Monday, December 14, 2015

การนมัสการในสวรรค์และหนังสือม้วน

สัปดาห์ที่ 6  การนมัสการในสวรรค์และหนังสือม้วน          ชั้น พระธรรมวิวรณ์ คริสตจักรพลับพลา
วิวรณ์ บทที่ 4 - 5
                สิ่งที่ได้บันทึกไว้ในบที่ที่ 4 เป็นต้นไป เป็นเหตุการณ์ที่พระคริสต์ทรงสำแดงแก่ยอห์นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การวิวรณ์ถึงอนาคตเปิดฉากด้วยนิมิตบนสวรรค์ (บทที่ 4-5) ซึ่งพระคริสต์ทรงเชื้อเชิญให้ยอห์นขึ้นไปรับการสำแดงจากพระองค์ นิมิตตอนนี้เป็นนิมิตเพื่อหนุนใจคริสเตียนที่กำลังผ่านความทุกข์ยากลำบากก่อนที่จะถึงภาพแห่งการพิพากษาในบทที่ 6 เป็นต้นไป
                คำว่า ต่อจากนั้น ในบางฉบับแปลว่า หลังจากสิ่งเหล่านี้ บอกถึงลำดับต่อไปหลังจากจดหมายถึงคริสตจักรเลาดีเซีย (นักตีความพระคัมภีร์บางกลุ่มเชื่อว่า ช่วงนี้เป็นเวลาที่คริสตจักรถูกรับขึ้นไป)
                1. ประตูที่เปิดในสวรรค์ (4.1) โดยทางประตูนี้ยอห์นสามารถเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสวรรค์ ภาพท้องพระโรงและพระที่นั่งที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ ยอห์นคงต้องการสื่อให้เราเห็นสวรรค์และความงดงาม พระสิริของพระเจ้า เพื่อจะมีความมั่นใจ ไม่ตกใจกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในการพิพากษาในอนาคต
                    ** สำหรับคริสเตียนเมื่อได้เปิดประตูใจต้อนรับพระเยซู ประตูสวรรค์ก็เปิดอ้าเพื่อต้อนรับเขาเช่นกัน
                2. พระที่นั่งในสวรรค์ (4.2-3)
                    เมื่อได้ยินเสียงตรัสเรียกเชื้อเชิญ ยอห์นได้รับการดลใจจากพระวิญญาณ     (หรือ ยอห์นอยู่ในพระวิญญาณ ใช้ 4 ครั้งในพระธรรมวิวรณ์ 1.10, 4.2, 17.3, 21.10) ซึ่งหมายความว่ายอห์นถูกรับขึ้นไปในสวรรค์แม้ร่างกายยังคงอยู่ที่เกาะปัทมอส เขาเห็นพระที่นั่งใหญ่ ที่มีพระเจ้าประทับอยู่ ยอห์นไม่ได้เห็นพระเจ้าแต่ได้บรรยายพระลักษณะของพระเจ้าเป็นปรากฏการณ์ความสว่างที่สวยงาม (1 ทม 6.16)
-          แก้วมณีโชติ è มณีใส ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ (แก้วประดับชิ้นสุดท้ายในชุดของปุโรหิต)
-          ทับทิม è มีสีแดง แสดงถึงความชอบธรรมและการพิพากษา (แก้วประดับชิ้นแรกในชุดปุโรหิต)
                            อพยพ 28.17-21
-          มากต , รุ้ง è สีเขียวเป็นสีแห่งชีวิต, รุ้ง แสดงถึงความสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญา (ปฐก 9.11-17)
3. ผู้อาวุโสทั้ง 24 คน นุ่งห่มขาว สวมมงกุฎทองคำ
    - เป็นตัวแทนของบรรพชนของอิสราเอล 12 เผ่า และอัครทูต 12 คน รวมเป็นผู้รับการไถ่แล้วของทั้ง 2 ยุค
    - นุ่งห่มขาว è แสดงถึงความบริสุทธิ์
    - มงกุฎทองคำ è สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและเกียรติยศ ซึ่งเป็นคำเดียวกับ มงกุฎแห่งความชอบธรรมที่    เปาโลรอคอย (2 ทธ 4.8)
               ** ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของผู้เชื่อทั้งหมดในโลกที่ถูกรับขึ้นไป คือผู้ที่ได้ชัยชนะและได้รับรางวัล
                4. ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ถูกใช้ในพระธรรมวิวรณ์ 8 ครั้ง (4.5, 6.1, 8.5, 11.19, 14.2, 16.18, 19.6) เป็นสัญลักษณ์ถึงพระพิโรธของพระเจ้าต่อความบาป เป็นสิ่งที่บอกถึงความน่าหวั่นเกรงต่อการสนองโทษแก่ศัตรูของความเชื่อ เมื่อพระคัมภีร์กล่าวถึงฟ้าแลบ ฟ้าร้อง มักจะมาพร้อมกับการพิพากษา
                5. วิญญาณทั้งเจ็ด หมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณแห่งความสมบูรณ์
                6. ทะเลแก้วผลึก ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ขวางกั้นระหว่างพระเจ้ากับประชาชนของพระองค์  เราไม่ได้เห็นพระเจ้าโดยตรง แต่รู้จักพระเจ้าเป็นอย่างไรโดยผ่านทางผู้ใกล้ชิดพระองค์ (คือผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่และผู้มีชีวิตทั้งสี่) เช่นเดียวกัน คนรอบข้างจะเห็นพระเจ้าได้ก็โดยมองผ่านทางชีวิตของเรา
                7. สัตว์ทั้งสี่ คำนี้อาจทำให้เราเข้าใจผิด เพราะทั้งสี่ไม่ใช่สัตว์ ควรจะแปลว่า ผู้มีชีวิตทั้งสี่ ซึ่งอาจจะเป็นทูตสวรรค์พวกหนึ่งที่เป็นตัวแทนของธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น
                                * สิงห์ è ความเข้มแข็ง พระบารมีและฤทธานุภาพ
                                * โค è พระราชกิจที่ซื่อสัตย์และอดทน
                                * มนุษย์ è พระฉายาของพระเจ้า พระปัญญา
                                * อินทรีย์ è การครอบครองสูงสุดของพระเจ้า
                      - มีหกปีก มีตาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (ดู เสราฟีม ในอิสยาห์ 6.2 และเหล่า เครูบ ใน เอเสเคียล 10.15)
                                * ปีกคู่ที่ 1 è การแสดงความเคารพ คารวะ
                                * ปีกคู่ที่ 2 è แสดงความถ่อมใจ
                                * ปีกคู่ที่ 3 è การปฎิบัติตามทันทีต่อพระบัญชา
                8. การนมัสการในสวรรค์ (4.9-11) ผู้ที่มีชีวิตทั้งสี่เป็นพวกที่นำการนมัสการพระเจ้าตลอดเวลา ไม่มีหยุดพัก
                 นมัสการ แปลว่า การจุมพิตไปถึง ท่าทีการนมัสการของทั้งยี่สิบสี่เป็นท่าทีที่ถูกต้องในการนมัสการ จริงอยู่ เราไม่ต้องกราบถึงดินทุกครั้งที่เราอธิษฐานและนมัสการพระเจ้า แต่จิตใจของเราควรมีท่าทีที่ยอมทุกอย่าง การจุบในที่นี้เป็นกิริยาแสดงถึงความรักและการอุทิศตัว
 - เหตุผลของการนมัสการ è เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และทรงครอบครองสิ่งที่ทรงสร้างให้อยูตามชอบพระทัยพระองค์ ทรงบริสุทธิ์ที่สุด ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ทรงเป็นผู้ดำรงอยู่ในกาลก่อน ในปัจจุบันและผู้จะเสด็จมา
                     - ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ก้มกราบลงต่อพระที่นั่งของพระเจ้า ถอดมงกุฎของตนออกวางไว้ต่อพระที่นั่งและสรรเสริญพระองค์ เนื่องเพราะพระองค์ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ในการสร้าง พระองค์เท่านั้นที่สมควรรับการสรรเสริญ
                ** ในบทนี้เราสามารถสรุปได้ว่า พระองค์ทรงเป็นอยู่นิรันดร์กาล พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง พระองค์ทรงพิทักษ์ คุ้มครองคนของพระองค์ พระองค์ทรงพิพากษาและลงโทษผู้ที่ไม่เชื่อ
                ** ยอห์นได้หนุนความกล้าหาญต่อคริสเตียนที่ถูกข่มเหงในเอเชียน้อยในศตวรรษแรก และหนุนแก่คริสเตียนทุกยุคทุกสมัยในความลำบากซึ่งเป็นแต่เพียงชั่วคราว เพราะพระเจ้าทรงพิทักษ์คุ้มครองและทรงทอดพระเนตรเราอยู่

หนังสือม้วนที่ประทับตราเจ็ดดวง (บทที่ 5)
                หนังสือม้วน คำภาษากรีกใช้คำว่า ‘biblion’ เป็นรากศัพท์ของคำว่า พระคัมภีร์ หรือ Bible ในภาษาอังกฤษ
-          เนื้อความในหนังสือม้วนซึ่งเขียนไว้ทั้งข้างในข้างนอกจนเต็ม แสดงถึงแผนการของพระเจ้าที่สมบูรณ์ ไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งใดอีก สมบูรณ์แล้วและสิ้นสุดแล้ว
-          ตราประทับเจ็ดดวง ในศตวรรษแรก พระราชโองการของอาณาจักรโรมจะต้องมีตราประทับและจะต้องให้ผู้มีสิทธิแกะตราประทับแล้วจึงจะเริ่มอ่าน หนังสือม้วนมีตราประทับถึง 7 ดวง แสดงถึงความลับที่ไม่มีใครรู้ถึงที่สุดปลายของมนุษยชาติ เป็นสิ่งที่พระเจ้าจะจัดการกับโลก แต่โลกไม่อาจรู้ได้
-          ไม่มีผู้สมควรแกะตราและคลี่หนังสือม้วน
1.        ทั้งในสวรรค์ è เหล่าทูตสวรรค์ที่ไม่มีความบาป
2.        บนแผ่นดินโลก è มนุษย์ทั้งโลก แม้แต่ผู้ที่มีคุณธรรมสูง
3.        ใต้แผ่นดินโลก è มนุษย์ที่ชอบธรรมที่ตายไปแล้วในอดีต
-          ทำไมยอห์นจึงร้องไห้ ??(หลั่งน้ำตาไม่หยุด) è การแกะตราและคลี่หนังสือม้วนออกเป็นการทำให้แผนการณ์ของพระเจ้าดำเนินต่อไปจนสำเร็จ หากไม่มีการแกะตราก็จะไม่มีการปกป้องผู้เชื่อจากความทุกข์ลำบากที่จะมีมาถึง จะไม่มีการพิพากษาคนชั่วคนบาป ผู้เชื่อก็เหมือนกับไม่มีความหวังอะไรเลย
-          สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ เชื้อสายของดาวิด(ข้อ 5) è การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูนั้น จะเป็นดั่งสิงห์ที่ทรงสง่าราศี เต็มด้วยสิทธิอำนาจสูงสุดแห่งการพิพากษา (พระเยซูถูกเรียกว่าสิงห์ครั้งเดียวในวิวรณ์) เพราะเหตุนี้พระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจที่จะนำประวัติศาสตร์โลกไปถึงจุดจบได้
*** แล้วเราจะยอมให้พระเยซูทรงนำและเปิดอนาคนส่วนตัวของเราไหม ??
-          พระเมษโปดกทรงเป็นผู้สมควร (ข้อ 6) è แปลว่า แกะหนุ่มตัวเล็ก ใช้คำนี้ถึง 27 ครั้งในวิวรณ์ การเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นดั่งลูกแกะ ได้รับชัยชนะโดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่โทษมวลมนุษย์จากความบาป
1.        เขาเจ็ดเขา è ทรงสิทธิอำนาจที่สมบูรณ์ (เขาแสดงถึงพลัง 1 พกษ 22.11)
2.        ตาเจ็ดดวง è ทรงความรอบรู้ที่สมบูรณ์
3.        วิญญาณทั้งเจ็ด è พระวิญญาณบริสุทธิ์และการทรงสถิตที่สมบูรณ์
-          สัตว์ทั้งสี่(ผู้มีชีวิตทั้งสี่)และผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คน ถือขันทองคำบรรจุเครื่องหอมซึ่งเป็นคำอธิษฐานของธรรมมิกชนทั้งปวง
พระธรรมข้อนี้เป็นที่หนุนใจเราให้อธิษฐาน เพราะ
1.        คำอธิษฐานของผู้เชื่อนั้นหอมหวานและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
2.        พระเจ้าทรงใช้คำอธิษฐานเหล่านี้ในการกระทำพระราชกิจในโลกนี้
-          5.9-10 เป็นบทเพลงใหม่สรรเสริญพระเยซูคริสต์ เป็นการเน้นว่าพระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้สมควรแกะตราเพราะ
1.        เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์พระองค์ทรงถูกปลงพระชนม์แล้วในวันหนึ่งเมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว
2.        พระองค์ได้ทรงไถ่คนจากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกประเทศโดยพระโลหิตของพระองค์เอง (ฉบับ KJV แปลตอนนี้ว่า พระองค์ทรงไถ่เรา.........และทรงทำให้เราเป็น.............)
3.        พระองค์ทรงให้เราเป็นพลเมืองในอาณาจักรของพระองค์ โดยพระองค์เป็นเจ้าเหนือชีวิต
4.        ข่าวประเสริฐแห่งความรอดและชีวิตนิรันดร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วัฒนธรรม เชื้อชาติหรือประเทศใดโดยเฉพาะ ใครก็ตามที่มาหาพระเจ้าด้วยการกลับใจเสียใหม่และด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงยอมรับและให้เป็นบุตรของพระองค์ อย่าให้อคติหรือความลำเอียงทำให้เราไม่ประกาศพระคริสต์
-          5.11-14  เหล่าทูตสวรรค์ร้องสรรเสริญพระเมษโปดกว่า พระองค์สมควรกับสิทธิอำนาจ เกียรติยศ พระสิริและคำสดุดี และสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในสวรรค์ ในแผ่นดินโลก ใต้แผ่นดิน ในมหาสมุทรและทุกสิ่งต่างก็ร้องสรรเสริญพระองค์
** ยอห์นได้พยายามบรรยายว่า พระเยซูคริสต์ทรงสมบูรณ์ที่สุดในการรับคำสรรเสริญ
     อาเมน เป็นคำยืนยันว่า ขอให้เป็นเช่นนั้น
                นิมิตบนสวรรค์ในบทที่ 4 และ 5  ได้เตรียมเวทีให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดตามมา คือ การแกะตราทั้งเจ็ดดวง จากสิ่งที่ยอห์นได้บรรยายนั้น เห็นได้ชัดว่าสวรรค์มีจริง ไม่มีเป็นเพียงจินตนาการของเราเท่านั้น
                บทที่ 4 และ 5 สำแดงถึงสง่าราศีที่มนุษย์ไม่อาจจะพรรณนาได้ และพระบารมีที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของพระเจ้าผู้ทรงประทับในสวรรค์ หลังจากนี้จะเป็นการสำแดงถึงฤทธิ์อำนาจในการครอบครองสูงสุดของพระเจ้า ซึ่งสำแดงออกด้วยการพิพากษาโลกอันชั่วร้ายที่จมปรักอยู่ในความบาปและการหมิ่นประมาทพระเจ้า
                ถึงแม้ว่าเวลานี้ผู้เชื่อจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษที่จะมีส่วนในนิมิตของยอห์น แต่เราสามารถแน่ใจและหวังได้ว่า ทุกสิ่งที่ได้ปรากฏในพระคัมภีร์ซึ่งสำแดงถึงสง่าราศีและความอัศจรรย์แห่งฉากสวรรค์
                ....................................................................................................สักวันหนึ่งเราจะได้เห็นด้วยตาของเราเอง..

No comments:

Post a Comment