สัปดาห์ที่ 18 การพิพากษาหน้าพระที่นั่งใหญ่สีขาว ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
วิวรณ์ บทที่ 20.7-20.15
สงครามโลกครั้งสุดท้าย (วิวรณ์ 20:7-10)
- เมื่อซาตานถูกปล่อยจากที่คุมขังชั่วขณะหนึ่ง มันออกไปล่อลวงคนมากมายทั่วโลก
คือ โกกและมาโกก ให้มาทำสงครามกับพระคริสต์
การปล่อยซาตานจะก่อให้เกิดการกบฏไปทั่วโลกต่อการครองราชย์ของพระคริสต์ในยุคพันปี
กองทัพจะมีจำนวนมหาศาลดุจเม็ดทรายในทะเล
โกกและมาโกก
ในเอเสเคียล โกกเป็นกษัตริย์ผู้ปกครอง และ
มาโกกเป็นประชาชน ทั้งโกกและมาโกก กบฏต่อ พระเจ้าและเป็นศัตรูของอิสราเอล
จึงน่าจะเป็นเพียงความหมายสัญลักษณ์ของกองทัพคนชั่วร้ายทั้งหมด
- คนเหล่านี้ที่ติดตามซาตานคือใคร ?? à ผู้ที่รอดจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ และจะอยู่ในยุคพันปีโดยมีร่างกายตามธรรมชาติ
พวกเขาจะมีลูกหลานและเพิ่มประชากรบนโลก (อิสยาห์ 65.18-25) คนจำนวนมากจะเชื่อพระเยซูคริสต์เพียงเปลือกนอก
แต่ไม่ได้วางความเชื่อของเขาไว้ที่การช่วยให้รอดของพระองค์อย่างแท้จริง
ความตื้นเขินของความเชื่อของคนเหล่านี้
จะปรากฏชัดเมื่อซาตานถูกปล่อยตัวจากบาดาล มวลชนที่ติดตามซาตานก็คือ
คนเหล่านั้นที่ไม่ได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงในอาณาจักรพันปี
- สงครามโลกครั้งสุดท้ายเกิดขึ้น
กองทัพจะล้อมรอบกองทัพธรรมิกชนและนครเยรูซาเล็มไว้
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐบาลพระคริสต์ในอาณาจักรพันปี (อิสยาห์ 2.1-5) ไฟได้ตกลงจากสวรรค์เผาผลาญผู้ที่ได้ติดตามพญามาร
โดยพระคัมภีร์ไม่มีรายละเอียดในการต่อสู้เลย
แต่ไฟแห่งพระเจ้าได้ทำลายศัตรูทั้งหมดอย่างสิ้นเชิงทันที
- ส่วนพญามารก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟนรกชั่วนิจนิรันดร์
การพิพากษาหน้าพระที่นั่งใหญ่สีขาว (20:11-15)
ชีวิตหลังความตายและการเป็นขึ้นจากความตาย
สำหรับพระคริสตธรรมคัมภีร์
ชีวิตหลังความตายมีแน่นอน
·
พระคัมภีร์เดิม บอกไว้ว่า
เมื่อตายไปแล้วมนุษย์ทุกคนจะไปอยู่ที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า ซีโอล(Sheol)
- โคราห์ ดาธาน อาบีรัม ลงไปสู่ที่นั่นทั้งเป็น (กดว 16.33)
-
ยาโคบรอคอยที่จะไปเยี่ยมโยเซฟลูกของตนในซีโอล (ปฐม 37.35, 42.38, 44.2)
-
การไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของคนในพระคัมภีร์เดิม (ปฐม 25.8, 35.29, 49.33,
กดว 20.24)
·
พระคัมภีร์ใหม่ ก็กล่าวไว้เช่นกัน
ทั้งคนชั่วและผู้ชอบธรรมต่างก็ลงไปยังเฮเดส (Hades) ก่อนที่พระเยซูจะเป็นขึ้นจากความตาย
-
เศรษฐีและลาซารัส (ลูกา 16.19-31)
-
พระเยซูเองเสด็จลงไปยังเฮเดส (กิจการ 2.27, 31)
-
บัดนี้พระคริสต์ทรงถือลูกกุญแจแห่งความตายและเฮเดสไว้ (วิวรณ์ 20.13-14)
ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ซีโอลในพระคัมภีณ์เดิมและเฮเดสในพระคัมภีร์ใหม่
คือสถานที่เดียว กัน คำสอนของพระเยซูใน
มัทธิว 22.31-32 เราจะเห็นว่า
เศรษฐีและลาซารัสสามารถ สนทนา คิด จดจำ รู้สึกและเป็นห่วงได้ ไม่ได้หลับหรือดับไป
แต่ยังมีความรู้สึกได้ คำพูดของพระเยซูกับโจรที่ไม้กางเขนว่า
‘วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราที่เมืองบรมสุขเกษม’ ลก 23.43 ก็มีนัยทำนองเดียวกันว่า เฮเดสมีอยู่ 2
ส่วนด้วยกัน คือ ที่หนึ่งสำหรับคนบาป
และอีกที่หนึ่งสำหรับคนชอบธรรม สถานที่ที่คนชอบธรรมอยู่เรียกว่า
เมืองบรมสุขเกษม
ส่วนสถานที่ที่คนชั่วร้ายอยู่ไม่ได้ระบุชื่อ
เพียงแต่บรรยายว่าเป็นที่ที่ทุกข์ทรมาน ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่า
เมื่อพระคัมภีร์ใช้คำว่า ‘ล่วงหลับไป’ หมายถึงฝ่ายร่างกายเท่านั้น เพราะยังมีชีวิตหลังความตาย
แต่ดูเหมือนว่า
หลังจากที่พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตายแล้วได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
พระคัมภีร์ระบุว่า ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา
เมื่อผู้เชื่อตายเขาจะไปอยู่กับพระคริสต์ ดังนั้นเปาโลจึงกล่าวถึงตนเองในขณะมีชีวิตว่า ‘อยู่ห่างไกลองค์พระผู้เป็นเจ้า’ และใน 2 โครินธ์ 5.6-9 ใช้คำว่า ‘อยู่กับพระคริสต์’ หลังจากเสียชีวิต
และการเป็นขึ้นจากความตายนั้น
ร่างกายที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทรงสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ใน 1 โครินธ์
15.43-44, 53-54 บอกว่า ‘กายใหม่ที่จะถูกชุบให้เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายเดียวกันนี้ที่หว่านลง’
แสดงว่ากายที่จะเป็นขึ้นมานั้นมีความสัมพันธ์กับกายในปัจจุบันนี้ ทำนองเดียวกันกับ ร่างกายคนเราเมื่อยังเด็ก
แล้ว เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้ร่างกายได้เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในขบวนการเติบโต
แต่ก็ยังเป็นกายเดิม ถึงแม้ส่วนประกอบบางส่วนเปลี่ยนไป
ในข้อที่ 20.13
เมื่อคนบาปชั่วที่ตายไปต้องถูกพิพากษา ทะเล – ความตาย
และแดนมาณาจะส่งคืนคนตายให้ หมายความว่า
ร่างกายของผู้ที่ไม่ได้รับความรอดจะรวมเข้ากับวิญญาณของพวกเขาซึ่งอยู่ในแดนมรณา การกล่าวว่า ทะเลส่งคืนคนตายให้นั้น
ทำให้เห็นชัดว่า ไม่ว่าร่างกายนั้นจะถูกย่อยสลายไปมากเพียงใด
มันก็จะฟื้นขึ้นเพื่อรับคำพิพากษา
การพิพากษา
การพิพากษานี้จะเกิดขึ้นหลังยุคพันปี
เมื่อยุคพันปีสิ้นสุดลงแล้วจะมีการเป็นขึ้นมาจากตายครั้งที่สอง (20.5)
ผู้พิพากษา คือ
พระเยซูคริสต์ ยอห์น 5.22, 2 ทิโมธี 4.1
ผู้ถูกพิพากษา คนเหล่านี้เป็นผู้คนจากทุกยุคทุกสมัยที่ไม่ได้รับความรอด
พวกเขาจะเป็นขึ้นมาและปรากฏต่อหน้าพระที่นั่งใหญ่สีขาว
ในกลุ่มนี้จะมีทั้งเศรษฐีและยาจก
ไทและทาส ปราชญ์และคนเขลา นายและบ่าว
หลักการพิพากษา
1.
คนเหล่านี้จะถูกพิพากษาตามข้อความที่จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น (20.12, 15)
2.
คนเหล่านั้นจะถูกพิพากษาตามการกระทำของตน
(20.12)
ขณะที่มีการพิพากษา
หนังสือเล่มต่างๆจะเปิดออก (20.12)
หนังสือเหล่านี้เป็นตัวแทนการพิพากษาของพระเจ้าและในหนังสือเหล่านั้นจะบันทึกการกระทำของทุกคนทั้งดีและชั่ว เราไม่ได้รอดเพราะการกระทำ แต่การกระทำเป็นหลักฐานอันเด่นชัดของผู้เชื่อที่มีความสัมพันธ์อันแท้จริงกับพระเจ้า
หนังสือแห่งชีวิตจะบรรจุชื่อของผู้ที่ไว้วางใจให้พระคริสต์ช่วยเขาให้รอด
นี่เป็นจุดท้ายก่อนสิ้นสุดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและเริ่มเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ ยอห์นได้เขียนว่า ข้าพเจ้าได้เห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาว
พระที่นั่งใหญ่สีขาวนี้แตกต่างจากพระที่นั่งอื่นๆที่ได้กล่าวมา
เพราะไม่ได้ตั้งอยู่ในสวรรค์หรือแผ่นดินโลก แต่ตั้งอยู่กลางอากาศ
ดังที่กล่าวไว้ว่า แผ่นดินโลกและท้องฟ้าก็หายไป
และไม่มีที่อยู่สำหรับแผ่นดินโลกและท้องฟ้าเลย และพระคริสต์ประทับบนพระที่นั่งใหญ่สีขาวเพื่อพิพากษามนุษย์ทั่วโลกที่ไม่ได้เชื่อวางใจในพระองค์ เพราะว่าพระบิดามิได้ทรงพิพากษาผู้ใด แต่พระองค์ได้ทรงมอบการพิพากษาทั้งสิ้นไว้กับพระบุตร
(ยอห์น 5:22) พระที่นั่งใหญ่สีขาวน่าจะตั้งอยู่ระหว่างแผ่นดินโลกกับท้องฟ้าใหม่ ที่นั่นผู้ที่ตายแล้วทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยจะฟื้นขึ้นมายืนอยู่หน้าพระที่นั่ง มีหนังสือต่างๆ ที่บันทึกการกระทำของมนุษย์ทั้งปวงเปิดออกขณะเดียวกันมีหนังสือแห่งชีวิตอยู่ด้วย เพื่อยืนยันให้รู้ว่าผู้ที่ไม่มีชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิตทุกคนต้องรับการพิพากษาตามการกระทำของเขา (20:15) ดูเหมือนการพิพากษานี้จะมีไว้เฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับความรอดเท่านั้น ภาพที่ให้ความกระจ่างกับเรามากขึ้น ได้แก่ การอธิบายให้รู้ว่าการตายครั้งที่สองของผู้ที่ถูกพิพากษานั้น คือการที่พวกเขาถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟชั่วนิรันดร์ และควันแห่งการทรมานของเขาพลุ่งขึ้นตลอดเป็นนิตย์ และคนทั้งหลายที่บูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และที่รับเครื่องหมายชื่อของมันจะไม่มีการพักผ่อนเลยทั้งกลางวันกลางคืน (14:11) แล้วความตายและแดนมรณาก็ถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละเป็นความตายครั้งที่สอง 20:14
บึงไฟหรือนรกนี้ เป็นพยานถึงความชอบธรรมและเที่ยงธรรมของพระเจ้า ที่ไม่ยอมให้ความอธรรมคงอยู่ในแผ่นดินสวรรค์ของพระองค์ ขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่มนุษย์จะต้องมีในโลกนี้ การกระทำของเขาได้ฟ้องร้องเขา
การไม่ยอมรับพระคุณของพระเจ้าที่กางเขน พึ่งพาการกระทำของตนก็ต้องรับผลตามที่ตนได้ก่อขึ้น นอก จากนี้บึงไฟนรกก็ได้บอกให้เรารู้ว่าผลของความบาปเป็นอย่างไร
น่าสังเกตอย่างยิ่ง
คือ ข้อสรุปในตอนนี้ที่ว่า ถ้าผู้ใดที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือ ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ (20:15) ซึ่งยืนยันให้รู้ว่า
พระคุณที่บนกางเขนของพระคริสต์เท่านั้น ที่ให้มนุษย์รอดพ้นจากความพิพากษาและบึงไฟนรกได้ ไม่ใช่การกระทำที่มีจำกัดของมนุษย์
ระยะเวลาการลงโทษ
ทุกคนที่ไม่มีชื่อในหนังสือแห่งชีวิตจะถูกทิ้งลงในบึงไฟนรก
(วว 20.15) ซึ่งเรียกว่าเป็นความตายครั้งที่สอง จึงเกิดคำถามขึ้นว่า
จะเป็นการลงโทษถาวรเป็นนิตย์หรือไม่
ตามพระวจนะแล้วสามารถตอบได้ว่า ชั่วนิจนิรันดร์ ข้อพระคัมภีร์ที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็น มัทธิว
25.46
ที่กล่าวถึงโทษนิรันดร์ของคนชั่วเปรียบเทียบกับความสุขสำราญชั่วนิรันดร์ของผู้ที่ได้รับความรอด
ผู้ที่เชื่อจะมีชีวิตนิรันดร์อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าและเป็นที่โปรดปรานตลอดไป
ผู้ที่ไม่เชื่อจะต้องอยู่โดยขาดจากพระเจ้าผู้กอปรด้วยพระคุณชั่วนิรันดร์
สรุป
ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์นั้นไม่ต้องกลัวการพิพากษา เพราะเราอยู่ในพระเยซูคริสต์
และพระอาชญาซึ่งพระเจ้าทรงมีต่อความบาปได้ตกอยู่ที่พระเยซูแล้ว
เราได้รับการลบล้างบาปแล้ว และจะไม่ถูกลงโทษด้วยพระอาชญาในวันพิพากษา (โรม
3.24-26, 2 โครินธ์ 5.21) ชื่อของเราได้จดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตแล้ว (ลูกา 10.20,
ฟิลิปปี 4.13)
แต่ไม่ได้หมายความว่าคริสเตียนจะไม่ถูกพิพากษาเสียเลย เราจะรอดแน่นอน
แต่เราก็จะต้องปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระคริสต์ พระองค์จะพิจารณาดูชีวิตของเราว่า
เราได้ใช้ชีวิตเพื่อพระองค์หรือเพื่อตนเอง
เราได้ปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์หรือตามโลกียวิสัย ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าเราจะได้บำเหน็จอะไร
หรือจะต้องอับอายขายหน้าอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า (1 โครินธ์ 3.8-15, 2 โครินธ์
5.10)
ความอยากรู้อยากเห็นของเราอาจทำให้เราอยากรู้หลายสิ่งที่พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกไว้ แต่การที่พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงสิ่งนั้นแสดงว่า
เราควรจะพอใจกับสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่เราไว้ที่พระองค์ทรงเห็นว่าเพียงพอแล้ว
No comments:
Post a Comment