สัปดาห์ที่ 11
หมายสำคัญ (2) ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
จากวรรคสุดท้ายของบทที่
12 เป็นภาพริมชายหาดทะเล
คงหมายความว่าซาตานได้ยืนอยู่ที่หาดทรายชายทะเลเพื่อเรียกสัตว์ร้ายขึ้นมาจากทะเล
ซาตานเลียนแบบลักษณะตรีเอกานุภาพ
พระเจ้า
พญานาค
พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ สัตว์ร้ายจากทะเล สัตว์ร้ายจากแผ่นดิน
(Anti-Christ) (ผู้เผยพระวจนะเท็จ)
1. สัตว์ร้ายที่ขึ้นจากทะเล (13.1-10)
1.1
ที่มาของสัตว์ร้าย à มาจากทะเล
ทะเล à
หลายครั้งที่พระคัมภีร์กล่าวถึงทะเลว่าเป็นสถานที่ที่น่ากลัว ลึกลับและไม่สงบ
มันจึงเป็นภาพของบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย (อิสยาห์ 57.20)
1.2
ลักษณะของสัตว์ร้าย
- มันมีเจ็ดหัว
สิบเขา เช่นเดียวกับพญานาคสีแดง ใน 12.3
เพราะสิทธิอำนาจของมันได้มาจากพญานาคนั้นซึ่งก็คือ มารซาตาน
-
ที่เขาทั้งสิบมีมงกุฎสิบอัน เขาแสดงถึงพลังอำนาจของมัน เป็นพลังแห่งความโหดเหี้ยม
-
ที่หัวของมันจารึกคำหมิ่นประมาทพระเจ้า แสดงถึงการท้าทายอำนาจของพระเจ้า
- ตัวเหมือนเสือดาว
ตีนเหมือนตีนหมีและปากเหมือนปากสิงห์
ตัวเหมือนเสือดาว à น่าเกรงขาม à กรีก –
อเล็กซานเดอร์
ตีนเหมือนตีนหมี à ขย้ำ เหยียบย่ำทำลาย
à เปอร์เซีย
ปากเหมือนปากสิงห์ à ขบเขี้ยว เคี้ยวกิน à บาบิโลน
ใน ดาเนียล บทที่ 7 ดาเนียลได้เห็นสัตว์ 4 ตัว
ซึ่งเล็งถึงราชอาณาจักรชั่วร้าย 4 อาณาจักร
แต่สิ่งที่ยอห์นเห็นเป็นความร้ายกาจเหมือนรวมสัตว์ 4 ตัวที่ดาเนียลได้เห็น
นั่นคืออาณาจักรที่จะปกครองโดยสัตว์ร้าย คือมีทั้งความฉลาด กำลัง
ความทารุณและความน่ากลัว
1.3 ฤทธิ์อำนาจของมัน รับฤทธิ์อำนาจจากซาตาน
เลียนแบบพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ลงมาทรงสภาพมนุษย์และได้รับการเจิมจากพระเจ้า และซาตานจะรับสภาพมนุษย์เช่นกันโดยผ่านทางบุคคลหนึ่งในอนาคตช่วงสามปีครึ่งสุดท้าย
และบุคคลผู้นี้จะเป็นเหมือนสัตว์ร้าย
- หัวหนึ่งถูกฟันปางตายแต่รักษาหายแล้ว
à
สัตว์ร้ายจะพยายามเลียนแบบพระเยซูคริสต์ที่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย
(อาจเล็งถึงบุคคลที่จะมาในอนาคตมีความชั่วร้ายเช่นเดียวกับนีโร ซึ่งตายไปแล้วและบุคคลผู้นั้นเหมือนดังนีโรกลับเป็นขึ้นมาอีก
ในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถให้ชีวิตได้นอกจากพระเจ้า)
1.4
รับความเลื่อมใสศรัทธาจากคนทั้งโลก
เป็นบุคคลที่มีอำนาจ
เป็นผู้นำของโลกหรือรัฐบาลโลก คนบูชา ยกย่อง กล่าวว่า ‘ใครจะเปรียบปานสัตว์นี้ได้
และใครจะสามารถสู้รบกับสัตว์นี้ได้’
1.5
ชัยชนะของสัตว์ร้าย (13.5-7)
-
ปากพูดจาบจ้วง หมิ่นประมาทพระเจ้า
(จักรพรรดิของโรมได้เอาพระนามต่างๆของพระเจ้ามาใช้
นีโร à
พระผู้ช่วยให้รอดของโลก
โดมิเทียน à
องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้า
บังคับประชาชนให้กราบไหว้และต้องสาบานว่า
จักรพรรดิคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
-
ทรงยอมให้มันใช้อำนาจตลอดสี่สิบสองเดือน à เราจะเห็นว่า
แม้อำนาจของสัตว์ร้ายก็ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าก่อน
พระองค์ยังทรงอยู่เหนือเหตุการณ์ทั้งปวง และสัตว์มีเวลาจำกัดช่วงหนึ่งเท่านั้น
-
ทรงยอมให้มันทำสงครามกับธรรมิกชนและชนะเขา ดูเหมือนสัตว์ร้ายจะได้ชัยชนะเมื่อฆ่าคริสเตียนได้
แต่ชัยชนะที่แท้จริงเป็นของคริสเตียนที่ตายไปและได้อยู่กับพระคริสต์ ใน วิวรณ์
15.2 เรียกพวกเขาว่า ‘บรรดาคนที่มีชัยต่อสัตว์ร้าย’
- คนทุกชาติ ทุกภาษา
จะติตามมัน à
ในช่วงสามปีครึ่งสุดท้าย จะเกิดบุคคลหนึ่งที่เป็นผู้นำระดับโลกที่มีความเก่งกาจสามารถอย่างเห็นได้ชัดและทำหมายสำคัญต่างๆ
และคนทั่วโลกจะติดตามเขา ยกเว้นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์
-
พระเจ้าทรงกำชับผู้เชื่อ –
ใครมีหูก็ให้ฟังเอาเถิด –
ให้ตั้งใจฟังเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
-
ผู้ใดที่กำหนดให้เป็นเชลย ผู้นั้นก็ต้องไปเป็นเชลย à
ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า เราจะต้องเชื่อว่า
พระเจ้าทรงอนุญาตให้เหตุการณ์ทั้งปวงเกิดขึ้น ให้เราอดทนและมีความเชื่อ
สรุป
สัตว์ร้ายตัวแรก คือ
ปฏิปักษ์ของพระคริสต์(Anti-Christ) มาในรูปแบบผู้นำทางการเมือง
มีอำนาจปกครองโลก อำนาจการปกครอง เศรษฐกิจ การเมืองทุกอย่างตกอยู่ในมือของมัน
2.
สัตว์ร้ายที่ขึ้นจากแผ่นดิน (13.11-18)
2.1
ที่มาของสัตว์ร้าย à มาจากแผ่นดิน
2.2
ลักษณะของสัตว์ร้าย ต่างจากสัตว์ร้ายตัวแรก
- มีเขา 2 เขา เหมือนลูกแกะ –
เลียนแบบพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระเมษโปดก ท่าทางคงดูอ่อนสุภาพ ไม่มีพิษภัย
เพื่อหลอกล่อผู้คน แต่มันพูดเหมือนพญานาค พระเยซูได้บอกไว้ใน มัทธิว 7.15 ‘ท่านทั้งหลายจงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จที่มาหาท่าน
นุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจหมาป่า’
- ใน 16.13
กล่าวถึงสัตว์ร้ายตัวนี้ว่าเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จ à
คงจะเป็นบุคคลหนึ่งที่จะขึ้นเป็นผู้นำทางด้านศาสนาในอนาคตช่วงทุกขเวทนาครั้งใหญ่
และบังคับให้ทุกคนทั่วโลกนับถือศาสนาเดียวกันและบังคับให้ทุกคนนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรก
นับเป็นการสร้างศาสนาโลกอย่างเป็นทางการ
2.3
ฤทธิ์อำนาจของมัน à มันใช้อำนาจของสัตว์ร้ายตัวเดิมอย่างครบถ้วน
- แสดงหมายสำคัญใหญ่
ทำให้ไฟตกจากฟ้าเป็นที่ประจักษ์แก่ตาคนทั่วโลก
- บังคับคนทั้งโลกให้สร้างรูปจำลองของสัตว์ร้ายตัวแรก
และบังคับให้บูชารูปจำลองนั้น
- มันมีอำนาจที่จะให้ลมหายใจแก่รูปสัตว์นั้น คงไม่ใช่การให้ชีวิตแต่อาจเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่
- มีอำนาจฆ่าคนที่ไม่ยอมบูชารูปสัตว์ร้ายนั้น
2.4 สัญลักษณ์ ‘ 6 6 6
‘
- มันบังคับคนทั้งปวง ไม่ว่าจะยากดีมีจน
ต้องรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือมือขวา
- ผู้ใดไม่มีเครื่องหมายของมัน
ก็ไม่สามารถซื้อขายได้ เราจะเห็นว่า
ในวันนั้นคริสเตียนผู้เชื่อแท้จะกลายเป็นบุคคลที่สังคมทอดทิ้ง ไม่มีสิทธิ์ซื้อขาย
ไม่มีใครจ้างทำงาน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความเชื่อของเขาด้วย
- เรื่องนี้จงใช้สติปัญญาให้ดี
– เป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง
มีคนมากมายที่พยายามตีความหมาย
ตราหรือเครื่องหมาย ของสัตว์ร้ายไปต่างๆนาๆ แต่พระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้อย่างชัดเจน
บางคนพยายามจะนำตัวเลขที่เทียบเท่ากับตัวอักษรในภาษาฮีบรู
กรีกหรือแม้กระทั่งภาษาอังกฤษ
มาคำนวณตามชื่อที่ได้ตั้งสมมุติฐานไว้โดยเฉพาะจักรพรรดิ์โรม เช่น นีโร โดมิเทียน หรือฮิตเลอร์ ในบางยุคก็ได้พุ่งเป้าไปที่ โป๊ปของคาธอลิค
ที่ในยุคนั้นมีอำนาจล้นฟ้าและพยายามจะรวบรวมยุโรปและโลกทั้งโลกเข้าในการปกครอง จนถึงปัจจุบันอาจจะมีชื่อนับร้อยคนที่มีค่าออกมาเท่ากับ
666 แต่สุดท้ายก็ยังไม่ใช่บุคคลนั้น ทำให้เกิดความสับสนและบั่นทอนความเชื่อ และพระเจ้าคงไม่ได้มีพระประสงค์ให้เรามาหมกมุ่นอยู่กับการสืบหาตัวบุคคลซึ่งเราจะได้เห็นชัดเจนเมื่อวันนั้นมาถึง การตีความหมายที่ดีที่สุดคือ เลข 6
เป็นเลขของมนุษย์คือความไม่สมบูรณ์ การย้ำ 6 สามครั้งคือ 666
เป็นสิ่งที่ซาตานพยายามเลียนแบบตรีเอกานุภาพของพระเจ้า
แต่เป็นตรีเอกานุภาพแห่งความชั่วร้าย และล้มเหลว
สรุปพระธรรมวิวรณ์บทที่
13
จะเห็นว่าในบทนี้
ได้บ่งบอกถึงลักษณะของช่วงเวลาแห่งความทุกขเวทนาครั้งใหญ่นั้น
จะเป็นช่วงเวลาที่มีรัฐบาลโลกเพียงรัฐบาลเดียว และมีศาสนาโลกเพียงศาสนาเดียว
พร้อมกับระบบเศรษฐกิจโลกเพียงระบบเดียว
ผู้ที่ต่อต้านและปฏิเสธที่จะกราบไหว้เจ้าผู้ครองโลกจะถูกสังหาร และจำนวนผู้ที่พลีชีพเพื่อพระเยซูคริสต์คงจะมีมากมายและมากกว่าผู้เชื่อที่จะรอดชีวิต
มันเป็นความพยายามของซาตานที่จะทำให้โลกกราบไหว้มัน
และหันเสียจากการนมัสการพระเจ้าที่เที่ยงแท้
รูปแบบของศาสนาโลกในยุคสุดท้ายคงจะชั่วร้ายและหมิ่นประมาทพระเจ้า
ซึ่งทุกวันนี้ก็มีสิ่งที่บ่งบอกว่าโลกกำลังมุ่งสู่ทิศทางดังกล่าว
น่าจะสามารถสรุปได้ว่า
การเสด็จกลับมาของพระคริสต์คงจะใกล้มาถึงแล้ว
No comments:
Post a Comment