Monday, December 14, 2015

หมายสำคัญ(2)

สัปดาห์ที่ 11     หมายสำคัญ (2)                                           ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
จากวรรคสุดท้ายของบทที่ 12 เป็นภาพริมชายหาดทะเล คงหมายความว่าซาตานได้ยืนอยู่ที่หาดทรายชายทะเลเพื่อเรียกสัตว์ร้ายขึ้นมาจากทะเล
ซาตานเลียนแบบลักษณะตรีเอกานุภาพ
                            พระเจ้า                                                                        พญานาค





    พระเยซู            พระวิญญาณบริสุทธิ์         สัตว์ร้ายจากทะเล                สัตว์ร้ายจากแผ่นดิน
                                                                                         (Anti-Christ)         (ผู้เผยพระวจนะเท็จ)
1. สัตว์ร้ายที่ขึ้นจากทะเล (13.1-10)
1.1 ที่มาของสัตว์ร้าย  à มาจากทะเล
ทะเล à หลายครั้งที่พระคัมภีร์กล่าวถึงทะเลว่าเป็นสถานที่ที่น่ากลัว ลึกลับและไม่สงบ มันจึงเป็นภาพของบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย (อิสยาห์ 57.20)
1.2 ลักษณะของสัตว์ร้าย 
- มันมีเจ็ดหัว สิบเขา  เช่นเดียวกับพญานาคสีแดง ใน 12.3 เพราะสิทธิอำนาจของมันได้มาจากพญานาคนั้นซึ่งก็คือ มารซาตาน
- ที่เขาทั้งสิบมีมงกุฎสิบอัน เขาแสดงถึงพลังอำนาจของมัน เป็นพลังแห่งความโหดเหี้ยม
- ที่หัวของมันจารึกคำหมิ่นประมาทพระเจ้า แสดงถึงการท้าทายอำนาจของพระเจ้า
-  ตัวเหมือนเสือดาว ตีนเหมือนตีนหมีและปากเหมือนปากสิงห์
                ตัวเหมือนเสือดาว à น่าเกรงขาม  à กรีก อเล็กซานเดอร์
                ตีนเหมือนตีนหมี à ขย้ำ เหยียบย่ำทำลาย à เปอร์เซีย
                ปากเหมือนปากสิงห์ à ขบเขี้ยว เคี้ยวกิน à บาบิโลน
   ใน ดาเนียล บทที่ 7 ดาเนียลได้เห็นสัตว์ 4 ตัว ซึ่งเล็งถึงราชอาณาจักรชั่วร้าย 4 อาณาจักร แต่สิ่งที่ยอห์นเห็นเป็นความร้ายกาจเหมือนรวมสัตว์ 4 ตัวที่ดาเนียลได้เห็น นั่นคืออาณาจักรที่จะปกครองโดยสัตว์ร้าย คือมีทั้งความฉลาด กำลัง ความทารุณและความน่ากลัว
1.3 ฤทธิ์อำนาจของมัน  รับฤทธิ์อำนาจจากซาตาน  เลียนแบบพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ลงมาทรงสภาพมนุษย์และได้รับการเจิมจากพระเจ้า  และซาตานจะรับสภาพมนุษย์เช่นกันโดยผ่านทางบุคคลหนึ่งในอนาคตช่วงสามปีครึ่งสุดท้าย และบุคคลผู้นี้จะเป็นเหมือนสัตว์ร้าย
- หัวหนึ่งถูกฟันปางตายแต่รักษาหายแล้ว à สัตว์ร้ายจะพยายามเลียนแบบพระเยซูคริสต์ที่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย (อาจเล็งถึงบุคคลที่จะมาในอนาคตมีความชั่วร้ายเช่นเดียวกับนีโร ซึ่งตายไปแล้วและบุคคลผู้นั้นเหมือนดังนีโรกลับเป็นขึ้นมาอีก ในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถให้ชีวิตได้นอกจากพระเจ้า)
1.4 รับความเลื่อมใสศรัทธาจากคนทั้งโลก
เป็นบุคคลที่มีอำนาจ เป็นผู้นำของโลกหรือรัฐบาลโลก คนบูชา ยกย่อง กล่าวว่า ใครจะเปรียบปานสัตว์นี้ได้ และใครจะสามารถสู้รบกับสัตว์นี้ได้
1.5 ชัยชนะของสัตว์ร้าย (13.5-7)
    - ปากพูดจาบจ้วง หมิ่นประมาทพระเจ้า  (จักรพรรดิของโรมได้เอาพระนามต่างๆของพระเจ้ามาใช้
                นีโร à พระผู้ช่วยให้รอดของโลก
                โดมิเทียน à องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้า
                บังคับประชาชนให้กราบไหว้และต้องสาบานว่า จักรพรรดิคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
- ทรงยอมให้มันใช้อำนาจตลอดสี่สิบสองเดือน à เราจะเห็นว่า แม้อำนาจของสัตว์ร้ายก็ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าก่อน พระองค์ยังทรงอยู่เหนือเหตุการณ์ทั้งปวง และสัตว์มีเวลาจำกัดช่วงหนึ่งเท่านั้น
- ทรงยอมให้มันทำสงครามกับธรรมิกชนและชนะเขา ดูเหมือนสัตว์ร้ายจะได้ชัยชนะเมื่อฆ่าคริสเตียนได้ แต่ชัยชนะที่แท้จริงเป็นของคริสเตียนที่ตายไปและได้อยู่กับพระคริสต์ ใน วิวรณ์ 15.2 เรียกพวกเขาว่า บรรดาคนที่มีชัยต่อสัตว์ร้าย
- คนทุกชาติ ทุกภาษา จะติตามมัน à ในช่วงสามปีครึ่งสุดท้าย จะเกิดบุคคลหนึ่งที่เป็นผู้นำระดับโลกที่มีความเก่งกาจสามารถอย่างเห็นได้ชัดและทำหมายสำคัญต่างๆ และคนทั่วโลกจะติดตามเขา ยกเว้นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์
- พระเจ้าทรงกำชับผู้เชื่อ ใครมีหูก็ให้ฟังเอาเถิด ให้ตั้งใจฟังเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
- ผู้ใดที่กำหนดให้เป็นเชลย ผู้นั้นก็ต้องไปเป็นเชลย à ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า เราจะต้องเชื่อว่า พระเจ้าทรงอนุญาตให้เหตุการณ์ทั้งปวงเกิดขึ้น ให้เราอดทนและมีความเชื่อ
                สรุป  สัตว์ร้ายตัวแรก คือ ปฏิปักษ์ของพระคริสต์(Anti-Christ) มาในรูปแบบผู้นำทางการเมือง มีอำนาจปกครองโลก อำนาจการปกครอง เศรษฐกิจ การเมืองทุกอย่างตกอยู่ในมือของมัน
                2. สัตว์ร้ายที่ขึ้นจากแผ่นดิน (13.11-18)
          2.1 ที่มาของสัตว์ร้าย  à มาจากแผ่นดิน
                2.2 ลักษณะของสัตว์ร้าย ต่างจากสัตว์ร้ายตัวแรก
                    - มีเขา 2 เขา เหมือนลูกแกะ เลียนแบบพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระเมษโปดก ท่าทางคงดูอ่อนสุภาพ ไม่มีพิษภัย เพื่อหลอกล่อผู้คน แต่มันพูดเหมือนพญานาค พระเยซูได้บอกไว้ใน มัทธิว 7.15 ท่านทั้งหลายจงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จที่มาหาท่าน นุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจหมาป่า
                   - ใน 16.13 กล่าวถึงสัตว์ร้ายตัวนี้ว่าเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จ à คงจะเป็นบุคคลหนึ่งที่จะขึ้นเป็นผู้นำทางด้านศาสนาในอนาคตช่วงทุกขเวทนาครั้งใหญ่ และบังคับให้ทุกคนทั่วโลกนับถือศาสนาเดียวกันและบังคับให้ทุกคนนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรก นับเป็นการสร้างศาสนาโลกอย่างเป็นทางการ
                2.3 ฤทธิ์อำนาจของมัน  à มันใช้อำนาจของสัตว์ร้ายตัวเดิมอย่างครบถ้วน
                   - แสดงหมายสำคัญใหญ่ ทำให้ไฟตกจากฟ้าเป็นที่ประจักษ์แก่ตาคนทั่วโลก
                   - บังคับคนทั้งโลกให้สร้างรูปจำลองของสัตว์ร้ายตัวแรก และบังคับให้บูชารูปจำลองนั้น
                   - มันมีอำนาจที่จะให้ลมหายใจแก่รูปสัตว์นั้น คงไม่ใช่การให้ชีวิตแต่อาจเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่
                   - มีอำนาจฆ่าคนที่ไม่ยอมบูชารูปสัตว์ร้ายนั้น
                2.4 สัญลักษณ์   6 6 6
                   - มันบังคับคนทั้งปวง ไม่ว่าจะยากดีมีจน ต้องรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือมือขวา
                   - ผู้ใดไม่มีเครื่องหมายของมัน ก็ไม่สามารถซื้อขายได้  เราจะเห็นว่า ในวันนั้นคริสเตียนผู้เชื่อแท้จะกลายเป็นบุคคลที่สังคมทอดทิ้ง ไม่มีสิทธิ์ซื้อขาย ไม่มีใครจ้างทำงาน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความเชื่อของเขาด้วย
               - เรื่องนี้จงใช้สติปัญญาให้ดี เป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง
            มีคนมากมายที่พยายามตีความหมาย ตราหรือเครื่องหมาย ของสัตว์ร้ายไปต่างๆนาๆ แต่พระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้อย่างชัดเจน บางคนพยายามจะนำตัวเลขที่เทียบเท่ากับตัวอักษรในภาษาฮีบรู กรีกหรือแม้กระทั่งภาษาอังกฤษ มาคำนวณตามชื่อที่ได้ตั้งสมมุติฐานไว้โดยเฉพาะจักรพรรดิ์โรม เช่น นีโร โดมิเทียน หรือฮิตเลอร์  ในบางยุคก็ได้พุ่งเป้าไปที่ โป๊ปของคาธอลิค ที่ในยุคนั้นมีอำนาจล้นฟ้าและพยายามจะรวบรวมยุโรปและโลกทั้งโลกเข้าในการปกครอง จนถึงปัจจุบันอาจจะมีชื่อนับร้อยคนที่มีค่าออกมาเท่ากับ 666 แต่สุดท้ายก็ยังไม่ใช่บุคคลนั้น ทำให้เกิดความสับสนและบั่นทอนความเชื่อ  และพระเจ้าคงไม่ได้มีพระประสงค์ให้เรามาหมกมุ่นอยู่กับการสืบหาตัวบุคคลซึ่งเราจะได้เห็นชัดเจนเมื่อวันนั้นมาถึง  การตีความหมายที่ดีที่สุดคือ เลข 6 เป็นเลขของมนุษย์คือความไม่สมบูรณ์ การย้ำ 6 สามครั้งคือ 666 เป็นสิ่งที่ซาตานพยายามเลียนแบบตรีเอกานุภาพของพระเจ้า แต่เป็นตรีเอกานุภาพแห่งความชั่วร้าย และล้มเหลว
สรุปพระธรรมวิวรณ์บทที่ 13
จะเห็นว่าในบทนี้ ได้บ่งบอกถึงลักษณะของช่วงเวลาแห่งความทุกขเวทนาครั้งใหญ่นั้น จะเป็นช่วงเวลาที่มีรัฐบาลโลกเพียงรัฐบาลเดียว และมีศาสนาโลกเพียงศาสนาเดียว พร้อมกับระบบเศรษฐกิจโลกเพียงระบบเดียว ผู้ที่ต่อต้านและปฏิเสธที่จะกราบไหว้เจ้าผู้ครองโลกจะถูกสังหาร และจำนวนผู้ที่พลีชีพเพื่อพระเยซูคริสต์คงจะมีมากมายและมากกว่าผู้เชื่อที่จะรอดชีวิต มันเป็นความพยายามของซาตานที่จะทำให้โลกกราบไหว้มัน และหันเสียจากการนมัสการพระเจ้าที่เที่ยงแท้ รูปแบบของศาสนาโลกในยุคสุดท้ายคงจะชั่วร้ายและหมิ่นประมาทพระเจ้า ซึ่งทุกวันนี้ก็มีสิ่งที่บ่งบอกว่าโลกกำลังมุ่งสู่ทิศทางดังกล่าว

น่าจะสามารถสรุปได้ว่า การเสด็จกลับมาของพระคริสต์คงจะใกล้มาถึงแล้ว

No comments:

Post a Comment