สัปดาห์ที่ 19 ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
วิวรณ์
บทที่ 21-22
1.
ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ (21:1 - 22:5)
ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเริ่มที่สวนเอเดน
แม้ถูกทำลายด้วยความบาปของมนุษย์ แต่ด้วยความรักและพระเมตตาคุณของพระเจ้า เมื่อสิ้นสุดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในโลกนี้
พระองค์ประทานท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ให้แก่มนุษย์ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากพระคริสต์ทรงปกครองโลกเป็นเวลาพันปี เราสามารถเปรียบเทียบการทรงสร้างในปฐมกาลกับท้องฟ้าใหม่แผ่นดินโลกใหม่ดังนี้
ปฐมกาล
|
วิวรณ์
|
พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้า
และแผ่นดิน (1:1)
|
ท้องฟ้าและแผ่นดินโลกใหม่
(21:1)
|
พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง
(1:16)
ได้ทรงกำหนดความมืดนั้นว่า คืน (1:5)
|
นครนั้นไม่ต้องการแสงจากดวงอาทิตย์
และดวงจันทร์ (21:23)
กลางคืนไม่มีอีกต่อไป (22:5)
|
ได้ทรงสร้าง
ทะเล
(1:10)
|
ทะเลไม่มีอีกต่อไป
(21:1)
|
ทรงสาปแช่งความบาปของมนุษย์
(3:14-17)
|
ไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป
(22:3)
|
ความตายเกิดขึ้นกับมนุษย์
(3:24)
|
ความตายจะไม่มีอีกต่อไป
(22:14)
|
ความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้นกับมนุษย์
(3:17)
|
การคร่ำครวญ
การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป(21:4)
|
2. กรุงเยรูซาเล็มใหม่ (21.2-26)
ยอห์นได้เห็นวิสุทธนคร คือ
นครเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ใน ยอห์น 14.2
เราจะไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เป็นข้ออ้างอิงถึงนครนี้ และเมื่อผ่านพ้นยุคพันปี - โลกถูกทำลาย –
แผ่นดินโลกใหม่ถูกสร้างขึ้น - กรุงเยรูซาเล็มใหม่เลื่อนลอยลงมา
ขณะเดียวกันได้มีการบรรยายให้เรารู้ว่า
ประชากรในแผ่นดินสวรรค์มีสภาพอย่างไร
·
เขาจะเป็นประชาชาติของพระเจ้า มีพระเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยตลอดไป
ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากพระที่นั่งว่า
ดูเถิดพลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว
พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์
และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา (21:3) เหล่าธรรมิกชนจะชื่นชมยินดีในความสัมพันธ์สนิทที่เขามีกับพระเจ้า ซึ่งไม่อาจเป็นไปได้ในโลกแห่งความบาปและความตาย
และในโลกใหม่เขาจะมีชีวิตเต็มไปด้วยสันติสุข ไม่มีความทุกข์โศก
ความเจ็บปวดและความตายอีกต่อไป พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขา
ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
(21:4)
·
การเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตื่นตาสู่ยุคใหม่ถูกบันทึกไว้ด้วยถ้อยคำที่ว่า
เราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่
ซึ่งผู้นำการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาให้ก็คือ พระเยซูคริสต์
·
เขาจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ไม่ขัดสน ไม่กระหายอีกต่อไป
เพราะเขาได้บ่อน้ำพุแห่งชีวิต พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
สำเร็จแล้วเราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (21:6) สิ่งนี้ไม่ได้อ้างอิงถึงความกระหายทางฝ่ายร่างกาย
แต่เป็นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณ
·
เขาเป็นผู้ที่มีชัยชนะ ได้รับมงกุฎแห่งชัยชนะ เขาจะได้สิ่งดีทั้งปวงที่ทรงสัญญาเป็นมรดก
ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก (21:7a)
·
เขาเป็นบุตรของพระเจ้าที่มีลักษณะตามแบบอย่างของพระเจ้า
และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา (21:7b) สิ่งนี้แสดงถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างธรรมิกชนและพระเจ้าในสภาวะนิรันดร
- ยอห์นได้บรรยายลักษณะพิเศษของนครเยรูซาเล็มใหม่ว่า
นครนี้คือ เจ้าสาว ซึ่งได้แก่ บุคคลที่ประกอบด้วยพระสิริของพระเจ้า แต่สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ทีประพฤติสะอิดสะเอียน
หรือแม้พูดมุสาก็เข้าไปในนครนี้ไม่ได้ เพราะคนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าเกลียดน่าชัง
คนที่ฆ่ามนุษย์ คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนต์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น
มรดกของเขาอยู่ที่บึงไฟและกำมะถันที่กำลังไหม้อยู่นั้น นั่นคือความตายครั้งที่สอง (21:8)
- นครนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีส่วนกว้าง
ยาวและสูงเท่ากันคือ สองพันกว่ากิโลเมตร ได้มีการใช้ตัวเลขจำนวน 12 กับนครเยรูซาเล็มใหม่
ซึ่งน่าจะหมายถึงความสมบูรณ์ของนครนี้
o
ประตู 12 ประตู (21:12)
o
มีทูตสวรรค์ 12 องค์ (21:12)
o
จารึกชื่อเผ่าของอิสราเอล 12 เผ่า (21:12)
o
ฐานศิลาจารึกชื่ออัครทูต 12 คน
(21:14)
o
กำแพงนครวัดได้ 144 ศอก
คือ 12 x 12 ศอก (21:7)
o
ประตู 12 ประตู ทำด้วยไข่มุก
12 เม็ด (21:21)
o
ต้นไม้แห่งชีวิตออกผล 12 ชนิด (22:2)
- ยอห์นได้บรรยายถึง การใช้อัญมณีต่างๆ รวมทั้งทองคำบริสุทธิ์และไข่มุก
เป็นวัสดุก่อสร้างหรือเป็นเครื่อง ประดับของนครนี้ กำแพงก่อด้วยแก้วมณีโชติ นครสร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์ ฐานประดับด้วยเพชรนิลจินดา
ประตูทำด้วยไข่มุก (21:11,18-21)
- การจารึกชื่อของอิสราเอล
12 เผ่า ไว้ที่ประตูนคร กับชื่ออัครทูต 12 คนไว้ที่ฐานศิลาของนครตามลำดับ
(20.12-14) แสดงให้เห็นว่าที่นครเยรูซาเล็มใหม่หรือสวรรค์นี้
มีธรรมมิกชนทั้งหลายที่เชื่อวางใจในพระเมษโปดก และชนชาติอิสราเอลที่ได้รับการประทับตราไว้
(7:4-8)
- ข้าพเจ้าไม่เห็นมีพระวิหารในนครนั้นเลยเพราะพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
และพระเมษโปดกทรงเป็นพระวิหารในนครนั้น (21:22) นครนั้นไม่ต้องการแสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
เพราะว่าพระสิริของพระเจ้าเป็นแสงสว่างของนครนั้น และพระเมษโปดกทรงเป็นดวงประทีปของนครนั้น
(21:23)
- ยอห์นได้พูดถึงหนังสือแห่งชีวิต
แม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต และต้นไม้แห่งชีวิต
3.
หนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก (21.27)
การที่กำหนด เฉพาะคนที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต
ของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ (21:27) ชี้ให้เห็นว่า โดยพระคุณผ่านทางความเชื่อเท่านั้น
ที่ทำให้มนุษย์สามารถเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ (เอเฟซัส 2:8)
หนังสือแห่งชีวิตถูกกล่าวถึงตั้งแต่ในสมัยโมเสส
เชื่อว่าประชากรที่เชื่อวางใจในพระเจ้าจะมีชื่ออยู่ในทะเบียนของพระองค์
(อพยพ
32:23-33) ผู้เขียนสดุดีบทที่
69 ได้ย้ำให้เห็นในข้อ 28 ว่าทะเบียนของพระเจ้านั้นคือ
ทะเบียนแห่งชีวิต เป็นทะเบียนของผู้ชอบธรรม
ดาเนียลได้อ้างถึงหนังสือแห่งชีวิตว่า ทุกคนที่มีรายชื่อบันทึกไว้ในหนังสือจะได้รับการช่วยกู้
(ดาเนียล 12:1) เปาโลก็แสดงความเชื่อในเรื่องของหนังสือแห่งชีวิต
โดยบอกว่าบรรดาผู้เชื่อทั้งหลายมีรายชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิต (ฟิลิปปี 4:3)
และในพระธรรมวิวรณ์ได้พูดถึงหนังสือแห่งชีวิตอย่างน้อย
6 ครั้ง ดังนี้
วว 3.5, วว 13.8,
วว 17.8, วว 20.12, วว 20.15,
วว 21.27
4.
แม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต (22.1-2)
ท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต
ใสเหมือนแก้วไหลมาจากพระที่นั่งของพระเจ้าและที่นั่งของพระ
เมษโปดก (22:1) แสดงถึงความหมายของชีวิตที่สมบูรณ์
ไม่หิวกระหายอีก บนสวรรค์คือท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ที่นั่นมีแต่ชีวิตนิรันดร์
ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ชีวิตที่ไม่ขาดสิ่งใด ไม่กระหายอะไรอีกต่อไป ความหมายของน้ำแห่งชีวิตนี้สามารถดูได้จากพระธรรมตอนอื่นๆ
ด้วย แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้นจะไม่กระหายอีกเลย
น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้นจะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์
(ยอห์น 4:14)
เพราะว่าพระเมษโปดกผู้ทรงอยู่ท่ามกลางพระที่นั่งนั้น
จะคุ้มครองดูแลเขาและจะทรงนำเขาไปให้ถึงน้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาเหล่านั้น
(7:17)
พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มน้ำจากบ่อพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
(21:6)
พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า
เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา
ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (22:17)
5.
ต้นไม้แห่งชีวิต (22.2)
ริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุกๆเดือนและใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย
ออกผล 12 ชนิด
และออกทุกเดือน นี่เป็นภาพของความอุดมสมบูรณ์ มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
ที่สวนเอเดนพระเจ้าได้ทรงประทานต้นไม้แห่งชีวิตให้มนุษย์แล้ว แต่มนุษย์เลือกกินต้นไม้ที่ต้องห้าม
ผลคือถูกห้ามกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต และขับจากสวนเอเดน
ต้นไม้แห่งชีวิตนี้ได้ถูกกล่าวถึงอีก เป็นพระสัญญาต่อคริสตจักรที่มีชัยชนะว่า จะได้กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในอุทยานสวรรค์ของพระเจ้า
(2:7) และพระธรรมวิวรณ์บทที่ 21 - 22 พระเจ้าก็ได้ทรงสำแดงนิมิตของท้องฟ้าใหม่แผ่นดินโลกใหม่
ซึ่งเป็นอุทยานสวรรค์ และมีต้นไม้แห่งชีวิตตามที่ได้ทรงสัญญาไว้แล้ว (22:
14, 22:19)
แต่เหมือนกับยอห์นจะเตือนผู้อ่านว่า
แท้ที่จริงการรักษาโรคเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และท่านได้ย้ำว่าจะไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป
(22.3)
เพราะคำสาปแช่งต่างๆไม่มีในสภาวะนิรันดร์
6. พระที่นั่งของพระเจ้า (22.3-5)
พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ที่นั่น
และบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าจะนมัสการพระองค์
เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์
และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา ผู้เชื่อทุกคนจะได้รับใช้อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า
หน้าต่อหน้า สิ่งที่เรายังไม่เข้าใจหรือสิ่งที่เราอยากรู้
ทุกอย่างจะได้รับการเปิดเผย
นครใหม่นั้นไม่มีกลางคืน
ไม่ต้องการดวงอาทิตย์ เพราะพระเจ้าทรงเป็นสง่าราศีและแสงสว่างของนครนั้น
และผู้เชื่อจะได้ร่วมครอบครองกับพระองค์สืบไปเป็นนิตย์
7.
คำบอกกล่าวของทูตสวรรค์ต่อยอห์น (22:6-11)
ทูตสวรรค์ได้ยืนยันถึงความจริงเป็นคำหนุนใจและท้าทายให้เราใช้ชีวิตที่เตรียมพร้อมเพื่อรับการเสด็จมาของพระคริสต์
ถ้าเปรียบเทียบกับบทนำที่อยู่ในบทที่ 1 แล้วจะเห็นว่ามีเนื้อหา
และจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน ซึ่งเป็นการทวนซ้ำหรือย้ำเตือนให้รู้ว่า นี่เป็นการทรงสำแดงของพระเจ้าอย่างแท้จริงเป็นคำที่สัตย์ซื่อและสัตย์จริง
พระองค์จะเสด็จมาแน่ นอนให้เราเตรียมชีวิตให้พร้อม
·
ต้องถือรักษาคำพยากรณ์ของหนังสือ (22:7, 18-19)
·
ต้องนมัสการพระเจ้าเท่านั้น (22:8-9)
·
ต้องประกาศพระกิตติคุณเพราะว่าเวลาใกล้จะมาถึงแล้ว
(22:10-11)
·
ต้องดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ (22:11,14)
ดาเนียลได้รับคำกำชับว่า
คำพยากรณ์ของเขาจะถูกประทับตราไว้จนถึงวาระสุดท้าย (ดนล 12.9) แต่ยอห์นได้รับคำบัญชาว่า อย่าประทับตราคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ แสดงให้เห็นว่า
การวิวรณ์ไม่ว่าจะโดยประโยคเรียบง่ายหรือโดยสัญลักษณ์
ถูกออกแบบไว้ให้เปิดเผยความจริงและเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ที่ทุกคนต้องรู้
8.
คำตรัสสุดท้ายขององค์พระผู้เป็นเจ้า (22:12-21)
- ดูเถิดเราจะมาในเร็วๆ นี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย
เพื่อตอบแทนการกระทำของทุกคน (22:12)
พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้
ตรัสว่า เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน (22:20)
โดยเฉพาะในคำสุดท้ายที่ทรงเน้นว่า
แน่นอน เป็นการชี้ให้เห็นว่า วัตถุประสงค์ที่ทรงสำแดงในพระธรรมวิวรณ์ถึงการเสด็จมาของพระองค์นั้นจะต้องสำเร็จ
พระเยซูคริสต์ได้แสดงให้เห็นสิทธิอำนาจความเป็นเอก
ในฐานะทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างชัดเจน
- เราคือ อัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน (22:13)
- เราคือ เยซูผู้ใช้ให้ทูตสวรรค์ของเราไปเป็นพยานสำแดงเหตุการณ์เหล่านี้แก่ท่าน
เพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นเชื้อสายของดาวิดและเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส (22:16)
- นอกจากคำตรัสของพระเยซูคริสต์ยังมีคำตรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์กับเจ้าสาว
(คริสตจักร) ที่เชิญชวนให้ผู้ที่ได้ยินทั้งหลาย ซึ่งน่าจะหมายถึงผู้ที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน เพราะคริสเตียนนั้นได้เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์แล้ว
นี่เป็นคำเชิญชวนสุดท้ายที่บันทึกในพระคัมภีร์ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด
- เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา
ผู้ใดที่มีใจปรารถนาก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
- ที่น่าสังเกตสำหรับพระธรรมวิวรณ์ตอนนี้คือ
คำว่า คริสตจักร ซึ่งไม่ได้ถูกกล่าวอีกเลยตั้งแต่ พระธรรมวิวรณ์บทที่ 4 เป็นต้นมาจนถึงบทที่ 22 ข้อ 16 นี้จึงได้ถูกเอ่ยถึงอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่นักวิชาการในส่วนของทัศนะก่อนพันปี
(Premillenialist) ยืนยันว่าคริสตจักรถูกรับขึ้นไปก่อนภัยพิบัติยิ่งใหญ่ในโลกนี้
(Great Tribulation)
- คำเตือนสุดท้ายในพระธรรมวิวรณ์และของพระคริสตธรรมคัมภีร์ทั้งเล่มคือ
ห้ามเพิ่มเติมและตัดข้อความจาก คำพยากรณ์ในหนังสือนี้ซึ่งหมายความว่า พระวจนะของพระเจ้ามีความสมบูรณ์อยู่แล้วไม่จำเป็นที่จะเสริมแต่งหรือตัดต่อใดๆ
ทั้งสิ้น เพราะนี่เป็นคำพยากรณ์ที่มาจากการทรงสำแดงของพระเจ้า เพื่อแจ้งให้ผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์รู้ว่า
อะไรจะต้องอุบัติขึ้นในไม่ช้า และพระองค์ได้ทรงใช้ทูตสวรรค์สำแดงแก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระเจ้า
(1:1)
- คำตอบสนองของยอห์น หลังจากได้ยินคำตรัสของของพระเยซูคริสต์ว่า
พระองค์จะเสด็จมาในเร็วๆ นี้แน่ นอน
ยอห์นตอบว่า อาเมน พระเยซูคริสต์เชิญเสด็จมาเถิด (22:20) ท่านยอห์เปรียบเสมือนตัวแทนของคริสตจักรที่เต็มไปด้วยความหวัง และเฝ้ารอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
เหมือนดังเจ้าสาวคอยเจ้าบ่าวมารับเพื่อสู่พิธีมงคลสมรส เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินได้รู้ว่าพระองค์จะเสด็จมาเร็วๆ
นี้แน่นอน คำตอบของคริสตจักรคือ อาเมน และร้องเชิญว่า พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด
เมื่อการวิวรณ์อันยิ่งใหญ่เสร็จสิ้นลง
มีการประกาศถึงคำอวยพรครั้งสุดท้ายว่า
ขอให้พระคุณแห่งพระเยซูเจ้า
จงดำรงอยู่กับธรรมิกชนทั้งหลายเถิด อาเมน
ไม่มีหนังสือเล่มใดในพระคัมภีร์ที่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดการพิพากษาลงโทษ
และกล่าวถึงพระพรนิรันดร์ที่ธรรมิกชนจะได้รับเท่ากับพระธรรมวิวรณ์
อย่าให้เราเป็นหนึ่งในคนที่มองข้ามความมหัศจรรย์ของหนังสือวิวรณ์นี้
·
คุณพร้อมหรือยัง ถ้าพระเยซูจะเสด็จมาในวันนี้
·
คุณได้รับใช้พระเจ้าด้วยสุดชีวิตของคุณหรือยัง
·
คุณมีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตหรือยัง และกล้าพูดไหมว่า เชิญมาเถิด
เชิญเสด็จมาวันนี้
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรผู้เรียนทุกท่าน
มน.วิจิตร วารินทร์ศิริกุล
8
มิถุนายน 2008
No comments:
Post a Comment