Monday, December 14, 2015

ตราทั้งเจ็ด

สัปดาห์ที่ 7    ตราทั้งเจ็ด                                                      ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
                วิวรณ์บทที่ 6 บทที่ 16 แสดงนิมิต 3 ชุดที่พระเจ้าทรงพิพากษาความบาปของมนุษย์
                ชุดที่ 1     ตราเจ็ดดวง (6.1-8.5)
                ชุดที่ 2     แตรเจ็ดคัน (8.6-11.19)
                ชุดที่ 3     ขันเจ็ดใบ (15.1-16.21)
ตราทั้งเจ็ด (6.1-8.5)
                ขณะที่ตราแต่ละดวงถูกแกะออก พระคริสต์ก็จะทรงเคลื่อนเหตุการณ์ซึ่งจะนำไปสู่สุดปลายของประวัติศาสตร์มนุษย์ หนังสือม้วนนี้จะยังเปิดไม่ครบถ้วนจนกว่าจะมีการแกะตราดวงที่เจ็ด
จะสังเกตเห็นว่า ตราดวงที่หนึ่งถึงสี่เป็นผลแห่งความบาปของมนุษย์ เช่น การสู้รบ การสงคราม การกันดารอาหาร เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้เคยพยากรณ์ไว้ใน มัทธิว 24.6-9
                ตราดวงที่หนึ่ง  ยอห์นเห็นม้าสีขาว ท่านผู้ขี่ม้านั้นถือธนูและสวมมงกุฎของผู้พิชิต (นายพลของโรมันจะขี่ม้าสีขาวหลังได้รับชัยชนะจากสงคราม) หมายถึง ผู้ที่จะปกครองโลกในอนาคต (ปฏิปักษ์พระคริสต์ AntiChrist)  ผู้นี้อาจจะเป็นคนเดียวกันกับประมุขของประชาชนที่ดาเนียลได้พยากรณ์ไว้ใน ดนล 9.26 ประมุของค์นี้มีคันธนูแต่ไม่มีลูกธนู ซึ่งแสดงว่า สังคมโลกที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้นทำโดยปราศจากการสงครามหรือการต่อสู้ และจะเริ่มปกครองโลกด้วยสันติภาพ แต่ในไม่ช้าความพินาศก็จะตามมา (1 ธส 5.3)
                (ผู้ที่ขี่ม้าขาวไม่ใช่พระเยซูคริสต์เหมือนกับที่หลายคนคิด เพราะชัยชนะของพระองค์ไม่ได้อยู่ที่จุดเริ่มต้นนี้ และพระเยซูจะมีพระแสงไม่ใช่ธนู น่าจะเป็นผู้ที่อ้างตัวเป็นพระคริสต์ และทำให้ดูเหมือนพระคริสต์โดยมาสร้างสันติภาพสู่โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คริสเตียนทั่วโลกถูกรับไปแล้ว คงจะเกิดความวุ่นวายมากมาย และผู้ขี่ม้าขาวนี้ได้มาจัดการแก้ปัญหาต่างๆจนได้รับการยกย่องจากชาวโลก )
                ตราดวงที่สอง  มีผู้ขี่ม้าสีแดงสด เขามีอำนาจที่จะนำสันติสุขออกไปจากแผ่นดินโลก จึงเกิดการรบราฆ่าฟันกัน พระเยซูคริสต์ได้พยากรณ์ไว้ใน มัทธิว 24.7 ประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ผู้ที่ขี่ม้าถือดาบเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง นี่คือภาพของอำนาจทางการเมืองที่แสดงว่าผู้ขี่ม้าเป็นผู้นำสูงสุดของโลก จากสันติสุขที่ได้รับไม่นาน พระคริสต์จอมปลอมก็ได้แสดงธาตุแท้ของมันออกมา โดยเปลี่ยนจากสันติสุขเป็นการรบราฆ่าฟันกัน เปลี่ยนจากธนูที่ไม่มีลูกเป็นดาบใหญ่ที่พร้อมจะทำลาย สีแดงสด เป็นสัญลักษณ์ของเลือดที่ไหลท่วมแผ่นดิน ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ประชาชนมีความรู้ในยุคโลกาภิวัตน์ มีเสรีประชาธิปไตย ทำให้เกิดการรวมตัวและลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอำนาจเผด็จการของพระคริสต์จอมปลอม จึงเกิดสงครามใหญ่จนเลือดท่วมแผ่นดิน
                ตราดวงที่สาม  มีผู้ขี่ม้าสีดำ สีดำหมายถึงการกันดารอาหารที่เป็นผลพวงจากสงคราม อาหารไม่เพียงพอทำให้เกิดความอดอยากหิวโหยไปทั่วแผ่นดิน มือถือตราชู หมายถึงการจำกัดส่วนแบ่งอาหาร ทำให้ราคาอาหารแพงขึ้น ข้าวสาลีราคาทะนานละหนึ่งเหรียญเดนาริอันซึ่งเป็นค่าจ้างแรงงาน 1 วัน แสดงว่าในช่วงที่กันดารอาหาร เงินค่าจ้าง 1 วันสามารถซื้อได้แค่ข้าวสาลีทะนานเดียวหรือข้าวบารลีย์ 3 ทะนาน ถ้าซื้อข้าวสาลีเขาสามารถกินอิ่มได้เพียงมื้อเดียว หรือข้าวบารลีย์อิ่มได้ 3 มื้อ โดยไม่มีเหลือพอที่จะซื้อน้ำมันและน้ำองุ่น ซึ่งการกันดารอาหารนี้เป็นสาเหตุหลักของการตายในช่วงเวลานั้น น้ำมันและน้ำองุ่น เป็นภาพของเศรษฐกิจและความร่ำรวยซึ่งตรงข้ามกับความเป็นอยู่ของผู้คนในขณะนั้นที่กำลังอดอยาก แต่ระบบเศรษฐกิจการค้านั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ต่อต้านพระคริสต์
                ตราดวงที่สี่  มีม้าสีกะเลียวและผู้ขี่ม้านั้นมีนามว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามเขามาด้วย (สีกะเลียว : สีเขียวหม่น, สีเหมือนหน้าของคนตาย) นี่เป็นผลพวงจากสงครามและการกันดารอาหาร  เป็นสภาพของโลกหลังจากการแกะตรา 1 -  3  ความตายได้แผ่กระจายไปทั่ว   เกิดการแย่งชิงอาหารเพื่อความอยู่รอด โรคระบาด ความจริงที่น่าสะพรึงกลัวคือ การถูกล้างผลาญหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลก
                ** จะเห็นว่าคนขี่ม้าทั้งสี่ได้รับฤทธิ์อำนาจให้ควบคุมอยู่เหนือหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลก ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพระเจ้ายังคงจำกัดขอบเขต การพิพากษาของพระองค์ยังไม่ครอบคลุมทั้งโลก ยังมีเวลาให้ผู้ที่ยังไม่เชื่อหันมาหาพระคริสต์ ละทิ้งความบาปของตน การพิพากษาในช่วงนี้ ไม่เพียงแสดงให้เห็นพระพิโรธของพระองค์ต่อความบาปเท่านั้น ยังแสดงให้เห็นถึงพระคุณความรักที่ทรงให้โอกาสมนุษย์ที่จะกลับใจใหม่อีกครั้งหนึ่งก่อนการพิพากษาใหญ่ **
                ตราดวงที่ห้า  ยอห์นเห็นวิวรณ์เกี่ยวกับสวรรค์ ความสนใจของเขาถูกเบนไปยังดวงวิญญาณใต้แท่นบูชา คือ วิญญาณของผู้เชื่อที่ถูกฆ่าเพราะพระนามของพระเยซูคริสต์ในช่วงภัยพิบัติ ที่เรียกร้องให้พระเจ้าทรงพิพากษาโลกนี้โดยเร็ว พระองค์ทรงประทานเสื้อสีขาวให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นและทรงบอกให้รอคอยอีกหน่อย จนกว่าจะครบจำนวนผู้ที่รอดตามที่กำหนดไว้ è จะเห็นว่ายังมีผู้ที่ได้รับความรอดเพิ่มขึ้นในช่วงภัยพิบัติ แต่มีจำนวนมากที่ต้องพลีชีพเพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์  คนทั่วไปอาจจะมองว่าพระเจ้าทรงลงโทษหนักเกินไป แต่ในที่นี้เราจะเห็นว่า วิญญาณของผู้ชอบธรรมเร่งเร้าให้พระเจ้าทรงพิพากษาโลกโดยเร็ว
(** ทำไมประทานเสื้อสีขาวให้ดวงวิญญาณ à แสดงว่าเมื่อผู้เชื่อเสียชีวิต จะได้รับร่างกายชั่วคราว ??)
                ตราดวงที่หก  à การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
                เมื่อแกะตราดวงที่หก ได้เปลี่ยนฉากกลับมาเป็นภาพบนโลกนี้ เกิดแผ่นดินไหวใหญ่โต ที่ร้ายแรงกว่าคือ ท้องฟ้า ดวงอาทิตย์กลับมืดดำ ดวงจันทร์วันเพ็ญกลายเป็นสีเลือด ดวงดาวตกจากท้องฟ้า ท้องฟ้าหายไปเหมือนกับหนังสือม้วน ภูเขาและเกาะเคลื่อนจากที่ของมัน ผู้ที่ไม่เชื่อจะรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่งเมื่อเห็นพระเจ้าผู้ทรงประทับบนพระที่นั่ง จนร้องบอกให้ภูเขาและโขดหินล้มทับพวกเขา และขอให้ซ่อนเขาจากพระพิโรธของพระเจ้า คำว่า พระองค์ในข้อ 17 เป็นคำในรูปพหูพจน์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงพระพิโรธขององค์ตรีเอกานุภาพ
          ‘ผู้ใดจะทนอยู่ได้เล่า??’ à เป็นภาพความทุกขเวทนาครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก
                เนื้อหาในบทที่ 6 ได้ลบล้างความเชื่อที่ว่า พระเจ้าทรงเป็นความรัก จะไม่ทรงลงโทษความชั่วร้ายและคนบาป แต่ในวันนั้นทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยที่แต่ก่อนไม่ยำเกรงพระเจ้า จะต้องเผชิญกับพระพิโรธของพระองค์ แต่ผู้ที่เป็นของพระคริสต์จะได้รับรางวัลแทนการลงโทษ
                คุณเป็นของพระคริสต์หรือไม่ ?? ถ้าเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเหตุการณ์ในวาระสุดท้ายนี้
บทที่ 7   เป็นเหตุการณ์แทรกระหว่างการแกะตราดวงที่ 6 และ 7 
                เราเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ห้ามลมทั้งสี่ทิศไม่ให้ทำร้ายโลก à แสดงให้เห็นว่า  ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า พระเจ้าทรงครอบครองอยู่เหนือสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ภัยพิบัติจากแตรและขันจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าพระองค์จะได้ประทับตราผู้รับใช้พระองค์จนครบจำนวน  ในที่นี้ได้กล่าวถึงคน 2 กลุ่ม
        1. ชนอิสราเอล 144,000 คน ข้อ 1-8 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก
ใครคือคน 144,000 คนนั้น ??
                ชนอิสราเอลทั้ง 12 เผ่าๆละ 12000 คน  แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีใครแยกคนอิสราเอลแต่ละเผ่าได้ แต่พระเจ้าทรงรู้อย่างแน่นอนว่าใครอยู่เผ่าไหน จะเห็นว่าพระเจ้ายังทรงปกป้องอิสราเอลต่อไป แม้ในยามที่อิสราเอลต้องรับทุกทรมานอย่างหนัก ตัวเลข 144,000 คือ 12*12*1000 อาจเป็นสัญลักษณ์ของความครบบริบูรณ์ ซึ่งหมายถึง พระเจ้าจะทรงปกป้องคนที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ครบทุกคนไม่ตกหล่นแม้สักคนเดียว
                การเอ่ยถึงเผ่าต่างๆในที่นี้แตกต่างจากลำดับ 12 เผ่าในพระคัมภีร์เดิม
                ** จะเห็นว่าเผ่าดานไม่มีรายชื่อปรากฏอยู่ด้วย อาจจะเป็นไปได้ว่า
-          ดานเป็นงูพิษ (ปฐก 49.17) ซึ่งเล็งถึงปฏิปักษ์ของพระคริสต์จะมาจากเผ่าดาน
-          ดานเป็นเผ่าแรกที่หันไปกราบไหว้รูปเคารพเมื่อเข้าไปอยู่ในแผ่นดินคนาอัน (วนฉ 18.30)
** วว 7.5 ได้เอ่ยถึงเผ่ายูดาห์เป็นอันดับแรก ทั้งที่รูเบนเป็นบุตรหัวปีของยาโคบ (ปฐก 35.23) เหตุเพราะรูเบนได้เสียสิทธิบุตรหัวปีไปเพราะรูเบนไปหลับนอนกับบิลฮาห์ภรรยาน้อยของยาโคบ (ปฐก 35.22, 49.3-4)
ทำไมต้องประทับตรา ??
                1. เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ à กลุ่มคน 144,000 คน ได้รับการประทับตราจากพระเจ้าบนหน้าผากของเขา
                2. เพื่อปกป้องเขาไว้ à จะเห็นว่าใน วว 9.4  วิญญาณชั่วจะทรมานคนที่ไม่มีตราประทับของพระเจ้า
       2. มวลชนผู้พลีชีพ   ข้อ 9-17 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนสวรรค์
                - คนมากมายเหลือคณานับจากคนทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติทุกภาษา น่าจะเป็นกลุ่มคนเดียวกับในข้อ 6.9 แต่ในที่นี้เขาสวมเสื้อสีขาวและถือใบตาล ซึ่งแสดงถึงชัยชนะอันชอบธรรม คนเหล่านี้พูดเสียงดังถึงความรอดที่ได้รับจากพระเจ้าและพระเมษโปดก
ใครคือมวลชนผู้พลีชีพเหล่านี้ ??
                - ผู้อาวุโสท่านหนึ่งใน 24  ได้บอกกับยอห์นว่า คนเหล่านี้คือคนที่มาจากความทุกขเวทนาครั้งใหญ่ เขาได้ชำระเสื้อผ้าของเขาในพระโลหิตของพระเยซูจนเสื้อผ้านั้นขาวสะอาด
                เราจะเห็นว่า คนเหล่านี้คือผู้พลีชีพเพื่อความเชื่อและได้รับความรอดในเหตุการณ์กลียุค และได้รับสิทธิพิเศษคือได้ปรนนิบัติอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน พวกเขาได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างดีจากพระเจ้า คือ เขาจะไม่หิวกระหายอีกเลย แสงแดดและความร้อนจะไม่ส่องต้องตัวเขาอีกต่อไป เขาจะได้ดื่มน้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา
** เหตุการณ์ในบทที่ 7 นี้ ไม่ใช่ความคืบหน้าของเรื่อง แต่เป็นการหยุดเพื่ออธิบายเหตุการณ์ต่างๆก่อนการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์  และเป็นการตอบคำถามในข้อที่ 6.17 ว่า ผู้ใดจะทนอยู่ได้เล่าชี้ให้เห็นว่า คนเหล่านี้จะได้รับการอวยพรในสวรรค์หลังจากที่เขาผ่านการลองใจบนโลกแล้ว
(คน 144,000 คน จะถูกกล่าวถึงอีกครั้งใน วว 14.1-5 และ มวลชนผู้พลีชีพก็จะถูกกล่าวถึงอีกครั้งใน วว 20.4)
บทที่ 8   เริ่มต้นด้วยการแกะตราดวงที่เจ็ด ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดเผยถึงแตรทั้งเจ็ดคัน การพิพากษาของแตรก็จะเหมือนกับการพิพากษาของตราทั้งเจ็ด เป็นการพิพากษาเพียงบางส่วน เพราะยังไม่ถึงเวลาพิพากษาครั้งสุดท้ายและครบถ้วน
ตราดวงที่ 7  เมื่อแกะตรา ความเงียบปกคลุมสวรรค์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง (8.1-5)
                ครึ่งชั่วโมง à อาจจะหมายถึงช่วงเวลาสั้นๆ
-          ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ยืนอยู่หน้าพระที่นั่งได้รับพระราชทานแตรเจ็ดคัน
-          ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำ พระเจ้าทรงประทานเครื่องหอมให้ถวายพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งปวง  à ควันของเครื่องหอมลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐาน สู่พระพักตร์พระเจ้า คำอธิษฐานที่มาจากใจจริงจะขึ้นถึงเบื้องพระพักตร์พระเจ้าทันที พระเจ้าทรงรู้และเข้าใจถึงปัญหาของเรา
-          กระถางไฟทองคำที่มีคำอธิษฐานของธรรมิกชนเป็นกระถางอันเดียวกันกับที่ทูตสวรรค์นำไปบรรจุไฟและโยนลงบนแผ่นดินโลก ซึ่งทำให้เกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้องและแผ่นดินไหว แสดงว่าพลังแห่งการอธิษฐานสามารถชนะอำนาจแห่งความชั่วได้


No comments:

Post a Comment