Monday, December 14, 2015

ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่

สัปดาห์ที่ 19    ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่                       ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
วิวรณ์  บทที่ 21-22
1. ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ (21:1 - 22:5)
                ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเริ่มที่สวนเอเดน แม้ถูกทำลายด้วยความบาปของมนุษย์ แต่ด้วยความรักและพระเมตตาคุณของพระเจ้า เมื่อสิ้นสุดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในโลกนี้ พระองค์ประทานท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ให้แก่มนุษย์  ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากพระคริสต์ทรงปกครองโลกเป็นเวลาพันปี   เราสามารถเปรียบเทียบการทรงสร้างในปฐมกาลกับท้องฟ้าใหม่แผ่นดินโลกใหม่ดังนี้
ปฐมกาล
วิวรณ์
พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้า และแผ่นดิน (1:1)
ท้องฟ้าและแผ่นดินโลกใหม่ (21:1)
พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง (1:16) ได้ทรงกำหนดความมืดนั้นว่า คืน (1:5)
นครนั้นไม่ต้องการแสงจากดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ (21:23) กลางคืนไม่มีอีกต่อไป (22:5)
ได้ทรงสร้าง ทะเล (1:10)
ทะเลไม่มีอีกต่อไป (21:1)
ทรงสาปแช่งความบาปของมนุษย์ (3:14-17)
ไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป (22:3)
ความตายเกิดขึ้นกับมนุษย์ (3:24)
ความตายจะไม่มีอีกต่อไป (22:14)
ความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้นกับมนุษย์ (3:17)
การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป(21:4)
2.  กรุงเยรูซาเล็มใหม่ (21.2-26)
                ยอห์นได้เห็นวิสุทธนคร คือ นครเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า    พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ใน ยอห์น 14.2  เราจะไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย  เป็นข้ออ้างอิงถึงนครนี้  และเมื่อผ่านพ้นยุคพันปี  - โลกถูกทำลาย แผ่นดินโลกใหม่ถูกสร้างขึ้น - กรุงเยรูซาเล็มใหม่เลื่อนลอยลงมา
                ขณะเดียวกันได้มีการบรรยายให้เรารู้ว่า ประชากรในแผ่นดินสวรรค์มีสภาพอย่างไร
·        เขาจะเป็นประชาชาติของพระเจ้า มีพระเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยตลอดไป    ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากพระที่นั่งว่า ดูเถิดพลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว  พระองค์จะทรงสถิตกับเขา   เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา (21:3) เหล่าธรรมิกชนจะชื่นชมยินดีในความสัมพันธ์สนิทที่เขามีกับพระเจ้า  ซึ่งไม่อาจเป็นไปได้ในโลกแห่งความบาปและความตาย และในโลกใหม่เขาจะมีชีวิตเต็มไปด้วยสันติสุข ไม่มีความทุกข์โศก ความเจ็บปวดและความตายอีกต่อไป พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว (21:4)
·        การเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตื่นตาสู่ยุคใหม่ถูกบันทึกไว้ด้วยถ้อยคำที่ว่า เราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่  ซึ่งผู้นำการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาให้ก็คือ พระเยซูคริสต์
·        เขาจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ไม่ขัดสน ไม่กระหายอีกต่อไป เพราะเขาได้บ่อน้ำพุแห่งชีวิต    พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า สำเร็จแล้วเราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (21:6)  สิ่งนี้ไม่ได้อ้างอิงถึงความกระหายทางฝ่ายร่างกาย แต่เป็นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณ
·        เขาเป็นผู้ที่มีชัยชนะ ได้รับมงกุฎแห่งชัยชนะ เขาจะได้สิ่งดีทั้งปวงที่ทรงสัญญาเป็นมรดก ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก (21:7a)
·        เขาเป็นบุตรของพระเจ้าที่มีลักษณะตามแบบอย่างของพระเจ้า และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา (21:7b) สิ่งนี้แสดงถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างธรรมิกชนและพระเจ้าในสภาวะนิรันดร
                -  ยอห์นได้บรรยายลักษณะพิเศษของนครเยรูซาเล็มใหม่ว่า นครนี้คือ เจ้าสาว ซึ่งได้แก่ บุคคลที่ประกอบด้วยพระสิริของพระเจ้า  แต่สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ทีประพฤติสะอิดสะเอียน หรือแม้พูดมุสาก็เข้าไปในนครนี้ไม่ได้      เพราะคนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าเกลียดน่าชัง คนที่ฆ่ามนุษย์ คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนต์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น มรดกของเขาอยู่ที่บึงไฟและกำมะถันที่กำลังไหม้อยู่นั้น นั่นคือความตายครั้งที่สอง (21:8)
                -  นครนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีส่วนกว้าง ยาวและสูงเท่ากันคือ สองพันกว่ากิโลเมตร ได้มีการใช้ตัวเลขจำนวน 12  กับนครเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งน่าจะหมายถึงความสมบูรณ์ของนครนี้
o   ประตู 12  ประตู (21:12)
o   มีทูตสวรรค์ 12  องค์ (21:12)
o   จารึกชื่อเผ่าของอิสราเอล 12  เผ่า (21:12)
o   ฐานศิลาจารึกชื่ออัครทูต 12 คน (21:14)
o   กำแพงนครวัดได้ 144 ศอก คือ 12 x 12  ศอก (21:7)
o   ประตู 12 ประตู ทำด้วยไข่มุก 12 เม็ด (21:21)
o   ต้นไม้แห่งชีวิตออกผล 12  ชนิด (22:2)
               - ยอห์นได้บรรยายถึง  การใช้อัญมณีต่างๆ รวมทั้งทองคำบริสุทธิ์และไข่มุก เป็นวัสดุก่อสร้างหรือเป็นเครื่อง ประดับของนครนี้ กำแพงก่อด้วยแก้วมณีโชติ  นครสร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์ ฐานประดับด้วยเพชรนิลจินดา ประตูทำด้วยไข่มุก  (21:11,18-21)
                - การจารึกชื่อของอิสราเอล 12  เผ่า ไว้ที่ประตูนคร  กับชื่ออัครทูต 12 คนไว้ที่ฐานศิลาของนครตามลำดับ (20.12-14)  แสดงให้เห็นว่าที่นครเยรูซาเล็มใหม่หรือสวรรค์นี้ มีธรรมมิกชนทั้งหลายที่เชื่อวางใจในพระเมษโปดก และชนชาติอิสราเอลที่ได้รับการประทับตราไว้ (7:4-8)
                - ข้าพเจ้าไม่เห็นมีพระวิหารในนครนั้นเลยเพราะพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด และพระเมษโปดกทรงเป็นพระวิหารในนครนั้น (21:22)  นครนั้นไม่ต้องการแสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เพราะว่าพระสิริของพระเจ้าเป็นแสงสว่างของนครนั้น และพระเมษโปดกทรงเป็นดวงประทีปของนครนั้น (21:23)
                - ยอห์นได้พูดถึงหนังสือแห่งชีวิต แม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต และต้นไม้แห่งชีวิต
3. หนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก (21.27)
                การที่กำหนด เฉพาะคนที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต ของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ (21:27) ชี้ให้เห็นว่า โดยพระคุณผ่านทางความเชื่อเท่านั้น ที่ทำให้มนุษย์สามารถเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ (เอเฟซัส 2:8)
                หนังสือแห่งชีวิตถูกกล่าวถึงตั้งแต่ในสมัยโมเสส  เชื่อว่าประชากรที่เชื่อวางใจในพระเจ้าจะมีชื่ออยู่ในทะเบียนของพระองค์ (อพยพ 32:23-33)  ผู้เขียนสดุดีบทที่ 69 ได้ย้ำให้เห็นในข้อ 28 ว่าทะเบียนของพระเจ้านั้นคือ ทะเบียนแห่งชีวิต เป็นทะเบียนของผู้ชอบธรรม   ดาเนียลได้อ้างถึงหนังสือแห่งชีวิตว่า ทุกคนที่มีรายชื่อบันทึกไว้ในหนังสือจะได้รับการช่วยกู้ (ดาเนียล 12:1)  เปาโลก็แสดงความเชื่อในเรื่องของหนังสือแห่งชีวิต โดยบอกว่าบรรดาผู้เชื่อทั้งหลายมีรายชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิต (ฟิลิปปี 4:3)   และในพระธรรมวิวรณ์ได้พูดถึงหนังสือแห่งชีวิตอย่างน้อย 6 ครั้ง ดังนี้    วว 3.5,    วว 13.8,   วว 17.8,   วว 20.12,   วว 20.15,   วว 21.27
4.        แม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต (22.1-2)              
        ท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนแก้วไหลมาจากพระที่นั่งของพระเจ้าและที่นั่งของพระ
        เมษโปดก (22:1)  แสดงถึงความหมายของชีวิตที่สมบูรณ์ ไม่หิวกระหายอีก บนสวรรค์คือท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ที่นั่นมีแต่ชีวิตนิรันดร์ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ชีวิตที่ไม่ขาดสิ่งใด ไม่กระหายอะไรอีกต่อไป ความหมายของน้ำแห่งชีวิตนี้สามารถดูได้จากพระธรรมตอนอื่นๆ ด้วย            แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้นจะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้นจะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์   (ยอห์น 4:14)
                เพราะว่าพระเมษโปดกผู้ทรงอยู่ท่ามกลางพระที่นั่งนั้น จะคุ้มครองดูแลเขาและจะทรงนำเขาไปให้ถึงน้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาเหล่านั้น (7:17)
                พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มน้ำจากบ่อพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (21:6)
                พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (22:17)
5.  ต้นไม้แห่งชีวิต (22.2)
                ริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต   ซึ่งออกผลสิบสองชนิด   ออกผลทุกๆเดือนและใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย
                ออกผล 12 ชนิด และออกทุกเดือน นี่เป็นภาพของความอุดมสมบูรณ์ มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี ที่สวนเอเดนพระเจ้าได้ทรงประทานต้นไม้แห่งชีวิตให้มนุษย์แล้ว แต่มนุษย์เลือกกินต้นไม้ที่ต้องห้าม ผลคือถูกห้ามกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต และขับจากสวนเอเดน ต้นไม้แห่งชีวิตนี้ได้ถูกกล่าวถึงอีก เป็นพระสัญญาต่อคริสตจักรที่มีชัยชนะว่า จะได้กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในอุทยานสวรรค์ของพระเจ้า (2:7) และพระธรรมวิวรณ์บทที่ 21 - 22 พระเจ้าก็ได้ทรงสำแดงนิมิตของท้องฟ้าใหม่แผ่นดินโลกใหม่ ซึ่งเป็นอุทยานสวรรค์ และมีต้นไม้แห่งชีวิตตามที่ได้ทรงสัญญาไว้แล้ว (22: 14, 22:19)
                แต่เหมือนกับยอห์นจะเตือนผู้อ่านว่า แท้ที่จริงการรักษาโรคเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และท่านได้ย้ำว่าจะไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป (22.3)  เพราะคำสาปแช่งต่างๆไม่มีในสภาวะนิรันดร์
6.  พระที่นั่งของพระเจ้า (22.3-5)
                พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ที่นั่น และบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าจะนมัสการพระองค์ เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์   และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา  ผู้เชื่อทุกคนจะได้รับใช้อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า หน้าต่อหน้า สิ่งที่เรายังไม่เข้าใจหรือสิ่งที่เราอยากรู้ ทุกอย่างจะได้รับการเปิดเผย
                นครใหม่นั้นไม่มีกลางคืน ไม่ต้องการดวงอาทิตย์  เพราะพระเจ้าทรงเป็นสง่าราศีและแสงสว่างของนครนั้น และผู้เชื่อจะได้ร่วมครอบครองกับพระองค์สืบไปเป็นนิตย์
 7. คำบอกกล่าวของทูตสวรรค์ต่อยอห์น (22:6-11)
                ทูตสวรรค์ได้ยืนยันถึงความจริงเป็นคำหนุนใจและท้าทายให้เราใช้ชีวิตที่เตรียมพร้อมเพื่อรับการเสด็จมาของพระคริสต์ ถ้าเปรียบเทียบกับบทนำที่อยู่ในบทที่ 1 แล้วจะเห็นว่ามีเนื้อหา และจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน ซึ่งเป็นการทวนซ้ำหรือย้ำเตือนให้รู้ว่า นี่เป็นการทรงสำแดงของพระเจ้าอย่างแท้จริงเป็นคำที่สัตย์ซื่อและสัตย์จริง พระองค์จะเสด็จมาแน่ นอนให้เราเตรียมชีวิตให้พร้อม
·        ต้องถือรักษาคำพยากรณ์ของหนังสือ (22:7, 18-19)
·        ต้องนมัสการพระเจ้าเท่านั้น (22:8-9)
·        ต้องประกาศพระกิตติคุณเพราะว่าเวลาใกล้จะมาถึงแล้ว (22:10-11)
·        ต้องดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ (22:11,14)
                ดาเนียลได้รับคำกำชับว่า คำพยากรณ์ของเขาจะถูกประทับตราไว้จนถึงวาระสุดท้าย (ดนล 12.9)   แต่ยอห์นได้รับคำบัญชาว่า อย่าประทับตราคำพยากรณ์ในหนังสือนี้  แสดงให้เห็นว่า การวิวรณ์ไม่ว่าจะโดยประโยคเรียบง่ายหรือโดยสัญลักษณ์ ถูกออกแบบไว้ให้เปิดเผยความจริงและเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ที่ทุกคนต้องรู้
8. คำตรัสสุดท้ายขององค์พระผู้เป็นเจ้า (22:12-21)
- ดูเถิดเราจะมาในเร็วๆ นี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนการกระทำของทุกคน (22:12)
พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ ตรัสว่า เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน (22:20)
                โดยเฉพาะในคำสุดท้ายที่ทรงเน้นว่า แน่นอน เป็นการชี้ให้เห็นว่า วัตถุประสงค์ที่ทรงสำแดงในพระธรรมวิวรณ์ถึงการเสด็จมาของพระองค์นั้นจะต้องสำเร็จ 
                พระเยซูคริสต์ได้แสดงให้เห็นสิทธิอำนาจความเป็นเอก ในฐานะทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างชัดเจน
- เราคือ อัลฟาและโอเมกา   เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย    เป็นปฐมและเป็นอวสาน (22:13)
- เราคือ เยซูผู้ใช้ให้ทูตสวรรค์ของเราไปเป็นพยานสำแดงเหตุการณ์เหล่านี้แก่ท่าน เพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นเชื้อสายของดาวิดและเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส (22:16)
- นอกจากคำตรัสของพระเยซูคริสต์ยังมีคำตรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์กับเจ้าสาว (คริสตจักร) ที่เชิญชวนให้ผู้ที่ได้ยินทั้งหลาย   ซึ่งน่าจะหมายถึงผู้ที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน เพราะคริสเตียนนั้นได้เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์แล้ว นี่เป็นคำเชิญชวนสุดท้ายที่บันทึกในพระคัมภีร์ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด
- เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา  ผู้ใดที่มีใจปรารถนาก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
- ที่น่าสังเกตสำหรับพระธรรมวิวรณ์ตอนนี้คือ คำว่า คริสตจักร ซึ่งไม่ได้ถูกกล่าวอีกเลยตั้งแต่ พระธรรมวิวรณ์บทที่ 4 เป็นต้นมาจนถึงบทที่ 22 ข้อ 16 นี้จึงได้ถูกเอ่ยถึงอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่นักวิชาการในส่วนของทัศนะก่อนพันปี (Premillenialist) ยืนยันว่าคริสตจักรถูกรับขึ้นไปก่อนภัยพิบัติยิ่งใหญ่ในโลกนี้ (Great Tribulation)
- คำเตือนสุดท้ายในพระธรรมวิวรณ์และของพระคริสตธรรมคัมภีร์ทั้งเล่มคือ ห้ามเพิ่มเติมและตัดข้อความจาก คำพยากรณ์ในหนังสือนี้ซึ่งหมายความว่า พระวจนะของพระเจ้ามีความสมบูรณ์อยู่แล้วไม่จำเป็นที่จะเสริมแต่งหรือตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่เป็นคำพยากรณ์ที่มาจากการทรงสำแดงของพระเจ้า  เพื่อแจ้งให้ผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์รู้ว่า อะไรจะต้องอุบัติขึ้นในไม่ช้า และพระองค์ได้ทรงใช้ทูตสวรรค์สำแดงแก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระเจ้า (1:1)
-  คำตอบสนองของยอห์น หลังจากได้ยินคำตรัสของของพระเยซูคริสต์ว่า พระองค์จะเสด็จมาในเร็วๆ นี้แน่ นอน  ยอห์นตอบว่า อาเมน พระเยซูคริสต์เชิญเสด็จมาเถิด (22:20) ท่านยอห์เปรียบเสมือนตัวแทนของคริสตจักรที่เต็มไปด้วยความหวัง และเฝ้ารอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ เหมือนดังเจ้าสาวคอยเจ้าบ่าวมารับเพื่อสู่พิธีมงคลสมรส เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินได้รู้ว่าพระองค์จะเสด็จมาเร็วๆ นี้แน่นอน คำตอบของคริสตจักรคือ อาเมน และร้องเชิญว่า พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด
เมื่อการวิวรณ์อันยิ่งใหญ่เสร็จสิ้นลง มีการประกาศถึงคำอวยพรครั้งสุดท้ายว่า 
ขอให้พระคุณแห่งพระเยซูเจ้า จงดำรงอยู่กับธรรมิกชนทั้งหลายเถิด อาเมน
ไม่มีหนังสือเล่มใดในพระคัมภีร์ที่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดการพิพากษาลงโทษ และกล่าวถึงพระพรนิรันดร์ที่ธรรมิกชนจะได้รับเท่ากับพระธรรมวิวรณ์  อย่าให้เราเป็นหนึ่งในคนที่มองข้ามความมหัศจรรย์ของหนังสือวิวรณ์นี้
·        คุณพร้อมหรือยัง ถ้าพระเยซูจะเสด็จมาในวันนี้
·        คุณได้รับใช้พระเจ้าด้วยสุดชีวิตของคุณหรือยัง
·        คุณมีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตหรือยัง  และกล้าพูดไหมว่า เชิญมาเถิด เชิญเสด็จมาวันนี้
                                                                                        ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรผู้เรียนทุกท่าน
                                                                                                        มน.วิจิตร วารินทร์ศิริกุล  

                                                                                                               8  มิถุนายน 2008

No comments:

Post a Comment