สัปดาห์ที่ 7
ตราทั้งเจ็ด ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
วิวรณ์บทที่ 6 – บทที่ 16 แสดงนิมิต 3
ชุดที่พระเจ้าทรงพิพากษาความบาปของมนุษย์
ชุดที่ 1 ตราเจ็ดดวง (6.1-8.5)
ชุดที่ 2 แตรเจ็ดคัน (8.6-11.19)
ชุดที่ 3 ขันเจ็ดใบ (15.1-16.21)
ตราทั้งเจ็ด (6.1-8.5)
ขณะที่ตราแต่ละดวงถูกแกะออก
พระคริสต์ก็จะทรงเคลื่อนเหตุการณ์ซึ่งจะนำไปสู่สุดปลายของประวัติศาสตร์มนุษย์
หนังสือม้วนนี้จะยังเปิดไม่ครบถ้วนจนกว่าจะมีการแกะตราดวงที่เจ็ด
จะสังเกตเห็นว่า
ตราดวงที่หนึ่งถึงสี่เป็นผลแห่งความบาปของมนุษย์ เช่น การสู้รบ การสงคราม
การกันดารอาหาร เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้เคยพยากรณ์ไว้ใน
มัทธิว 24.6-9
ตราดวงที่หนึ่ง ยอห์นเห็นม้าสีขาว
ท่านผู้ขี่ม้านั้นถือธนูและสวมมงกุฎของผู้พิชิต (นายพลของโรมันจะขี่ม้าสีขาวหลังได้รับชัยชนะจากสงคราม)
หมายถึง ผู้ที่จะปกครองโลกในอนาคต (ปฏิปักษ์พระคริสต์ AntiChrist)
ผู้นี้อาจจะเป็นคนเดียวกันกับประมุขของประชาชนที่ดาเนียลได้พยากรณ์ไว้ใน
ดนล 9.26 ประมุของค์นี้มีคันธนูแต่ไม่มีลูกธนู ซึ่งแสดงว่า
สังคมโลกที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้นทำโดยปราศจากการสงครามหรือการต่อสู้
และจะเริ่มปกครองโลกด้วยสันติภาพ แต่ในไม่ช้าความพินาศก็จะตามมา (1 ธส 5.3)
(ผู้ที่ขี่ม้าขาวไม่ใช่พระเยซูคริสต์เหมือนกับที่หลายคนคิด
เพราะชัยชนะของพระองค์ไม่ได้อยู่ที่จุดเริ่มต้นนี้ และพระเยซูจะมีพระแสงไม่ใช่ธนู
น่าจะเป็นผู้ที่อ้างตัวเป็นพระคริสต์
และทำให้ดูเหมือนพระคริสต์โดยมาสร้างสันติภาพสู่โลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คริสเตียนทั่วโลกถูกรับไปแล้ว
คงจะเกิดความวุ่นวายมากมาย
และผู้ขี่ม้าขาวนี้ได้มาจัดการแก้ปัญหาต่างๆจนได้รับการยกย่องจากชาวโลก )
ตราดวงที่สอง มีผู้ขี่ม้าสีแดงสด เขามีอำนาจที่จะนำสันติสุขออกไปจากแผ่นดินโลก
จึงเกิดการรบราฆ่าฟันกัน พระเยซูคริสต์ได้พยากรณ์ไว้ใน มัทธิว 24.7 ‘ประชาชาติต่อประชาชาติ
ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน’
ผู้ที่ขี่ม้าถือดาบเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง
นี่คือภาพของอำนาจทางการเมืองที่แสดงว่าผู้ขี่ม้าเป็นผู้นำสูงสุดของโลก
จากสันติสุขที่ได้รับไม่นาน พระคริสต์จอมปลอมก็ได้แสดงธาตุแท้ของมันออกมา
โดยเปลี่ยนจากสันติสุขเป็นการรบราฆ่าฟันกัน
เปลี่ยนจากธนูที่ไม่มีลูกเป็นดาบใหญ่ที่พร้อมจะทำลาย สีแดงสด
เป็นสัญลักษณ์ของเลือดที่ไหลท่วมแผ่นดิน ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ประชาชนมีความรู้ในยุคโลกาภิวัตน์
มีเสรีประชาธิปไตย
ทำให้เกิดการรวมตัวและลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอำนาจเผด็จการของพระคริสต์จอมปลอม
จึงเกิดสงครามใหญ่จนเลือดท่วมแผ่นดิน
ตราดวงที่สาม มีผู้ขี่ม้าสีดำ
สีดำหมายถึงการกันดารอาหารที่เป็นผลพวงจากสงคราม อาหารไม่เพียงพอทำให้เกิดความอดอยากหิวโหยไปทั่วแผ่นดิน
มือถือตราชู หมายถึงการจำกัดส่วนแบ่งอาหาร ทำให้ราคาอาหารแพงขึ้น ‘ข้าวสาลีราคาทะนานละหนึ่งเหรียญเดนาริอัน’ ซึ่งเป็นค่าจ้างแรงงาน 1 วัน
แสดงว่าในช่วงที่กันดารอาหาร เงินค่าจ้าง 1 วันสามารถซื้อได้แค่ข้าวสาลีทะนานเดียวหรือข้าวบารลีย์
3 ทะนาน ถ้าซื้อข้าวสาลีเขาสามารถกินอิ่มได้เพียงมื้อเดียว หรือข้าวบารลีย์อิ่มได้
3 มื้อ โดยไม่มีเหลือพอที่จะซื้อน้ำมันและน้ำองุ่น ซึ่งการกันดารอาหารนี้เป็นสาเหตุหลักของการตายในช่วงเวลานั้น
น้ำมันและน้ำองุ่น เป็นภาพของเศรษฐกิจและความร่ำรวยซึ่งตรงข้ามกับความเป็นอยู่ของผู้คนในขณะนั้นที่กำลังอดอยาก
แต่ระบบเศรษฐกิจการค้านั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ต่อต้านพระคริสต์
ตราดวงที่สี่
มีม้าสีกะเลียวและผู้ขี่ม้านั้นมีนามว่ามัจจุราช
และแดนคนตายก็ติดตามเขามาด้วย (สีกะเลียว : สีเขียวหม่น, สีเหมือนหน้าของคนตาย)
นี่เป็นผลพวงจากสงครามและการกันดารอาหาร
เป็นสภาพของโลกหลังจากการแกะตรา 1 -
3 ความตายได้แผ่กระจายไปทั่ว เกิดการแย่งชิงอาหารเพื่อความอยู่รอด โรคระบาด
ความจริงที่น่าสะพรึงกลัวคือ การถูกล้างผลาญหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลก
**
จะเห็นว่าคนขี่ม้าทั้งสี่ได้รับฤทธิ์อำนาจให้ควบคุมอยู่เหนือหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลก
ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพระเจ้ายังคงจำกัดขอบเขต
การพิพากษาของพระองค์ยังไม่ครอบคลุมทั้งโลก
ยังมีเวลาให้ผู้ที่ยังไม่เชื่อหันมาหาพระคริสต์ ละทิ้งความบาปของตน
การพิพากษาในช่วงนี้ ไม่เพียงแสดงให้เห็นพระพิโรธของพระองค์ต่อความบาปเท่านั้น ยังแสดงให้เห็นถึงพระคุณความรักที่ทรงให้โอกาสมนุษย์ที่จะกลับใจใหม่อีกครั้งหนึ่งก่อนการพิพากษาใหญ่
**
ตราดวงที่ห้า ยอห์นเห็นวิวรณ์เกี่ยวกับสวรรค์
ความสนใจของเขาถูกเบนไปยังดวงวิญญาณใต้แท่นบูชา คือ
วิญญาณของผู้เชื่อที่ถูกฆ่าเพราะพระนามของพระเยซูคริสต์ในช่วงภัยพิบัติ
ที่เรียกร้องให้พระเจ้าทรงพิพากษาโลกนี้โดยเร็ว
พระองค์ทรงประทานเสื้อสีขาวให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นและทรงบอกให้รอคอยอีกหน่อย
จนกว่าจะครบจำนวนผู้ที่รอดตามที่กำหนดไว้ è
จะเห็นว่ายังมีผู้ที่ได้รับความรอดเพิ่มขึ้นในช่วงภัยพิบัติ
แต่มีจำนวนมากที่ต้องพลีชีพเพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์ คนทั่วไปอาจจะมองว่าพระเจ้าทรงลงโทษหนักเกินไป
แต่ในที่นี้เราจะเห็นว่า
วิญญาณของผู้ชอบธรรมเร่งเร้าให้พระเจ้าทรงพิพากษาโลกโดยเร็ว
(** ทำไมประทานเสื้อสีขาวให้ดวงวิญญาณ à แสดงว่าเมื่อผู้เชื่อเสียชีวิต
จะได้รับร่างกายชั่วคราว ??)
ตราดวงที่หก à การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
เมื่อแกะตราดวงที่หก
ได้เปลี่ยนฉากกลับมาเป็นภาพบนโลกนี้ เกิดแผ่นดินไหวใหญ่โต ที่ร้ายแรงกว่าคือ
ท้องฟ้า ดวงอาทิตย์กลับมืดดำ ดวงจันทร์วันเพ็ญกลายเป็นสีเลือด ดวงดาวตกจากท้องฟ้า
ท้องฟ้าหายไปเหมือนกับหนังสือม้วน ภูเขาและเกาะเคลื่อนจากที่ของมัน
ผู้ที่ไม่เชื่อจะรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่งเมื่อเห็นพระเจ้าผู้ทรงประทับบนพระที่นั่ง
จนร้องบอกให้ภูเขาและโขดหินล้มทับพวกเขา และขอให้ซ่อนเขาจากพระพิโรธของพระเจ้า
คำว่า ‘พระองค์’ ในข้อ 17 เป็นคำในรูปพหูพจน์
ซึ่งเป็นการแสดงถึงพระพิโรธขององค์ตรีเอกานุภาพ
‘ผู้ใดจะทนอยู่ได้เล่า??’ à
เป็นภาพความทุกขเวทนาครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก
เนื้อหาในบทที่
6 ได้ลบล้างความเชื่อที่ว่า พระเจ้าทรงเป็นความรัก จะไม่ทรงลงโทษความชั่วร้ายและคนบาป
แต่ในวันนั้นทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยที่แต่ก่อนไม่ยำเกรงพระเจ้า จะต้องเผชิญกับพระพิโรธของพระองค์
แต่ผู้ที่เป็นของพระคริสต์จะได้รับรางวัลแทนการลงโทษ
คุณเป็นของพระคริสต์หรือไม่
?? ถ้าเป็น
ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเหตุการณ์ในวาระสุดท้ายนี้
บทที่ 7 เป็นเหตุการณ์แทรกระหว่างการแกะตราดวงที่
6 และ 7
เราเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ห้ามลมทั้งสี่ทิศไม่ให้ทำร้ายโลก
à แสดงให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า
พระเจ้าทรงครอบครองอยู่เหนือสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ภัยพิบัติจากแตรและขันจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าพระองค์จะได้ประทับตราผู้รับใช้พระองค์จนครบจำนวน ในที่นี้ได้กล่าวถึงคน 2 กลุ่ม
1. ชนอิสราเอล 144,000 คน ข้อ 1-8 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก
ใครคือคน 144,000
คนนั้น
??
ชนอิสราเอลทั้ง
12 เผ่าๆละ 12000 คน
แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีใครแยกคนอิสราเอลแต่ละเผ่าได้
แต่พระเจ้าทรงรู้อย่างแน่นอนว่าใครอยู่เผ่าไหน จะเห็นว่าพระเจ้ายังทรงปกป้องอิสราเอลต่อไป
แม้ในยามที่อิสราเอลต้องรับทุกทรมานอย่างหนัก ตัวเลข 144,000 คือ 12*12*1000
อาจเป็นสัญลักษณ์ของความครบบริบูรณ์ ซึ่งหมายถึง
พระเจ้าจะทรงปกป้องคนที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ครบทุกคนไม่ตกหล่นแม้สักคนเดียว
การเอ่ยถึงเผ่าต่างๆในที่นี้แตกต่างจากลำดับ
12 เผ่าในพระคัมภีร์เดิม
** จะเห็นว่าเผ่าดานไม่มีรายชื่อปรากฏอยู่ด้วย
อาจจะเป็นไปได้ว่า
-
ดานเป็นงูพิษ (ปฐก 49.17)
ซึ่งเล็งถึงปฏิปักษ์ของพระคริสต์จะมาจากเผ่าดาน
-
ดานเป็นเผ่าแรกที่หันไปกราบไหว้รูปเคารพเมื่อเข้าไปอยู่ในแผ่นดินคนาอัน
(วนฉ 18.30)
** วว 7.5
ได้เอ่ยถึงเผ่ายูดาห์เป็นอันดับแรก ทั้งที่รูเบนเป็นบุตรหัวปีของยาโคบ (ปฐก 35.23)
เหตุเพราะรูเบนได้เสียสิทธิบุตรหัวปีไปเพราะรูเบนไปหลับนอนกับบิลฮาห์ภรรยาน้อยของยาโคบ
(ปฐก 35.22, 49.3-4)
ทำไมต้องประทับตรา ??
1.
เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ à กลุ่มคน
144,000 คน ได้รับการประทับตราจากพระเจ้าบนหน้าผากของเขา
2.
เพื่อปกป้องเขาไว้ à จะเห็นว่าใน
วว 9.4 วิญญาณชั่วจะทรมานคนที่ไม่มีตราประทับของพระเจ้า
2. มวลชนผู้พลีชีพ ข้อ 9-17 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนสวรรค์
-
คนมากมายเหลือคณานับจากคนทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติทุกภาษา
น่าจะเป็นกลุ่มคนเดียวกับในข้อ 6.9 แต่ในที่นี้เขาสวมเสื้อสีขาวและถือใบตาล
ซึ่งแสดงถึงชัยชนะอันชอบธรรม
คนเหล่านี้พูดเสียงดังถึงความรอดที่ได้รับจากพระเจ้าและพระเมษโปดก
ใครคือมวลชนผู้พลีชีพเหล่านี้ ??
-
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งใน 24
ได้บอกกับยอห์นว่า คนเหล่านี้คือคนที่มาจากความทุกขเวทนาครั้งใหญ่
เขาได้ชำระเสื้อผ้าของเขาในพระโลหิตของพระเยซูจนเสื้อผ้านั้นขาวสะอาด
เราจะเห็นว่า
คนเหล่านี้คือผู้พลีชีพเพื่อความเชื่อและได้รับความรอดในเหตุการณ์กลียุค
และได้รับสิทธิพิเศษคือได้ปรนนิบัติอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน
พวกเขาได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างดีจากพระเจ้า คือ เขาจะไม่หิวกระหายอีกเลย
แสงแดดและความร้อนจะไม่ส่องต้องตัวเขาอีกต่อไป เขาจะได้ดื่มน้ำพุแห่งชีวิต
และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา
** เหตุการณ์ในบทที่ 7 นี้
ไม่ใช่ความคืบหน้าของเรื่อง
แต่เป็นการหยุดเพื่ออธิบายเหตุการณ์ต่างๆก่อนการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ และเป็นการตอบคำถามในข้อที่ 6.17 ว่า ‘ผู้ใดจะทนอยู่ได้เล่า’ ชี้ให้เห็นว่า
คนเหล่านี้จะได้รับการอวยพรในสวรรค์หลังจากที่เขาผ่านการลองใจบนโลกแล้ว
(คน 144,000 คน จะถูกกล่าวถึงอีกครั้งใน
วว 14.1-5 และ มวลชนผู้พลีชีพก็จะถูกกล่าวถึงอีกครั้งใน วว 20.4)
บทที่ 8 เริ่มต้นด้วยการแกะตราดวงที่เจ็ด
ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดเผยถึงแตรทั้งเจ็ดคัน
การพิพากษาของแตรก็จะเหมือนกับการพิพากษาของตราทั้งเจ็ด
เป็นการพิพากษาเพียงบางส่วน เพราะยังไม่ถึงเวลาพิพากษาครั้งสุดท้ายและครบถ้วน
ตราดวงที่ 7 เมื่อแกะตรา
ความเงียบปกคลุมสวรรค์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง (8.1-5)
ครึ่งชั่วโมง
à อาจจะหมายถึงช่วงเวลาสั้นๆ
-
ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ยืนอยู่หน้าพระที่นั่งได้รับพระราชทานแตรเจ็ดคัน
-
ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำ
พระเจ้าทรงประทานเครื่องหอมให้ถวายพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งปวง à ควันของเครื่องหอมลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐาน
สู่พระพักตร์พระเจ้า คำอธิษฐานที่มาจากใจจริงจะขึ้นถึงเบื้องพระพักตร์พระเจ้าทันที
พระเจ้าทรงรู้และเข้าใจถึงปัญหาของเรา
-
กระถางไฟทองคำที่มีคำอธิษฐานของธรรมิกชนเป็นกระถางอันเดียวกันกับที่ทูตสวรรค์นำไปบรรจุไฟและโยนลงบนแผ่นดินโลก
ซึ่งทำให้เกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้องและแผ่นดินไหว
แสดงว่าพลังแห่งการอธิษฐานสามารถชนะอำนาจแห่งความชั่วได้
No comments:
Post a Comment