Monday, December 14, 2015

การเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์

สัปดาห์ที่ 17     การเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์          ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
 วิวรณ์ บทที่ 20.1-20.6
                                          ตารางเปรียบเทียบการเสด็จมาครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 ของพระคริสต์
การเสด็จมาครั้งแรก
การเสด็จมาครั้งที่ 2
1. เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ โดยผ่านครรภ์ของหญิงพรหมจารีย์ มารีย์ (มัทธิว 1:23)
1. เสด็จมาจากสวรรค์ในลักษณะ จอมกษัตริย์ และจอมเจ้านาย (วิวรณ์ 19:11,16) เหล่าพลโยธาตามเสด็จมาด้วย (วิวรณ์ 19:14)
2. ทรงประทับอยู่ที่รางหญ้า (ลูกา 2:7)
2. ทรงประทับบนพระบัลลังก์ (วิวรณ์ 20:4)
3. ทรงเป็นพระเมษโปดกที่ถวายพระองค์ เองเป็นเครื่องบูชา อันปราศจากตำหนิ
 (ฮีบรู 9:28)
3. ทรงเป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย ตามการกระทำของมนุษย์ที่ได้กระทำ (20:11-13) ยกเว้น ผู้ที่มีชื่อในหนังสือแห่งชีวิต ของพระเมษปโดก (20:15, 21:27)
4. สำเร็จแล้ว (ยอห์น 19:30) แผนการทรงไถ่มนุษยชาติให้รอด สำเร็จแล้วที่กางเขน
4. เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน (วิวรณ์ 22:20) เพื่อปกครองโลกนี้ ตามที่ได้สำแดงนิมิตไว้ (วิวรณ์ 20:4)
5. ผู้ที่เชื่อวางใจจะได้ชีวิตนิรันดร์ไม่พินาศ (ยอห์น 3:16)
5. ผู้ที่เชื่อวางใจ ได้ดำรงชีวิตนิรันดร์กับพระองค์ (วิวรณ์ 22:4-5)

1. การผูกมัดซาตาน  (20.1-3) เหตุการนี้เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากบทที่ 19  หลังจากที่ได้ทิ้งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะจอมปลอมลงไปในบึงไฟกำมะถัน และได้ทำลายกองทัพของมันเสีย  เมื่อเจ้าผู้ครองโลกและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ รวมทั้งกองทัพของพวกมันถูกทำลายไปแล้ว พระคริสต์ก็ได้หันมาจัดการกับซาตาน ยอห์นได้เห็นทูตองค์หนึ่งมาจากสวรรค์ ท่านถือกุญแจบาดาลและโซ่ใหญ่  และได้จับพญานาคมัดไว้แล้วโยนลงไปในบาดาลนั้น ลั่นกุญแจขังมันไว้ เพื่อไม่ให้มันออกมาล่อลวงประชาชนได้อีกต่อไป เป็นเวลาพันปี
            มีคำถามว่า ซาตานถูกมัดไว้เมื่อครั้งพระเยซูคริสต์เสด็จมาครั้งที่หนึ่ง หรือการเสด็จมาครั้งที่สอง ??
แนวคิดในเรื่องพันปี
คำว่า มิลเลนเนียม (millenniem) มาจากภาษาลาตินแปลว่า พันปี ซึ่งอ้างมาจาก พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 20 ข้อ 1-7  ซึ่งมีคำว่า พันปี ถึง 6 ครั้ง  ย่อมทำให้สามารถสรุปได้ว่าน่าจะเป็น 1000 ปี ตามตัวอักษร เพราะถ้า พันปี หมายถึงช่วงเวลาที่ยาวนานไม่มีกำหนดที่แน่นอนเหมือนบางกลุ่มยึดถือ ยอห์นก็น่าจะกล่าวว่า พระคริสต์จะครองราชย์เป็นระยะเวลายาวนาน เหมือนกับที่กล่าวว่า ซาตานจะถูกปล่อยออกมาเป็นระยะเวลาชั่วขณะหนึ่ง (20.3) ช่วงพันปีนี้เราเรียกว่า การปกครองพันปี (The Millennium)  คือ พันปีที่พระคริสต์ทรงปกครองอยู่ในโลกนี้
ทัศนะเรื่องพันปีมี 3 แนวความคิดที่แตกต่างกัน
1. ทัศนะก่อนพันปี (Premillennialism)
ทัศนะของกลุ่มก่อนพันปี (Premillennialism) เชื่อว่าพระเยซูคริสต์จะทรงเป็นกษัตริย์ครอบครองอยู่บนโลกนี้ตามคำพยากรณ์ในพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิมที่ว่า  ‘เพื่อการปกครองของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นและสันติภาพจะไม่มีสิ้นสุด  เหนือพระที่นั่งของดาวิด  และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ที่สถาปนาไว้  และเชิดชูไว้ด้วยความยุติธรรมและด้วยความชอบธรรมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดรกาล ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้‘ (อิสยาห์ 9:7) ตามทัศนะนี้พระคริสต์จะเสด็จกลับมาครั้งที่สองและอยู่ปกครอง 1000 ปี โดยมีการแบ่งช่วงเวลาดังนี้
1.  ปัจจุบันเป็นคริสตจักรยุคสุดท้ายพระคริสต์จะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง (1 เธสะโลนิกา 4:16)
2.  รับคริสตจักรขึ้นไป
3.  สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เชื่อในพระคริสต์ก็ต้องอยู่ทนทุกข์เวทนาครั้งใหญ่บนโลกนี้เป็นเวลา 7 ปี คือ ช่วงกลียุค
4.  เมื่อผ่านช่วงกลียุค 7 ปีแล้ว พระคริสต์จะเสด็จมาพร้อมด้วยเหล่าพลโยธาในสวรรค์ที่สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อ         ละเอียดขาวบริสุทธิ์ (20:14)
5.  หลังจากปราบซาตานแล้ว พระองค์ทรงปกครองโลกนี้ 1000 ปี  
6.  หลังจาก 1000 ปี จึงปล่อยซาตานออกมาชั่วขณะหนึ่ง ให้ออกไปล่อลวงบรรดาประชาชาติทั้งสี่ทิศของแผ่น           ดินโลก ให้มาชุมชนทำศึกสงครามกับพระคริสต์และธรรมิกชนของพระองค์ แต่พระเจ้าได้ให้ไฟตกจาก           สวรรค์มาเผาผลาญคนเหล่านั้น (20:7-9) และซาตานก็ถูกโยนลงในบึงไฟที่สัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเทียม               เท็จอยู่ (20:10)
7.  ต่อจากนั้นก็เป็นการพิพากษา ณ พระที่นั่งใหญ่สีขาว บรรดามนุษย์ทั้งคนเป็นและคนตายที่ไม่มีชื่ออยู่ใน              หนังสือแห่งชีวิตก็จะถูกพิพากษาตามการกระทำของตน (20:11-15) และสุดท้ายก็เป็นท้องใหม่ และแผ่นดิน    โลกใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่นิรันดร์ของธรรมมิกชนทุกคน
นอกจากนี้แล้วทัศนะของกลุ่มก่อนพันปี (Premillennialism) ยังมีจุดเด่นที่เชื่อว่าสุดท้ายชนชาติอิสราเอลจะกลับใจได้รับความรอด และมีบทบาทสำคัญยิ่งในช่วงทุกข์เวทนาครั้งยิ่งใหญ่  ส่วนศูนย์กลางของการปกครองพันปีอยู่ที่เยรูซาเล็ม
2. ทัศนะหลังพันปี (Postmillennialism)
เชื่อว่าแผ่นดินของพระเจ้ากำลังขยายออกไปโดยการสอน และการประกาศพระกิตติคุณของคริสเตียน จากพันธกิจนี้เอง จะทำให้คนส่วนมากกลับใจมาเป็นคริสตชน และทำให้โลกเปลี่ยนเป็นอาณาจักรของพระเจ้าและอาณาจักรนี้จะดำเนินไปอย่างมั่งคงสมบูรณ์ ซึ่งเป็นระยะที่เรียกว่า การปกครองพันปี (millennialism) ด้วยเหตุนี้คริตจักรจึงมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในสังคม และการปกครองนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาพิพากษา หลังจากพิพากษาแล้วก็เป็นช่วงท้องฟ้าใหม่กับแผ่นดินโลกใหม่
ทรรศนะนี้ถูกปฏิเสธในศตวรรษที่ 20  เพราะมีการต่อต้าน ข่มเหงคริสเตียนบนโลกมากมาย และโลกนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณแม้แต่น้อย
3. ทัศนะไม่มีพันปี (Amillennialism)
ปฏิเสธแนวคิดพันปีตามตัวอักษร  เชื่อว่าพระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึงถึงการปกครองพันปีบนโลกนี้ อาณาจักรของพระเจ้าในปัจจุบัน ก็อยู่ภายใต้การปกครองของพระคริสต์แล้ว หรืออีกนัยหนึ่งคริสตจักรในปัจจุบัน ก็คือ การปกครองพันปี (millennialism) เพราะฉะนั้น พันปี คือ ระยะเวลาระหว่างการเสด็จมาครั้งที่หนึ่งถึงครั้งที่สองของพระคริสต์ อาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องของฝ่ายจิตวิญญาณจะต้องต่อสู้กับอาณาจักรของความชั่วตลอดไป จนกระทั่งการเสด็จมาของพระคริสต์จึงจะสิ้นสุดลง  มีการพิพากษาและก้าวเข้าท้องฟ้าใหม่แผ่นดินโลกใหม่

ข้อสังเกตจากทั้ง 3 ทัศนะ
1. การจัดระยะเวลาและการลำดับเรื่องของทั้งสามทัศนะ
- ทัศนะก่อนพันปีเชื่อว่าคริสตจักรถูกรับขึ้นไปก่อน (Rapture)   ซึ่งแสดงถึงความเที่ยงธรรมของพระเจ้าเพราะคริสตจักรได้เชื่อวางใจในพระเจ้าแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรับความทุกขเวทนาจากภัยพิบัติยิ่งใหญ่ที่เป็นพระพิโรธของพระเจ้าต่อผู้ที่ไม่เชื่อในพระองค์ แล้วพระคริสต์จะเสด็จมาเผด็จศึกในสงครามอารมาเกดโดนและปกครองบนโลก
เป็นจอมกษัตริย์ 1000 ปี
- ทัศนะหลังพันปี เชื่อว่าการปกครองพันปี คือ ระยะเวลาที่คริสตจักรจะนำประชาชาติไปสู่การปกครองที่ดีขึ้นเต็มไปด้วยความชอบธรรมและสันติสุข หลังจากนั้นพระคริสต์จึงเสด็จมาเพื่อพิพากษาคนเป็นและคนตาย
            - ทัศนะไม่มีพันปีเชื่อว่า คริสตจักรปัจจุบันก็คือ การปกครองพันปี ซึ่งมีช่วงระยะระหว่างการเสด็จมาครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2
2. การตีความหมายของทั้ง 3 ทัศนะ
- ทัศนะก่อนพันปี จะตีความหมายตามลำดับของเหตุการณ์ที่บันทึกในพระธรรมวิวรณ์และ อธิบายความตามความหมายในตัวอักษร อิสราเอลคือ อิสราเอล เยรูซาเล็มคือ เยรูซาเล็ม พันปีก็คือ พันปี
- ทัศนะไม่มีพันปี จะตีความหมายของพระธรรมวิวรณ์ส่วนใหญ่เป็นภาษาสัญลักษณ์ ฉะนั้นการปกครองพันปีจึงเป็นการปกครองที่ชอบธรรม และเต็มด้วยสันติสุขมากกว่าเน้นระยะการปกครอง 1000 ปี
- ทัศนะหลังพันปี เช่นเดียวกับทัศนะไม่มีพันปี จะตีความหมายของพระธรรมวิวรณ์ส่วนใหญ่เป็นภาษาสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันคือ ทัศนะนี้จะประยุกต์เนื้อหาของพระธรรมวิวรณ์ เป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน เพราะฉะนั้นการปกครองพันปีจึงเป็นภาพของคริสตจักรในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามทั้ง 3 ทัศนะมีความเห็นตรงกันที่การพิพากษาของพระเจ้าจะมีขึ้นหลังจากพระคริสต์เสด็จมา จะทรงพิพากษาคนเป็นและคนตาย แม้ว่ารายละเอียดจากการอธิบายจะแตกต่างกันบ้าง

2. การปกครองของพระคริสต์ในโลก 1000 ปี   (20:4 - 6)
ยอห์นได้บันทึกต่อมาว่า ท่านได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์เป็นผู้ที่จะพิพากษา  บัลลังก์ที่เห็นน่าจะเป็นที่ที่ผู้อาวุโส 24 คนนั่งพิพากษา  ส่วนดวงวิญญาณของคนทั้งปวงที่ถูกตัดศีรษะนั้น คือผู้ที่อยู่ในช่วงภัยพิบัติที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับสัตว์ร้ายและยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระเยซู    คนเหล่านี้จะฟื้นขึ้นมาครอบครองร่วมกับพระคริสต์ (20:4) การที่ยอห์นสามารถเห็นคนเหล่านั้น แสดงว่าเขาคงได้รับกายชั่วคราว การฟื้นจากความตายครั้งแรกนี้ หมายถึงการฟื้นจากความตายครั้งแรกก่อนที่จะมีการพิพากษาหน้าพระที่นั่งใหญ่สีขาว เพราะยังมีการฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง ของผู้ที่ยังไม่ได้เชื่อในพระเจ้าหลังการปกครองพันปี ก่อนที่จะมีการพิพากษาใหญ่ (20:5,13)
การเป็นขึ้นจากความตาย
การเป็นขึ้นจากความตายสามารถลำดับตามเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ได้ดังนี้
1. พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นผลแรก  (1 โครินธ์ 15.23)
2.  ธรรมิกชนจำนวนหนึ่งได้เป็นขึ้น (มัทธิว 27.51-53)
3.  คริสตจักรถูกรับขึ้นไป รวมถึงธรรมิกชนของคริสตจักรที่ตายไปแล้วและการเปลี่ยนแปลงกายใหม่ของธรรมิกชนที่ยังมีชีวิตอยู่ (1 เธสะโลนิกา 4.13-18)
4.  การเป็นขึ้นจากตายของพยานทั้งสองที่เกิดในช่วงทุกขเวทนาครั้งใหญ่ (วิวรณ์ 11.3, 11)

5.  การเป็นขึ้นของผู้พลีชีพเพื่อพระคริสต์ในช่วงแห่งทุกขเวทนาครั้งใหญ่ (วิวรณ์ 20.4-5) และธรรมิกชนในพันธสัญญาเดิม (อิสยาห์ 26.19-21, เอเสเคียล 37.12-14, ดาเนียล 12.2-3)

No comments:

Post a Comment