอเฟซัสตกต่ำลง และนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 14
ไม่มีผู้อาศัยอยู่ที่นั่นอีกเลย)
2.5 พระสัญญา (2.7)
พระองค์ตรัสว่า ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในอุทธยานสวรรค์ของพระเจ้า
-
ต้นไม้แห่งชีวิตถูกกล่าวถึงครั้งแรกใน ปฐมกาล 3.22 ซึ่งอยู่ในสวนเอเดน
และอีกครั้งหนึ่งใน วิวรณ์ 22.2 ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งออกผลดาษดื่น
ผู้ที่กินผลของมันจะไม่ตาย
- พระสัญญานี้ไม่ได้มีมาถึงเฉพาะคริสตจักรเอเฟซัสหรือผู้เชื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
แต่สำหรับผู้เชื่อทุกคน และทุกยุคทุกสมัย
(**คำหนุนใจให้ดำรงอยู่ในความรักแท้
เป็นสิ่งที่เตือนใจพวกเขาอีกครั้งให้ระลึกถึงพระคุณพระเจ้า ความรักต่อพระเจ้า
ไม่ใช่การถือรักษาพระบัญญัติของพระองค์เหมือนเป็นกฏเกณฑ์
แต่เป็นการรู้จักและเทิดทูนความรักของพระเจ้า)
2. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองสเมอร์นา (2.8-11)
(คริสตจักรที่เผชิญทุกข์ลำบาก)
1. เบื้องหลัง
1.1 เมืองสเมอร์นา คำว่า สเมอร์นา แปลว่า
ยางไม้หอม หรือ มดยอบ ซึ่งเป็นเครื่องหอมที่ใช้ผสมน้ำมัน
เพื่อเจิมพลับพลา และ ใช้ชโลมศพผู้ตาย
ในขณะที่คริสเตียนสเมอร์นาประสพความทุกข์ลำบาก
พยานอันสัตย์ซื่อของพวกเขาเปรียบเสมือนยางไม้หอมหรือเครื่องหอมที่ถวายแด่พระเจ้า
เมืองสเมอร์นาเป็นเมืองที่มั่งคั่ง
อยู่ห่างจากเมืองเอเฟซัสประมาณ 35
ไมล์ เป็นเมืองท่า(ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน) มีประชากรราว
200,000 คน เป็นศูนย์กลางการกราบไหว้จักรพรรดิโรม
มีวิหารที่สถิตรูปของจักรพรรดิโรม และที่แท่นบูชาเขียนว่า ซีซาร์เป็นพระเจ้า
1.2 คริสตจักรสเมอร์นา
ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ก่อตั้ง เป็นไปได้ว่าเปาโลอาจจะมีส่วนในการก่อตั้งขณะที่ท่านอาศัยอยู่ที่เมืองเอเฟซัส
(กจ 19.26) คริสเตียนที่นี่รักษาความดีได้ตลอด ยอมใช้ชีวิตอย่างทุกข์ลำบาก
และยอมตายเพื่อความเชื่อ ไม่ยอมนมัสการหรือยกย่องซีซาร์ว่าเป็นพระเจ้า การกดขี่ข่มเหงจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้นำคริสตจักรสเมอร์นา ท่านโปลีขาร์ป ไม่ยอมปฏิเสธพระนามพระเยซู ท่านกล่าวว่า ตลอดชีวิตของข้าพเจ้าที่อยู่ในพระเยซู
พระองค์ไม่เคยทำให้ข้าพเจ้าผิดหวังแม้สักครั้งเดียว
และเหตุใดที่ข้าพเจ้าจะต้องทำให้พระองค์เสียใจในตัวข้าพเจ้า
ท่านจึงถูกนำไปประหารโดยการเผาทั้งเป็น
(**น่าสังเกตว่า เมืองสเมอร์นาเป็นเมืองที่ร่ำรวย
แต่คริสตจักรกลับอยู่ในสภาพยากจนและเผชิญความทุกข์ลำบากมาก)
2.
ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
2.1 คำนำ (2.8-9)
พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
* ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย è แสดงถึงความเป็นองค์นิรันดร์
*
ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วกลับฟื้นขึ้นมาอีก è
พระองค์ทรงวายพระชนม์ด้วยน้ำมือผู้ข่มเหงพระองค์ แต่ทรงเป็นขึ้นจากความตาย
แสดงถึงความเป็นพระเจ้าที่มีชัยเหนือความตาย ยังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับคริสตจักรสเมอร์นาเป็นพิเศษ
เพราะพวกเขาก็ได้รับการข่มเหงอย่างรุนแรง
พระองค์จึงเข้าใจสภาพของคริสตจักรแห่งนี้เป็นอย่างดี
2.2 คำชมเชย (2.9)
- ช่างเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและเล้าโลมใจผู้เชื่อที่สเมอร์นา
เพราะพระคริสต์ทรงทราบถึงความทุกข์ทั้งสิ้นของเขา เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความทุกข์ลำบากและยากจน
(แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี) è แม้พวกเขาจะยากจนข้นแค้น
แต่พวกเขามั่งคั่งในพระสัญญาอันอัศจรรย์ที่พระคริสต์ประทานให้ (2 คร 6.10, ยก 2.5)
-
ถูกข่มเหงและใส่ร้าย แต่พวกเขาก็อดทนต่อความยากลำบาก
2.3 คำประนาม
พระคริสต์ไม่ได้ทรงประนามคริสตจักรที่สัตย์ซื่อและรับความทุกข์ลำบากแม้แต่น้อย
ความทุกข์ยากของคริสตจักรสเมอร์นาแม้จะนำมาซึ่งความยากลำบากอย่างแสนสาหัส
แต่มันช่วยให้เขามีความเชื่อและชีวิตที่บริสุทธิ์
2.4 คำเตือน (2.10)
-
ให้กล้าหาญ อย่ากลัวความทุกข์ทรมาน (ภาษาเดิม è จงหยุดกลัว)
-
พวกเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานจากการถูกจองจำ และจะเป็นอยู่ถึง 10 วัน è เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่พระเจ้าจำกัดไว้
แม้ความทุกข์จะเกิดในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เหตุใดแทนที่จะเป็นคนอธรรม
แต่กลับเป็นผู้ชอบธรรมที่ต้องรับทุกข์
*
ทำให้เกิดวินัยในชีวิต ( 1 คร 11.30-32, ฮบ 12.3-13)
*
ทำให้เรียนรู้การเชื่อฟัง ( ฮบ 5.8, รม 5.3-5)
*
ทำให้มีคำพยานที่ดีเพื่อพระคริสต์ ( กจ 9.16)
-
จงมีใจมั่นคงตราบเท่าวันตาย
2.5 พระสัญญา (2.11)
-
ถึงแม้ผู้ที่ข่มเหงสามารถทำลายชีวิตฝ่ายร่างกายได้ แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ
เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต
-
พวกเขาจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สอง (วว 20.15)
No comments:
Post a Comment