สัปดาห์ที่ 6
การนมัสการในสวรรค์และหนังสือม้วน ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
วิวรณ์
บทที่ 4 - 5
สิ่งที่ได้บันทึกไว้ในบที่ที่ 4
เป็นต้นไป
เป็นเหตุการณ์ที่พระคริสต์ทรงสำแดงแก่ยอห์นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การวิวรณ์ถึงอนาคตเปิดฉากด้วยนิมิตบนสวรรค์ (บทที่ 4-5)
ซึ่งพระคริสต์ทรงเชื้อเชิญให้ยอห์นขึ้นไปรับการสำแดงจากพระองค์
นิมิตตอนนี้เป็นนิมิตเพื่อหนุนใจคริสเตียนที่กำลังผ่านความทุกข์ยากลำบากก่อนที่จะถึงภาพแห่งการพิพากษาในบทที่
6 เป็นต้นไป
คำว่า ‘ต่อจากนั้น’ ในบางฉบับแปลว่า ‘หลังจากสิ่งเหล่านี้’
บอกถึงลำดับต่อไปหลังจากจดหมายถึงคริสตจักรเลาดีเซีย
(นักตีความพระคัมภีร์บางกลุ่มเชื่อว่า ช่วงนี้เป็นเวลาที่คริสตจักรถูกรับขึ้นไป)
1. ประตูที่เปิดในสวรรค์
(4.1) โดยทางประตูนี้ยอห์นสามารถเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสวรรค์
ภาพท้องพระโรงและพระที่นั่งที่พระเจ้าทรงประทับอยู่
ยอห์นคงต้องการสื่อให้เราเห็นสวรรค์และความงดงาม พระสิริของพระเจ้า
เพื่อจะมีความมั่นใจ ไม่ตกใจกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในการพิพากษาในอนาคต
**
สำหรับคริสเตียนเมื่อได้เปิดประตูใจต้อนรับพระเยซู ประตูสวรรค์ก็เปิดอ้าเพื่อต้อนรับเขาเช่นกัน
2. พระที่นั่งในสวรรค์
(4.2-3)
เมื่อได้ยินเสียงตรัสเรียกเชื้อเชิญ
ยอห์นได้รับการดลใจจากพระวิญญาณ (หรือ
ยอห์นอยู่ในพระวิญญาณ ใช้ 4 ครั้งในพระธรรมวิวรณ์ 1.10, 4.2, 17.3, 21.10)
ซึ่งหมายความว่ายอห์นถูกรับขึ้นไปในสวรรค์แม้ร่างกายยังคงอยู่ที่เกาะปัทมอส
เขาเห็นพระที่นั่งใหญ่ ที่มีพระเจ้าประทับอยู่ ยอห์นไม่ได้เห็นพระเจ้าแต่ได้บรรยายพระลักษณะของพระเจ้าเป็นปรากฏการณ์ความสว่างที่สวยงาม
(1 ทม 6.16)
-
แก้วมณีโชติ è มณีใส
ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ (แก้วประดับชิ้นสุดท้ายในชุดของปุโรหิต)
-
ทับทิม è มีสีแดง
แสดงถึงความชอบธรรมและการพิพากษา (แก้วประดับชิ้นแรกในชุดปุโรหิต)
อพยพ 28.17-21
-
มากต , รุ้ง è สีเขียวเป็นสีแห่งชีวิต, รุ้ง
แสดงถึงความสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญา (ปฐก 9.11-17)
3. ผู้อาวุโสทั้ง 24 คน
นุ่งห่มขาว สวมมงกุฎทองคำ
- เป็นตัวแทนของบรรพชนของอิสราเอล 12 เผ่า และอัครทูต 12 คน
รวมเป็นผู้รับการไถ่แล้วของทั้ง 2 ยุค
- นุ่งห่มขาว è
แสดงถึงความบริสุทธิ์
- มงกุฎทองคำ è
สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและเกียรติยศ ซึ่งเป็นคำเดียวกับ มงกุฎแห่งความชอบธรรมที่ เปาโลรอคอย (2 ทธ 4.8)
**
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของผู้เชื่อทั้งหมดในโลกที่ถูกรับขึ้นไป
คือผู้ที่ได้ชัยชนะและได้รับรางวัล
4.
ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ถูกใช้ในพระธรรมวิวรณ์ 8 ครั้ง (4.5, 6.1, 8.5, 11.19,
14.2, 16.18, 19.6) เป็นสัญลักษณ์ถึงพระพิโรธของพระเจ้าต่อความบาป เป็นสิ่งที่บอกถึงความน่าหวั่นเกรงต่อการสนองโทษแก่ศัตรูของความเชื่อ
เมื่อพระคัมภีร์กล่าวถึงฟ้าแลบ ฟ้าร้อง มักจะมาพร้อมกับการพิพากษา
5.
วิญญาณทั้งเจ็ด หมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณแห่งความสมบูรณ์
6.
ทะเลแก้วผลึก ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ขวางกั้นระหว่างพระเจ้ากับประชาชนของพระองค์ เราไม่ได้เห็นพระเจ้าโดยตรง แต่รู้จักพระเจ้าเป็นอย่างไรโดยผ่านทางผู้ใกล้ชิดพระองค์
(คือผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่และผู้มีชีวิตทั้งสี่) เช่นเดียวกัน คนรอบข้างจะเห็นพระเจ้าได้ก็โดยมองผ่านทางชีวิตของเรา
7.
สัตว์ทั้งสี่ คำนี้อาจทำให้เราเข้าใจผิด เพราะทั้งสี่ไม่ใช่สัตว์
ควรจะแปลว่า ผู้มีชีวิตทั้งสี่ ซึ่งอาจจะเป็นทูตสวรรค์พวกหนึ่งที่เป็นตัวแทนของธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น
*
สิงห์ è ความเข้มแข็ง พระบารมีและฤทธานุภาพ
*
โค è พระราชกิจที่ซื่อสัตย์และอดทน
*
มนุษย์ è พระฉายาของพระเจ้า พระปัญญา
*
อินทรีย์ è
การครอบครองสูงสุดของพระเจ้า
- มีหกปีก มีตาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (ดู
เสราฟีม ในอิสยาห์ 6.2 และเหล่า เครูบ ใน เอเสเคียล 10.15)
*
ปีกคู่ที่ 1 è การแสดงความเคารพ
คารวะ
*
ปีกคู่ที่ 2 è แสดงความถ่อมใจ
*
ปีกคู่ที่ 3 è การปฎิบัติตามทันทีต่อพระบัญชา
8.
การนมัสการในสวรรค์ (4.9-11)
ผู้ที่มีชีวิตทั้งสี่เป็นพวกที่นำการนมัสการพระเจ้าตลอดเวลา ไม่มีหยุดพัก
นมัสการ แปลว่า ‘การจุมพิตไปถึง’ ท่าทีการนมัสการของทั้งยี่สิบสี่เป็นท่าทีที่ถูกต้องในการนมัสการ
จริงอยู่ เราไม่ต้องกราบถึงดินทุกครั้งที่เราอธิษฐานและนมัสการพระเจ้า
แต่จิตใจของเราควรมีท่าทีที่ยอมทุกอย่าง
การจุบในที่นี้เป็นกิริยาแสดงถึงความรักและการอุทิศตัว
- เหตุผลของการนมัสการ è
เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และทรงครอบครองสิ่งที่ทรงสร้างให้อยูตามชอบพระทัยพระองค์
ทรงบริสุทธิ์ที่สุด ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ทรงเป็นผู้ดำรงอยู่ในกาลก่อน
ในปัจจุบันและผู้จะเสด็จมา
-
ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ก้มกราบลงต่อพระที่นั่งของพระเจ้า
ถอดมงกุฎของตนออกวางไว้ต่อพระที่นั่งและสรรเสริญพระองค์ เนื่องเพราะพระองค์ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ในการสร้าง
พระองค์เท่านั้นที่สมควรรับการสรรเสริญ
**
ในบทนี้เราสามารถสรุปได้ว่า พระองค์ทรงเป็นอยู่นิรันดร์กาล พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง
พระองค์ทรงพิทักษ์ คุ้มครองคนของพระองค์ พระองค์ทรงพิพากษาและลงโทษผู้ที่ไม่เชื่อ
**
ยอห์นได้หนุนความกล้าหาญต่อคริสเตียนที่ถูกข่มเหงในเอเชียน้อยในศตวรรษแรก
และหนุนแก่คริสเตียนทุกยุคทุกสมัยในความลำบากซึ่งเป็นแต่เพียงชั่วคราว
เพราะพระเจ้าทรงพิทักษ์คุ้มครองและทรงทอดพระเนตรเราอยู่
หนังสือม้วนที่ประทับตราเจ็ดดวง (บทที่ 5)
หนังสือม้วน คำภาษากรีกใช้คำว่า ‘biblion’ เป็นรากศัพท์ของคำว่า
พระคัมภีร์ หรือ Bible ในภาษาอังกฤษ
-
เนื้อความในหนังสือม้วนซึ่งเขียนไว้ทั้งข้างในข้างนอกจนเต็ม
แสดงถึงแผนการของพระเจ้าที่สมบูรณ์ ไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งใดอีก
สมบูรณ์แล้วและสิ้นสุดแล้ว
-
ตราประทับเจ็ดดวง ในศตวรรษแรก พระราชโองการของอาณาจักรโรมจะต้องมีตราประทับและจะต้องให้ผู้มีสิทธิแกะตราประทับแล้วจึงจะเริ่มอ่าน
หนังสือม้วนมีตราประทับถึง 7 ดวง
แสดงถึงความลับที่ไม่มีใครรู้ถึงที่สุดปลายของมนุษยชาติ
เป็นสิ่งที่พระเจ้าจะจัดการกับโลก แต่โลกไม่อาจรู้ได้
-
ไม่มีผู้สมควรแกะตราและคลี่หนังสือม้วน
1.
ทั้งในสวรรค์ è
เหล่าทูตสวรรค์ที่ไม่มีความบาป
2.
บนแผ่นดินโลก è
มนุษย์ทั้งโลก แม้แต่ผู้ที่มีคุณธรรมสูง
3.
ใต้แผ่นดินโลก è มนุษย์ที่ชอบธรรมที่ตายไปแล้วในอดีต
-
ทำไมยอห์นจึงร้องไห้ ??(หลั่งน้ำตาไม่หยุด)
è
การแกะตราและคลี่หนังสือม้วนออกเป็นการทำให้แผนการณ์ของพระเจ้าดำเนินต่อไปจนสำเร็จ
หากไม่มีการแกะตราก็จะไม่มีการปกป้องผู้เชื่อจากความทุกข์ลำบากที่จะมีมาถึง
จะไม่มีการพิพากษาคนชั่วคนบาป ผู้เชื่อก็เหมือนกับไม่มีความหวังอะไรเลย
-
สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ เชื้อสายของดาวิด(ข้อ 5) è การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูนั้น
จะเป็นดั่งสิงห์ที่ทรงสง่าราศี เต็มด้วยสิทธิอำนาจสูงสุดแห่งการพิพากษา
(พระเยซูถูกเรียกว่าสิงห์ครั้งเดียวในวิวรณ์)
เพราะเหตุนี้พระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจที่จะนำประวัติศาสตร์โลกไปถึงจุดจบได้
***
แล้วเราจะยอมให้พระเยซูทรงนำและเปิดอนาคนส่วนตัวของเราไหม ??
-
พระเมษโปดกทรงเป็นผู้สมควร (ข้อ 6) è แปลว่า แกะหนุ่มตัวเล็ก
ใช้คำนี้ถึง 27 ครั้งในวิวรณ์ การเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นดั่งลูกแกะ
ได้รับชัยชนะโดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่โทษมวลมนุษย์จากความบาป
1.
เขาเจ็ดเขา è ทรงสิทธิอำนาจที่สมบูรณ์
(เขาแสดงถึงพลัง 1 พกษ 22.11)
2.
ตาเจ็ดดวง è ทรงความรอบรู้ที่สมบูรณ์
3.
วิญญาณทั้งเจ็ด è
พระวิญญาณบริสุทธิ์และการทรงสถิตที่สมบูรณ์
-
สัตว์ทั้งสี่(ผู้มีชีวิตทั้งสี่)และผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คน
ถือขันทองคำบรรจุเครื่องหอมซึ่งเป็นคำอธิษฐานของธรรมมิกชนทั้งปวง
พระธรรมข้อนี้เป็นที่หนุนใจเราให้อธิษฐาน
เพราะ
1.
คำอธิษฐานของผู้เชื่อนั้นหอมหวานและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
2.
พระเจ้าทรงใช้คำอธิษฐานเหล่านี้ในการกระทำพระราชกิจในโลกนี้
-
5.9-10 เป็นบทเพลงใหม่สรรเสริญพระเยซูคริสต์
เป็นการเน้นว่าพระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้สมควรแกะตราเพราะ
1.
เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์พระองค์ทรงถูกปลงพระชนม์แล้วในวันหนึ่งเมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว
2.
พระองค์ได้ทรงไถ่คนจากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกประเทศโดยพระโลหิตของพระองค์เอง
(ฉบับ KJV
แปลตอนนี้ว่า
พระองค์ทรงไถ่เรา.........และทรงทำให้เราเป็น.............)
3.
พระองค์ทรงให้เราเป็นพลเมืองในอาณาจักรของพระองค์
โดยพระองค์เป็นเจ้าเหนือชีวิต
4.
ข่าวประเสริฐแห่งความรอดและชีวิตนิรันดร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วัฒนธรรม
เชื้อชาติหรือประเทศใดโดยเฉพาะ
ใครก็ตามที่มาหาพระเจ้าด้วยการกลับใจเสียใหม่และด้วยความเชื่อ
พระองค์ทรงยอมรับและให้เป็นบุตรของพระองค์ อย่าให้อคติหรือความลำเอียงทำให้เราไม่ประกาศพระคริสต์
-
5.11-14
เหล่าทูตสวรรค์ร้องสรรเสริญพระเมษโปดกว่า พระองค์สมควรกับสิทธิอำนาจ
เกียรติยศ พระสิริและคำสดุดี และสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในสวรรค์ ในแผ่นดินโลก
ใต้แผ่นดิน ในมหาสมุทรและทุกสิ่งต่างก็ร้องสรรเสริญพระองค์
**
ยอห์นได้พยายามบรรยายว่า พระเยซูคริสต์ทรงสมบูรณ์ที่สุดในการรับคำสรรเสริญ
อาเมน เป็นคำยืนยันว่า ขอให้เป็นเช่นนั้น
นิมิตบนสวรรค์ในบทที่
4 และ 5
ได้เตรียมเวทีให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดตามมา คือ การแกะตราทั้งเจ็ดดวง
จากสิ่งที่ยอห์นได้บรรยายนั้น เห็นได้ชัดว่าสวรรค์มีจริง ไม่มีเป็นเพียงจินตนาการของเราเท่านั้น
บทที่
4 และ 5 สำแดงถึงสง่าราศีที่มนุษย์ไม่อาจจะพรรณนาได้
และพระบารมีที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของพระเจ้าผู้ทรงประทับในสวรรค์
หลังจากนี้จะเป็นการสำแดงถึงฤทธิ์อำนาจในการครอบครองสูงสุดของพระเจ้า
ซึ่งสำแดงออกด้วยการพิพากษาโลกอันชั่วร้ายที่จมปรักอยู่ในความบาปและการหมิ่นประมาทพระเจ้า
ถึงแม้ว่าเวลานี้ผู้เชื่อจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษที่จะมีส่วนในนิมิตของยอห์น
แต่เราสามารถแน่ใจและหวังได้ว่า
ทุกสิ่งที่ได้ปรากฏในพระคัมภีร์ซึ่งสำแดงถึงสง่าราศีและความอัศจรรย์แห่งฉากสวรรค์
....................................................................................................สักวันหนึ่งเราจะได้เห็นด้วยตาของเราเอง..
No comments:
Post a Comment