Monday, December 14, 2015

จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด(2)

สัปดาห์ที่ 4 จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด (2)                    ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
3. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (2.12-17)
   (คริสตจักรที่อะลุ้มอล่วยต่อคำสอนเท็จ)
        1. เบื้องหลัง
        1.1 เมืองปอร์กามัม ตั้งห่างจากสเมอร์นาประมาณ 20 ไมล์ เป็นเมืองที่มั่งคั่งแต่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ชาวเมืองกราบไหว้พระอาเธนา (Athena) พระแอสคลีเปียส (Asclepius) พระไดโอนีซัส (Dionysus) และพระซุส (Zeus)
- มหาวิทยาลัยในเมืองนี้มีห้องสมุดขนาดใหญ่ มีหนังสือกว่า 200,000 เล่ม
- เป็นเมืองที่ผลิตแผ่นกระดาษ ที่เรียกว่า เปอร์กามีนา (Pergamena)
                - บรรยากาศของเมืองเปอร์กามัมไม่เป็นมิตรต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนและการเป็นพยาน
- เป็นเมืองที่จงรักภักดีต่อกรุงโรม จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คริสเตียนได้รับการข่มเหง
        1.2 คริสตจักรเปอร์กามัม  ไม่มีประวัติการตั้งคริสตจักรนี้ เช่นเดียวกับคริสตจักรเมืองสเมอร์นาที่คริสตจักรจะต้องเผชิญกับการกดขี่ข่มเหง และเรื่องอันทีพาที่ถูกข่มเหง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีปัญหากับกลุ่มคนยิวและคริสเตียนยิว  ด้วยเหตุนี้จึงมีอุทาหรณ์จากตัวอย่างในพันธสัญญาเดิมเรื่องบาลาอัม กดว 22-25, 31.15-16
        2. ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
        2.1 คำนำ (2.12) พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
                - พระองค์ทรงถือดาบสองคม ดาบเป็นสัญลักษณ์ถึงพระวจนะของพระเจ้า มีประสิทธิภาพในการ
                                * แยกผู้เชื่อออกจากโลก è ประทานความรอด
                                * เป็นดาบแห่งความตายสำหรับผู้ไม่เชื่อ เป็นเครื่องหมายแห่งการพิพากษา
        2.2 คำชมเชย (2.13)
                - พวกเขายึดมั่นในพระนามของพระองค์ ยึดมั่นในความเชื่อ แม้ในยามที่ถูกทดลองใจอย่างรุนแรง
                - ยอมตายเพื่อความเชื่อ พระองค์ทรงรู้ถึงสถานการณ์อันยากลำบากของพวกเขา พวกเขาอาศัยอยู่ ณ ที่นั่งของซาตาน (ซึ่งอาจจะหมายถึงวิหารของพระแอสคลีเปียส พระที่มีรูปร่างเหมือนงูและเป็นเทพแห่งการรักษาโรค)
                - สัตย์ซื่อแม้ในยามที่อันทีพาต้องพลีชีพเพื่อความเชื่อ
        2.3 คำประนาม (2.14-15)
                ไม่ใช่ว่าสมาชิกทุกคนในคริสตจักรที่ได้รับคำชมเชย
                - มีบางกลุ่มถือตามคำสอนของบาลาอัม บาลาอัมตั้งใจจะร่ำรวยทางวัตถุด้วยการยอมสูญเสียฝ่ายวิญญาณ เขาแนะนำกษัตริย์บาลาคแห่งโมอับให้ล่อลวงชาวอิสราเอลให้ล่วงประเวณีและกราบไหว้รูปเคารพ เพื่อชาวอิสราเอลจะไม่ได้รับการทรงช่วยเหลือจากพระเจ้า (กดว 25.1-9) บาลาอัมจึงกลายเป็นต้นแบบของการล่อลวงผู้เชื่อให้ประนีประนอมกับความผิดบาป คนบางกลุ่มในคริสตจักรเปอร์กามัมก็ทำเช่นเดียวกัน โดยให้ความเห็นว่าควรนมัสการรูปปั้นจักรพรรดิจะทำให้ปลอดภัย และผูกมิตรกับพวกโรมันเพื่อหนีการข่มเหง
                - บางกลุ่มเชื่อตามคำสอนของพวกนิโคเลาส์ คือ หันไปประนีประนอมกับศีลธรรมฝ่ายโลกและหลักคำสอนของคนต่างชาติที่ไม่เชื่อพระเจ้า ซึ่งเป็นเหตุให้คริสตจักรเสื่อมลง
        2.4 คำเตือน (2.16)
                คริสตจักรได้รับการเตือนให้เลิกท่าทีของการผ่อนปรนและยอมให้บาปที่มีอยู่นั้นเป็นไปเรื่อยๆ
                -จงกลับใจเสียใหม่  ถ้าคริสตจักรไม่ลงมือกำจัดความชั่ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ว่า พระองค์จะ ทำสงครามกับเขา ด้วยดาบแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์ ซึ่งหมายถึงพระวจนะของพระเจ้าที่จะทรงกล่าวพิพากษาอย่างเฉียบขาดต่อการประนีประนอมกับความเชื่ออื่นและต่อความบาป
        2.5 พระสัญญา (2.17)
                พระองค์ตรัสว่า ผู้ที่มีชัยชนะจะได้รับ
                - มานาที่ซ่อนอยู่ เมื่อชาวอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุระกันดารมีความต้องการพระเจ้าก็จัดประทานให้ตามความต้องการ เพราะฉะนั้นผู้ที่สัตย์ซื่อของพระองค์มีความต้องการ พระองค์ก็จะทรงประทานให้เช่นเดียวกัน
      มานาที่ซ่อนอยู่ è หมายถึงพระคริสต์ผู้เป็นทิพย์อาหารจากสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นแหล่งบำรุงเลี้ยงและพระกำลังของผู้เชื่อ ในขณะที่ชาวอิสราเอลได้รับอาหารฝ่ายกายแต่คริสตจักรจะได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณ
- หินขาวที่มีชื่อใหม่จารึกไว้ ที่ไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่รับเท่านั้น (เมืองเปอร์กามัมมีการทำเหมืองแร่หินขาวเป็นผลิตผลทางการค้า)
    หินขาว è เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้พิพากษาในสมัยนั้นใช้เพื่อแสดงว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นบริสุทธิ์และพ้นจากข้อกล่าวหาแล้ว ดังนั้นจึงหมายถึงผู้เชื่อเป็นผู้ที่ปราศจากความผิดบาปเพราะพระเยซูคริสต์
                  è ทหารที่กลับจากสงครามด้วยชัยชนะต่อศัตรูจะได้รับหินขาว
                  è ใครมีหินขาวแสดงว่าได้หลุดจากความเป็นทาสแล้ว
- ชื่อใหม่ หมายถึง ฐานะใหม่ ชีวิตใหม่ที่ผู้เชื่อได้ต่อสู้และรักษาความเชื่อไว้จนถึงที่สุด

4. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองธิยาทิรา  (2.18-29)
   (คริสตจักรที่ไม่ได้จัดการกับผู้สอนผิดในคริสตจักร)
        1. เบื้องหลัง
        1.1 เมืองธิยาทิรา เป็นเมืองเล็กๆห่างจากเปอร์กามัมประมาณ 40 ไมล์ อยู่ระหว่างหุบเขาไคคัสและเฮอร์มัสจึงเป็นป้อมธรรมชาติได้อย่างดี ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมการคมนาคมที่สำคัญระหว่างเมืองต่างๆด้วย ดูเป็นเมืองเล็กๆแต่มีชื่อเสียงในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลและการทำผ้าม่วง และยังมีอุตสาหกรรมขนแกะ เครื่องหนัง เครื่องปั้นดินเผาและการค้าทาส ธิยาทิราเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านศาสนา  เพราะมีวิหารของพระอพอลโล ซึ่งคู่กับพระอารเทมิส
        1.2 คริสตจักรเมืองธิยาทิรา อาจเริ่มต้นจากผู้ที่ได้รับเชื่อจากการประกาศของเปาโลที่เมืองเอเฟซัส กจ 16.14 นางลิเดียหญิงชาวเมืองธิยาทิราได้รับเชื่อพร้อมทั้งครอบครัวในขณะที่เปาโลทำการประกาศข่าวประเสริฐที่เมืองฟิลิปปี ซึ่งนางลิเดียทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายผ้าสีม่วงและนางลิเดียคงได้กลับไปประกาศในท้องถิ่นของตน
        2.  ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองธิยาทิรา
        2.1 คำนำ (2.18)
                พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองธิยาทิรา
                        * พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองเป็นพระบุตรของพระเจ้า เพื่อยืนยันความเป็นพระเจ้า ที่จะสำแดงพระพิโรธอันชอบธรรมต่อความบาปของพวกเขา
                        * พระเนตรดุจเปลวไฟ è ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกประการ ทรงสัพพัญญู
                        * พระบาทดุจทองสัมฤทธิ์ è ทรงเข้มแข็ง
                        * พระองค์ทรงเข้าใจสภาพในคริสตจักรอย่างบริบูรณ์ครบถ้วน
        2.2 คำชมเชย (2.19)
               แม้ว่าคริสตจักรธิยาทิราจะมีความบาปผิดหลายประการ แต่ก็ยังได้รับคำชมเชย เพราะ
                - มีความรัก ความเชื่อ การปรนนิบัติรับใช้ ความอดทนและพัฒนาขึ้น มีเบื้องปลายมากกว่าเบื้องต้น è พวกเขาได้พยายามแก้ไขการกระทำ ซึ่งต่างจากคริสตจักรเอเฟซัสซึ่งแย่ลงเรื่อยๆ จะเห็นว่าคริสตจักรนี้เป็นคริสตจักรที่ดี เขาดำเนินกิจการขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอด้วยความสัตย์ซื่อและอดทน  เขาเติบโตขึ้นในพระคุณ แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่พระองค์จะทรงตำหนิ
        2.3 คำประนาม (2.20-23)
                บางคนยอมฟังผู้เผยพระวจนะเท็จ ซึ่งสอนให้กราบไหว้รูปเคารพและทานอาหารที่ถวายรูปเคารพนั้น และสุดท้ายในพิธีกรรมจะมีการล่วงประเวณีที่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมด้วย พระเยซูเรียกหญิงนี้ว่า เยเซเบล เพราะนางมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับเยเซเบลมเหสีของกษัตริย์อาหับ ที่ทำให้อาหับและชนอิสราเอลหันไปนมัสการรูปเคารพและละทิ้งพระเจ้า เยเซเบลจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการล่อลวง (1 พกษ 16.31, 21.25) การสอนของหญิงผู้เผยพระวจนะเท็จนี้ดูเหมือนว่าล้ำลึกมากโดยกล่าวว่าคริสเตียนที่กล้าทำสิ่งเหล่านั้นจะไม่เป็นมลทิน แต่พระเยซูเรียกการสอนแบบนี้ว่า     ความล้ำลึกของซาตาน พระองค์ทรงให้โอกาสหญิงนั้นกลับใจแต่นางไม่ยอมกลับใจจึงต้องถูกพิพากษาพร้อมกับผู้ที่ติดตามนาง (บางครั้งเราอาจได้ฟังคำสอนในทำนองเดียวกันคือ คริสเตียนจำเป็นต้องอยู่ในโลก จึงไม่ต้องแยกตัวออกจากวิถีของโลก)
        2.4 คำเตือน (2.24-25)
                พวกเจ้าที่เหลืออยู่ (ผู้ไม่ได้เชื่อตามคำสอนและประพฤติอย่างนางเยเซเบล)
                - ให้ยึดมั่นในสิ่งที่ตนมีอยู่ให้มั่นคง
                - ผู้ที่ติดตามนางเยเซเบลจะต้องได้รับการลงโทษพร้อมกับนาง
        2.5 พระสัญญา (2.26-29)
                - ผู้ที่สัตย์ซื่อจะได้ครอบครองร่วมกับพระองค์ในอาณาจักรพันปี คำว่า บังคับบัญชา ในข้อ 27 มีความหมายว่าการเลี้ยงแกะ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ปกครองด้วยความยุติธรรมเท่านั้น แต่จะเป็นดั่งผู้เลี้ยงแกะที่ใช้ไม้เท้าของตนในการดูแลและปกป้องลูกแกะ ผู้เชื่อจะได้รับสิทธิอำนาจเหมือนที่พระคริสต์ทรงมี
                - ผู้ที่สัตย์ซื่อจะได้รับดาวประจำรุ่ง คือการทรงนำของพระเจ้าในเวลามืดทึบของความทุกข์ยากลำบากหรือการทดลอง คริสเตียนอาจเดินอยู่ในความมืดบ่อยๆ ในความปั่นป่วนกังวลนั้นพระองค์ทรงประทานดาวประจำรุ่งให้นำเขา

5. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองซาร์ดิส  (2.18-29)
    (คริสตจักรที่ได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่แต่ได้ตายเสียแล้ว)
        1. เบื้องหลัง
        1.1 เมืองซาร์ดิส ตั้งห่างจากธิยาทิราไปทางใต้ประมาณ 30 ไมล์ อุตสาหกรรมที่สำคัญคือการค้าอัญมณี การย้อมผ้าและการทอผ้า ทำให้เป็นเมืองที่มั่งคั่งร่ำรวย ชาวเมืองจึงมีชีวิจที่สุขสบายจนเฉื่อยชาถึงเกียจคร้าน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการนมัสการพระอารเทมิส ซึ่งซากปรักหักพังของวิหารยังคงหลงเหลืออยู่จนทุกวันนี้
        1.2 คริสตจักรเมืองซาร์ดิส ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการก่อตั้งคริสตจักรซาร์ดิส นักโบราณคดีได้ค้นพบซากปรักหักพังของอาคารคริสตจักรข้างๆซากวิหารของพระอารเทมิส
        2.  ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองซาร์ดิส
        2.1 คำนำ (3.1)
                พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองซาร์ดิส
                        * พระองค์ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า หมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งประกอบด้วยความรอบรู้และฤทธิ์เดชอย่างบริบูรณ์ (เลขเจ็ดเล็งถึงความสมบูรณ์) พระองค์ทรงรู้ปัญหาของคริสตจักรและมีฤทธิ์ที่จะแก้ปัญหาได้
                        * พระองค์ทรงมีดาราเจ็ดดวง หมายถึงคริสตจักรที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
                จะเห็นถึงความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ - คริสตจักร
        2.2 คำชมเชย (3.1)
               แท้ที่จริงคำชมในที่นี้ก็คือคำต่อว่า เพราะพระเยซูคริสต์ทรงประกาศว่าพวกเขา ได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ คนร่วมสมัยเดียวกับพวกเขามองว่าซาร์ดิสเป็นคริสตจักรที่เกิดผล มีชีวิตชีวา คริสตจักรคงจะมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก มีกิจกรรมมาก การถวายมาก มีการเทศนาที่น่าตื่นเต้น มีแผนงานมากมาย แต่น่าเสียดายคงไม่มีการประกาศกับบุคคลภายนอก ไม่มีการเล็งถึงผลฝ่ายวิญญาณ แต่เป็นเหมือนต้นไม้ใน มธ 21.19 ไม่มีผล มีแต่ใบเท่านั้น  แต่ในข้อ 4 พระองค์ตรัสว่า มีสองสามคนที่ไม่ได้กระทำให้เสื้อผ้าของตนมีมลทิน
        2.3 คำประนาม (3.2)
                พระคริสต์ทรงยกคำชมเชยไปจากพวกเขาอย่างรวดเร็ว และทรงประกาศว่า เจ้าได้ตายเสียแล้ว ในทำนองเดียวกับพวกฟาริสี คริสเตียนที่ซาร์ดิสขาดชีวิตแต่ได้ปิดซ่อนไว้ด้วยเปลือกนอกที่ฉาบฉวย (มธ 23.27-28) พระคริสต์ทรงกล่าวเพิ่มเติมว่า เราไม่พบการประพฤติของเจ้าที่ดีพร้อมในสายพระเนตรของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้สำแดงชีวิตเยี่ยงผู้เชื่อ (จงระวัง อย่าให้คริสตจักรมีแต่การเคลื่อนไหวบริบูรณ์เฉพาะภายนอก  แต่ไม่มีฝ่ายวิญญาณจิตภายใน)
        2.4 คำเตือน (3.3)
                ทรงเตือนคริสตจักรให้กระตือรือล้น
                - จงตื่นขึ้นจากากรหลับไหลฝ่ายวิญญาณ
                - จงกระตุ้นส่วนที่เหลืออยู่ที่กำลังจะตายอยู่แล้วให้แข็งแรงขึ้น
                - จงระลึกว่าได้รับและได้ยินอะไรเมื่อเราเชื่อ จงกระทำตามและกลับใจเสียใหม่ è เตือนคริสตจักรให้ระลึกถึงเนื้อแท้ของศาสนาดังได้รับมาแต่แรกและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นั้น ถ้าเจ้าไม่เฝ้าระวัง เราจะมาหาเจ้าเหมือนอย่างขโมย  (เฝ้าระวัง ไม่ใช่เรื่องของการเบิกตาอยู่เสมอ แต่เป็นการปรนนิบัติพระเจ้าทุกเวลา)
        2.5 พระสัญญา (3.4-5)
                ทรงสัญญาแก่กลุ่มคนที่สัตย์ซื่อว่า
-          เขาจะได้สวมเสื้อชุดสีขาวและเดินไปกับพระองค์ เสื้อสีขาวแสดงถึงการปลอดจากมลทินโทษ
-          ชื่อของพวกเขาจะคงอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต
-          พระองค์จะยอมรับว่าเขาเป็นของพระองค์ต่อพระพักตร์พระบิดาและต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์
        (** ประโยคที่ว่า เราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิต ไม่ได้หมายความว่าบางคนอาจจะถูกลบชื่อออกจากหนังสือแห่งชีวิต เพราะผู้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงจะได้รับชีวิตใหม่ดังที่ยอห์นได้กล่าวไว้ใน ยน 5.24,6.35-37,39,10.28 แต่แท้ที่จริงแล้วถ้อยคำดังกล่าวกลับยืนยันว่าชื่อของพวกเขาจะไม่ถูกลบทิ้งอย่างแน่นอน)
                จดหมายถึงคริสตจักรซาร์ดิสเป็นข่าวสารที่มีมาถึงคริสตจักรในปัจจุบันด้วย ซึ่งล้วนแต่มีกิจกรรมมากมาย เป็นคริสตจักรที่ภายนอกได้สร้างไว้อย่างสวยงาม แต่ขาดหลักฐานที่แสดงว่ามีชีวิตนิรันดร์ คำตรัสของพระคริสต์ในวันนี้ก็คือ จงระลึก จงกลับใจเสียใหม่ จงเชื่อฟัง  เหมือนกับที่พระองค์ได้ตรัสกับคริสตจักรเมืองซาร์ดิส


No comments:

Post a Comment