สัปดาห์ที่ 4 จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด (2) ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
3. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
(2.12-17)
(คริสตจักรที่อะลุ้มอล่วยต่อคำสอนเท็จ)
1. เบื้องหลัง
1.1 เมืองปอร์กามัม ตั้งห่างจากสเมอร์นาประมาณ
20 ไมล์
เป็นเมืองที่มั่งคั่งแต่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ชาวเมืองกราบไหว้พระอาเธนา (Athena) พระแอสคลีเปียส (Asclepius) พระไดโอนีซัส (Dionysus) และพระซุส (Zeus)
-
มหาวิทยาลัยในเมืองนี้มีห้องสมุดขนาดใหญ่ มีหนังสือกว่า 200,000 เล่ม
-
เป็นเมืองที่ผลิตแผ่นกระดาษ ที่เรียกว่า เปอร์กามีนา (Pergamena)
-
บรรยากาศของเมืองเปอร์กามัมไม่เป็นมิตรต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนและการเป็นพยาน
-
เป็นเมืองที่จงรักภักดีต่อกรุงโรม จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คริสเตียนได้รับการข่มเหง
1.2 คริสตจักรเปอร์กามัม ไม่มีประวัติการตั้งคริสตจักรนี้ เช่นเดียวกับคริสตจักรเมืองสเมอร์นาที่คริสตจักรจะต้องเผชิญกับการกดขี่ข่มเหง
และเรื่องอันทีพาที่ถูกข่มเหง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกันก็มีปัญหากับกลุ่มคนยิวและคริสเตียนยิว ด้วยเหตุนี้จึงมีอุทาหรณ์จากตัวอย่างในพันธสัญญาเดิมเรื่องบาลาอัม
กดว 22-25, 31.15-16
2. ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
2.1 คำนำ (2.12) พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
- พระองค์ทรงถือดาบสองคม
ดาบเป็นสัญลักษณ์ถึงพระวจนะของพระเจ้า มีประสิทธิภาพในการ
* แยกผู้เชื่อออกจากโลก
è ประทานความรอด
* เป็นดาบแห่งความตายสำหรับผู้ไม่เชื่อ
เป็นเครื่องหมายแห่งการพิพากษา
2.2 คำชมเชย (2.13)
- พวกเขายึดมั่นในพระนามของพระองค์
ยึดมั่นในความเชื่อ แม้ในยามที่ถูกทดลองใจอย่างรุนแรง
- ยอมตายเพื่อความเชื่อ
พระองค์ทรงรู้ถึงสถานการณ์อันยากลำบากของพวกเขา พวกเขาอาศัยอยู่ ณ ที่นั่งของซาตาน
(ซึ่งอาจจะหมายถึงวิหารของพระแอสคลีเปียส
พระที่มีรูปร่างเหมือนงูและเป็นเทพแห่งการรักษาโรค)
-
สัตย์ซื่อแม้ในยามที่อันทีพาต้องพลีชีพเพื่อความเชื่อ
2.3 คำประนาม (2.14-15)
ไม่ใช่ว่าสมาชิกทุกคนในคริสตจักรที่ได้รับคำชมเชย
-
มีบางกลุ่มถือตามคำสอนของบาลาอัม
บาลาอัมตั้งใจจะร่ำรวยทางวัตถุด้วยการยอมสูญเสียฝ่ายวิญญาณ
เขาแนะนำกษัตริย์บาลาคแห่งโมอับให้ล่อลวงชาวอิสราเอลให้ล่วงประเวณีและกราบไหว้รูปเคารพ
เพื่อชาวอิสราเอลจะไม่ได้รับการทรงช่วยเหลือจากพระเจ้า (กดว 25.1-9)
บาลาอัมจึงกลายเป็นต้นแบบของการล่อลวงผู้เชื่อให้ประนีประนอมกับความผิดบาป
คนบางกลุ่มในคริสตจักรเปอร์กามัมก็ทำเช่นเดียวกัน
โดยให้ความเห็นว่าควรนมัสการรูปปั้นจักรพรรดิจะทำให้ปลอดภัย
และผูกมิตรกับพวกโรมันเพื่อหนีการข่มเหง
- บางกลุ่มเชื่อตามคำสอนของพวกนิโคเลาส์
คือ
หันไปประนีประนอมกับศีลธรรมฝ่ายโลกและหลักคำสอนของคนต่างชาติที่ไม่เชื่อพระเจ้า
ซึ่งเป็นเหตุให้คริสตจักรเสื่อมลง
2.4 คำเตือน (2.16)
คริสตจักรได้รับการเตือนให้เลิกท่าทีของการผ่อนปรนและยอมให้บาปที่มีอยู่นั้นเป็นไปเรื่อยๆ
-จงกลับใจเสียใหม่ ถ้าคริสตจักรไม่ลงมือกำจัดความชั่ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ว่า พระองค์จะ ทำสงครามกับเขา
ด้วยดาบแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์
ซึ่งหมายถึงพระวจนะของพระเจ้าที่จะทรงกล่าวพิพากษาอย่างเฉียบขาดต่อการประนีประนอมกับความเชื่ออื่นและต่อความบาป
2.5 พระสัญญา (2.17)
พระองค์ตรัสว่า ผู้ที่มีชัยชนะจะได้รับ
- มานาที่ซ่อนอยู่
เมื่อชาวอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุระกันดารมีความต้องการพระเจ้าก็จัดประทานให้ตามความต้องการ
เพราะฉะนั้นผู้ที่สัตย์ซื่อของพระองค์มีความต้องการ พระองค์ก็จะทรงประทานให้เช่นเดียวกัน
มานาที่ซ่อนอยู่ è หมายถึงพระคริสต์ผู้เป็นทิพย์อาหารจากสวรรค์
พระองค์ทรงเป็นแหล่งบำรุงเลี้ยงและพระกำลังของผู้เชื่อ
ในขณะที่ชาวอิสราเอลได้รับอาหารฝ่ายกายแต่คริสตจักรจะได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณ
-
หินขาวที่มีชื่อใหม่จารึกไว้ ที่ไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่รับเท่านั้น
(เมืองเปอร์กามัมมีการทำเหมืองแร่หินขาวเป็นผลิตผลทางการค้า)
หินขาว è เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้พิพากษาในสมัยนั้นใช้เพื่อแสดงว่า
ผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นบริสุทธิ์และพ้นจากข้อกล่าวหาแล้ว
ดังนั้นจึงหมายถึงผู้เชื่อเป็นผู้ที่ปราศจากความผิดบาปเพราะพระเยซูคริสต์
è ทหารที่กลับจากสงครามด้วยชัยชนะต่อศัตรูจะได้รับหินขาว
è ใครมีหินขาวแสดงว่าได้หลุดจากความเป็นทาสแล้ว
-
ชื่อใหม่ หมายถึง ฐานะใหม่
ชีวิตใหม่ที่ผู้เชื่อได้ต่อสู้และรักษาความเชื่อไว้จนถึงที่สุด
4. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองธิยาทิรา (2.18-29)
(คริสตจักรที่ไม่ได้จัดการกับผู้สอนผิดในคริสตจักร)
1. เบื้องหลัง
1.1 เมืองธิยาทิรา
เป็นเมืองเล็กๆห่างจากเปอร์กามัมประมาณ 40 ไมล์
อยู่ระหว่างหุบเขาไคคัสและเฮอร์มัสจึงเป็นป้อมธรรมชาติได้อย่างดี
ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมการคมนาคมที่สำคัญระหว่างเมืองต่างๆด้วย
ดูเป็นเมืองเล็กๆแต่มีชื่อเสียงในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลและการทำผ้าม่วง
และยังมีอุตสาหกรรมขนแกะ เครื่องหนัง เครื่องปั้นดินเผาและการค้าทาส ธิยาทิราเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านศาสนา เพราะมีวิหารของพระอพอลโล ซึ่งคู่กับพระอารเทมิส
1.2 คริสตจักรเมืองธิยาทิรา
อาจเริ่มต้นจากผู้ที่ได้รับเชื่อจากการประกาศของเปาโลที่เมืองเอเฟซัส กจ 16.14
นางลิเดียหญิงชาวเมืองธิยาทิราได้รับเชื่อพร้อมทั้งครอบครัวในขณะที่เปาโลทำการประกาศข่าวประเสริฐที่เมืองฟิลิปปี
ซึ่งนางลิเดียทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายผ้าสีม่วงและนางลิเดียคงได้กลับไปประกาศในท้องถิ่นของตน
2.
ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองธิยาทิรา
2.1 คำนำ (2.18)
พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองธิยาทิรา
* พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองเป็นพระบุตรของพระเจ้า
เพื่อยืนยันความเป็นพระเจ้า ที่จะสำแดงพระพิโรธอันชอบธรรมต่อความบาปของพวกเขา
* พระเนตรดุจเปลวไฟ è ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกประการ
ทรงสัพพัญญู
* พระบาทดุจทองสัมฤทธิ์ è ทรงเข้มแข็ง
*
พระองค์ทรงเข้าใจสภาพในคริสตจักรอย่างบริบูรณ์ครบถ้วน
2.2 คำชมเชย (2.19)
แม้ว่าคริสตจักรธิยาทิราจะมีความบาปผิดหลายประการ
แต่ก็ยังได้รับคำชมเชย เพราะ
-
มีความรัก ความเชื่อ การปรนนิบัติรับใช้ ความอดทนและพัฒนาขึ้น มีเบื้องปลายมากกว่าเบื้องต้น
è
พวกเขาได้พยายามแก้ไขการกระทำ ซึ่งต่างจากคริสตจักรเอเฟซัสซึ่งแย่ลงเรื่อยๆ
จะเห็นว่าคริสตจักรนี้เป็นคริสตจักรที่ดี
เขาดำเนินกิจการขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอด้วยความสัตย์ซื่อและอดทน เขาเติบโตขึ้นในพระคุณ
แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่พระองค์จะทรงตำหนิ
2.3 คำประนาม (2.20-23)
บางคนยอมฟังผู้เผยพระวจนะเท็จ
ซึ่งสอนให้กราบไหว้รูปเคารพและทานอาหารที่ถวายรูปเคารพนั้น
และสุดท้ายในพิธีกรรมจะมีการล่วงประเวณีที่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมด้วย
พระเยซูเรียกหญิงนี้ว่า เยเซเบล
เพราะนางมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับเยเซเบลมเหสีของกษัตริย์อาหับ
ที่ทำให้อาหับและชนอิสราเอลหันไปนมัสการรูปเคารพและละทิ้งพระเจ้า
เยเซเบลจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการล่อลวง (1 พกษ 16.31, 21.25)
การสอนของหญิงผู้เผยพระวจนะเท็จนี้ดูเหมือนว่าล้ำลึกมากโดยกล่าวว่าคริสเตียนที่กล้าทำสิ่งเหล่านั้นจะไม่เป็นมลทิน
แต่พระเยซูเรียกการสอนแบบนี้ว่า ความล้ำลึกของซาตาน
พระองค์ทรงให้โอกาสหญิงนั้นกลับใจแต่นางไม่ยอมกลับใจจึงต้องถูกพิพากษาพร้อมกับผู้ที่ติดตามนาง
(บางครั้งเราอาจได้ฟังคำสอนในทำนองเดียวกันคือ คริสเตียนจำเป็นต้องอยู่ในโลก
จึงไม่ต้องแยกตัวออกจากวิถีของโลก)
2.4 คำเตือน (2.24-25)
พวกเจ้าที่เหลืออยู่
(ผู้ไม่ได้เชื่อตามคำสอนและประพฤติอย่างนางเยเซเบล)
-
ให้ยึดมั่นในสิ่งที่ตนมีอยู่ให้มั่นคง
-
ผู้ที่ติดตามนางเยเซเบลจะต้องได้รับการลงโทษพร้อมกับนาง
2.5 พระสัญญา (2.26-29)
- ผู้ที่สัตย์ซื่อจะได้ครอบครองร่วมกับพระองค์ในอาณาจักรพันปี
คำว่า บังคับบัญชา ในข้อ 27 มีความหมายว่าการเลี้ยงแกะ
ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ปกครองด้วยความยุติธรรมเท่านั้น
แต่จะเป็นดั่งผู้เลี้ยงแกะที่ใช้ไม้เท้าของตนในการดูแลและปกป้องลูกแกะ
ผู้เชื่อจะได้รับสิทธิอำนาจเหมือนที่พระคริสต์ทรงมี
-
ผู้ที่สัตย์ซื่อจะได้รับดาวประจำรุ่ง
คือการทรงนำของพระเจ้าในเวลามืดทึบของความทุกข์ยากลำบากหรือการทดลอง
คริสเตียนอาจเดินอยู่ในความมืดบ่อยๆ
ในความปั่นป่วนกังวลนั้นพระองค์ทรงประทานดาวประจำรุ่งให้นำเขา
5. จดหมายถึงคริสตจักรเมืองซาร์ดิส (2.18-29)
(คริสตจักรที่ได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่แต่ได้ตายเสียแล้ว)
1. เบื้องหลัง
1.1 เมืองซาร์ดิส
ตั้งห่างจากธิยาทิราไปทางใต้ประมาณ 30 ไมล์ อุตสาหกรรมที่สำคัญคือการค้าอัญมณี
การย้อมผ้าและการทอผ้า ทำให้เป็นเมืองที่มั่งคั่งร่ำรวย
ชาวเมืองจึงมีชีวิจที่สุขสบายจนเฉื่อยชาถึงเกียจคร้าน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการนมัสการพระอารเทมิส
ซึ่งซากปรักหักพังของวิหารยังคงหลงเหลืออยู่จนทุกวันนี้
1.2 คริสตจักรเมืองซาร์ดิส ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการก่อตั้งคริสตจักรซาร์ดิส
นักโบราณคดีได้ค้นพบซากปรักหักพังของอาคารคริสตจักรข้างๆซากวิหารของพระอารเทมิส
2.
ข่าวสารที่ส่งถึงคริสตจักรเมืองซาร์ดิส
2.1 คำนำ (3.1)
พระลักษณะของพระคริสต์ที่สำแดงต่อคริสตจักรเมืองซาร์ดิส
* พระองค์ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า
หมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งประกอบด้วยความรอบรู้และฤทธิ์เดชอย่างบริบูรณ์
(เลขเจ็ดเล็งถึงความสมบูรณ์)
พระองค์ทรงรู้ปัญหาของคริสตจักรและมีฤทธิ์ที่จะแก้ปัญหาได้
* พระองค์ทรงมีดาราเจ็ดดวง
หมายถึงคริสตจักรที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
จะเห็นถึงความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์
– พระวิญญาณบริสุทธิ์ - คริสตจักร
2.2 คำชมเชย (3.1)
แท้ที่จริงคำชมในที่นี้ก็คือคำต่อว่า
เพราะพระเยซูคริสต์ทรงประกาศว่าพวกเขา ได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่
คนร่วมสมัยเดียวกับพวกเขามองว่าซาร์ดิสเป็นคริสตจักรที่เกิดผล มีชีวิตชีวา
คริสตจักรคงจะมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก มีกิจกรรมมาก การถวายมาก
มีการเทศนาที่น่าตื่นเต้น มีแผนงานมากมาย
แต่น่าเสียดายคงไม่มีการประกาศกับบุคคลภายนอก ไม่มีการเล็งถึงผลฝ่ายวิญญาณ
แต่เป็นเหมือนต้นไม้ใน มธ 21.19 ไม่มีผล มีแต่ใบเท่านั้น แต่ในข้อ 4 พระองค์ตรัสว่า
มีสองสามคนที่ไม่ได้กระทำให้เสื้อผ้าของตนมีมลทิน
2.3 คำประนาม (3.2)
พระคริสต์ทรงยกคำชมเชยไปจากพวกเขาอย่างรวดเร็ว
และทรงประกาศว่า เจ้าได้ตายเสียแล้ว ในทำนองเดียวกับพวกฟาริสี
คริสเตียนที่ซาร์ดิสขาดชีวิตแต่ได้ปิดซ่อนไว้ด้วยเปลือกนอกที่ฉาบฉวย (มธ 23.27-28)
พระคริสต์ทรงกล่าวเพิ่มเติมว่า เราไม่พบการประพฤติของเจ้าที่ดีพร้อมในสายพระเนตรของพระเจ้า
พวกเขาไม่ได้สำแดงชีวิตเยี่ยงผู้เชื่อ (จงระวัง
อย่าให้คริสตจักรมีแต่การเคลื่อนไหวบริบูรณ์เฉพาะภายนอก แต่ไม่มีฝ่ายวิญญาณจิตภายใน)
2.4 คำเตือน (3.3)
ทรงเตือนคริสตจักรให้กระตือรือล้น
-
จงตื่นขึ้นจากากรหลับไหลฝ่ายวิญญาณ
-
จงกระตุ้นส่วนที่เหลืออยู่ที่กำลังจะตายอยู่แล้วให้แข็งแรงขึ้น
-
จงระลึกว่าได้รับและได้ยินอะไรเมื่อเราเชื่อ จงกระทำตามและกลับใจเสียใหม่ è เตือนคริสตจักรให้ระลึกถึงเนื้อแท้ของศาสนาดังได้รับมาแต่แรกและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นั้น
ถ้าเจ้าไม่เฝ้าระวัง เราจะมาหาเจ้าเหมือนอย่างขโมย (เฝ้าระวัง ไม่ใช่เรื่องของการเบิกตาอยู่เสมอ
แต่เป็นการปรนนิบัติพระเจ้าทุกเวลา)
2.5 พระสัญญา (3.4-5)
ทรงสัญญาแก่กลุ่มคนที่สัตย์ซื่อว่า
-
เขาจะได้สวมเสื้อชุดสีขาวและเดินไปกับพระองค์
เสื้อสีขาวแสดงถึงการปลอดจากมลทินโทษ
-
ชื่อของพวกเขาจะคงอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต
-
พระองค์จะยอมรับว่าเขาเป็นของพระองค์ต่อพระพักตร์พระบิดาและต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์
(** ประโยคที่ว่า เราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิต
ไม่ได้หมายความว่าบางคนอาจจะถูกลบชื่อออกจากหนังสือแห่งชีวิต
เพราะผู้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงจะได้รับชีวิตใหม่ดังที่ยอห์นได้กล่าวไว้ใน ยน
5.24,6.35-37,39,10.28
แต่แท้ที่จริงแล้วถ้อยคำดังกล่าวกลับยืนยันว่าชื่อของพวกเขาจะไม่ถูกลบทิ้งอย่างแน่นอน)
จดหมายถึงคริสตจักรซาร์ดิสเป็นข่าวสารที่มีมาถึงคริสตจักรในปัจจุบันด้วย
ซึ่งล้วนแต่มีกิจกรรมมากมาย เป็นคริสตจักรที่ภายนอกได้สร้างไว้อย่างสวยงาม
แต่ขาดหลักฐานที่แสดงว่ามีชีวิตนิรันดร์ คำตรัสของพระคริสต์ในวันนี้ก็คือ จงระลึก
– จงกลับใจเสียใหม่ – จงเชื่อฟัง เหมือนกับที่พระองค์ได้ตรัสกับคริสตจักรเมืองซาร์ดิส
No comments:
Post a Comment