สัปดาห์ที่ 1 แนะนำพระธรรมวิวรณ์ ชั้น พระธรรมวิวรณ์
คริสตจักรพลับพลา
1. นำเข้าสู่พระธรรมวิวรณ์
หนังสือปฐมกาลเป็นพระธรรมเล่มแรกในพระคริสตธรรมคัมภีร์
ซึ่งเป็นการเปิดฉากจุดเริ่มต้นของมนุษยชาติและโลกใบนี้ ส่วนหนังสือวิวรณ์เป็นพระธรรมเล่มสุดท้ายในพระคริสตธรรมคัมภีร์
และได้ปิดฉากมนุษยชาติและโลกใบนี้เช่นเดียวกัน
ในพันธสัญญาใหม่ได้เริ่มต้นด้วยพระกิตติคุณทั้ง
4 เล่ม ซึ่งเป็นเรื่องราวการเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซูคริสต์
และหนังสือวิวรณ์ได้ปิดท้ายพันธสัญญาใหม่ด้วยเรื่องการเสด็จมาครั้งที่ 2
ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นบทสรุปของคำพยากรณ์มากมายในพันธสัญญาเดิมที่ยังไม่สำเร็จ
และได้สำเร็จสมบูรณ์ในพระธรรมวิวรณ์นี่เอง (ดูตาราง 1)
2. ความหมายของวิวรณ์
วิวรณ์ หมายถึง การสำแดง หรือ
การเปิดเผย
หนังสือวิวรณ์เป็นการเปิดเผยถึงแผนการของพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ต่อคริสตจักรทั้งหลาย
เป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับยุคสุดท้าย
แท้ที่จริงคริสเตียนในทุกยุคทุกสมัยต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์
หนังสือวิวรณ์จึงเหมาะที่สุดสำหรับคริสเตียนที่ต้องการจะเข้าใจถึงแผนการของพระเจ้า
3. ผู้เขียน
คำขึ้นต้นในหนังสือวิวรณ์ได้บอกอย่างชัดเจนว่า ยอห์น เป็นผู้เขียน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1
จนถึงปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า ยอห์น บุตรเศเบดี 1 ใน 12
อัครสาวกของพระเยซู เป็นผู้เขียนจากการดลใจของพระเจ้า ท่านเรียกตัวเองว่าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
เป็นพี่น้องและเพื่อนร่วมการยากลำบากกับคริสตชน
โดยท่านได้ตกเป็นเชลยเพราะการประกาศเรื่องของพระเยซูคริสต์และถูกส่งไปที่เกาะปัทมอส
(1.1,9) ยอห์นรู้จักและคุ้นเคยกับคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชียเป็นอย่างดีและได้เขียนถึงพวกเขาด้วยสิทธิอำนาจที่ได้รับจากพระเจ้า
4. จุดประสงค์
ยอห์นเขียนพระธรรมเล่มนี้เพื่อหนุนใจคริสเตียนที่กำลังเผชิญการข่มเหงอย่างหนักจากลัทธิบูชาจักรพรรดิ
เนื่องจากในขณะนั้นอาณาจักรโรมันได้เริ่มบังคับให้อาณาจักรกราบไหว้บูชาจักรพรรดิเป็นเทพเจ้า
สำหรับคริสเตียนที่เชื่อถือว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ยอมกราบไหว้
ก็ต้องเผชิญกับการข่มเหงอย่างรุนแรง ยอห์นจึงได้เขียนพระธรรมเล่มนี้
เพื่อหนุนใจให้คริสเตียนยืนหยัดมั่นคงในสถานการณ์ที่ถูกคุกคามจากลัทธิบูชาจักรพรรดิ ท่านได้แนะนำผู้เชื่อว่าฉากสุดท้ายระหว่างพระเจ้ากับซาตานใกล้เข้ามาแล้ว
ซาตานจะยิ่งเพิ่มการข่มเหงต่อคนของพระเจ้า
ซึ่งพวกเขาต้องยืนหยัดอดทนแม้อาจจะต้องตาย
พวกเขาได้รับการป้องกันอันตรายฝ่ายวิญญาณและจะมีชัยชนะอย่างเด็ดขาด
เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาคนชั่วร้ายจะถูกทำลายนิรันดร์
คนของพระเจ้าจะเข้าสู่สง่าราศีถาวรนิรันดร์เช่นกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ
อดทนและยึดความเชื่อไว้ให้มั่น
นอกจากนั้นยอห์นยังได้เขียนเป็นลักษณะคำพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
พระธรรมวิวรณ์จึงเป็นพระธรรมที่สำคัญสำหรับผู้เชื่อ
คือ
1.
พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นใน ปฐมกาล 1-3 จะสำเร็จครบบริบูรณ์ตาม
วิวรณ์ 20-22 เพราะทั้งในหนังสือปฐมกาลและวิวรณ์ต่างกล่าวถึงต้นไม้แห่งชีวิต
โลกที่ปราศจากบาป และพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับประชากรของพระองค์
2.
วิวรณ์เขียนขึ้นสำหรับคริสตจักรเล็กและอ่อนแอที่มีอยู่ในสมัยนั้น
ซึ่งกำลังเผชิญกับการสอนผิดภายในคริสตจักรเองและกำลังถูกข่มเหงจากภายนอก
สภาพของคริสตจักรหลายแห่งในปัจจุบันก็มีลักษณะคล้ายกับคริสตจักรในสมัยนั้น
3.
เป็นการสำแดงของพระเจ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์หลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย
4. มีคำสัญญาว่า
ผู้ที่อ่านและเชื่อฟังจะได้รับพระพรและความยินดี
5. ผู้รับ
พระธรรมวิวรณ์ได้เขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชีย
(1.4)
เนื่องจากจุดที่ตั้งของคริสตจักรทั้งเจ็ดนั้นตั้งอยู่บนเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆได้สะดวก
เราจึงพอจะมองเห็นได้ว่า
ยอห์นมีความตั้งใจที่จะให้คริสตจักรทั้งเจ็ดแห่งเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อพระธรรมฉบับนี้ไปยังคริสตจักรในเมืองอื่นๆ
ทำให้ไม่มีข้อสงสัยใดๆว่า พระธรรมเล่มนี้แท้จริงแล้วก็เขียนเพื่อคริสตจักรทั้งหมด
เนื่องจากว่าการข่มเหงนั้นเกิดขึ้นทั่วไป
6. เวลาทีเขียน
ขณะที่เขียนนั้นพวกคริสตชนในแคว้นเอเชียกำลังถูกข่มเหง
รับความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น (1.9, 17.6) ตั้งแต่ราว
ค.ศ.64 เป็นต้นมา จักรพรรดิเนโรได้ข่มเหงคริสเตียนทั่วอาณาจักรโรมัน
และเชื่อกันว่าทั้งอัครสาวกเปโตรและอัครทูตเปาโลก็ถูกประหารในช่วงนี้
แต่นักพระคัมภีร์ส่วนใหญ่เชื่อว่ายอห์นเขียนพระธรรมวิวรณ์ในสมัยของ
จักรพรรดิโดมิเทียน (คศ.81-96) จักรพรรดิองค์นี้ได้ตั้งพระนามของพระองค์ว่า
‘พระผู้ช่วยให้รอด’ และ ‘จอมเจ้านาย’
มีรูปของจักรพรรดิตั้งอยู่ทั่วอาณาจักรโรมัน
ประชาชนถูกบังคับให้ถวายเครื่องบูชาต่อรูปนั้น
และต้องกราบไหว้จักรพรรดิเป็นจอมเจ้านาย คริสเตียนถูกประหารชีวิตเป็นจำนวนมาก
บ้างก็ถูกทรมาน บ้างก็ถูกจับไปเป็นเชลยตามแคว้นต่างๆทั่วอาณาจักรโรมัน (โครินธ์
8.6) เนื่องจากการยืนหยัดไม่ยอมกราบไหว้บูชาจักรพรรดิ
เพราะพวกเขานมัสการพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว คริสตจักรที่กล่าวถึงในบทที่ 2-3
นั้นเป็นสภาพคริสตจักรที่ก่อตั้งมานานแล้ว
จึงมีความเชื่อว่ายอห์นได้เขียนพระธรรมเล่มนี้ในปี ค.ศ.95 ที่เกาะปัทมอส
ซึ่งท่านถูกเนรเทศไปอยู่ที่นั่นเนื่องจากการประกาศพระเยซูคริสต์ของท่าน
7. ลักษณะพิเศษของพระธรรมวิวรณ์
1.
ภาษาเต็มไปด้วยภาพพจน์และสัญลักษณ์ แตกต่างจากพระธรรมเล่มอื่นๆ
2.
เต็มไปด้วยนิมิตต่างๆมากมาย มีส่วนคล้ายกับพระธรรมเอเสเคียลและแดเนียล
3.
กล่าวถึงแผนการของพระเจ้าบางประการที่พระธรรมเล่มอื่นๆไม่ได้กล่าวถึง เช่น
3.1
การที่พระเจ้าเสด็จกลับมาครองโลกนี้โดยฤทธานุภาพของพระองค์ และทำให้โลกนี้กลายเป็นอาณาจักรของพระองค์
(11.15)
3.2
การมาของแผ่นดินของพระเจ้า ที่มาโดยผู้มีชัยชนะ (12.10)
ในขณะที่พระธรรมเล่มอื่นๆกล่าวว่า แผ่นดินของพระเจ้าได้นำมาแล้วโดยพระเยซู (มธ
12.28, ลก 17.21)
ในด้านหนึ่งแผ่นดินของพระเจ้าอยู่กับผู้เชื่อแล้วซึ่งก็คือคริสตจักร แต่อีกด้านหนึ่งแผ่นดินของพระเจ้าจะมาพร้อมกับผู้ที่มีชัยชนะ
4.
แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงฤทธานุภาพปกครองเหนือสรรพสิ่ง
ทรงมีแผนการที่ดีและจะนำทุกสิ่งให้สำเร็จตามที่ทรงกำหนดไว้ พระคริสต์กับผู้ที่มีชัยชนะจะครอบครองนานาประเทศในอาณาจักรพันปี
(2.26-27, 12.5, 20.4-6)
5.
คริสตจักรเป็นคันประทีปที่ส่องสว่างและที่สุดจะเป็นกรุงเยรูซาเล็มใหม่
6.
คำกริยาและคำบรรยายไม่ได้ใช้คำในรูปของอนาคต แต่ใช้เป็นอดีต
แสดงว่าสิ่งที่บันทึกนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ในสายพระเนตรพระเจ้ามันเป็นอดีตแล้ว
แผนงานของพระเจ้าเกิดขึ้นสำเร็จแล้ว
7.
นิมิตและเหตุการณ์ต่างๆในพระธรรมวิวรณ์ไม่ได้เกิดขึ้นตามลำดับก่อนหลังทุกอย่าง บางคนกล่าวว่า เพราะท่านยอห์นเป็นคนตะวันออก
(เอเชีย) จึงไม่ได้สนใจเรื่องลำดับเวลามากนัก
8.
อ้างอิงพระคัมภีร์เดิมมากถึง 285 ข้อ (พระธรรมมัทธิวอ้างถึง 92 ข้อ,
พระธรรมฮีบรูอ้างถึง 102 ข้อ)
9.
หมายเลข ‘7’ ถูกใช้อย่างมากจนเป็นที่สะดุดตา
10.
เป็นพระธรรมเล่มเดียวที่มีคำสัญญาว่า จะให้พรแก่คนที่อ่าน ฟัง
และถือรักษาข้อความที่เขียนไว้นี้ (1.3)
แต่แช่งสาปผู้ที่ตัดหรือเพิ่มเติมข้อความอื่นใดเข้าไป (22.19)
8. วิธีการศึกษาพระธรรมวิวรณ์
พระธรรมวิวรณ์เป็นหนังสือพิเศษซึ่งเป็นลักษณะของการพยากรณ์
โดยเห็นนิมิต ภาพพจน์และหมายสำคัญต่างๆ ซึ่งยากที่คำของมนุษย์จะสามารถอธิบายได้
ยอห์นคงมีความต้องการที่จะให้คริสเตียนเข้าใจโดยที่ฝ่ายศัตรูไม่เข้าใจ
เพราะคริสตจักรในสมัยนั้นกำลังประสบกับการข่มเหงอย่างรุนแรง
และพระธรรมวิวรณ์ได้เปิดเผยให้คริสเตียนได้เห็นขบวนการแห่งชัยชนะของพระเจ้าเหนืออำนาจทั้งหลายของโลก
รวมทั้งอำนาจของซาตาน เราจึงจำเป็นต้องหาหลักการตีความหมายที่ถูกต้อง
8.1 ต้องพิจารณาด้วยว่าสิ่งที่ยอห์นอ้างเกี่ยวกับนิมิต
ภาพพจน์และหมายสำคัญต่างๆนั้น มีเบื้องหลังจากหนังสือในพระคัมภีร์เดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดาเนียล เอเสเคียล
เศคาริยาห์ ดังนั้นจึงจำเป็นที่ผู้ศึกษาจะต้องศึกษาพระธรรมเล่มดังกล่าวควบคู่ไปด้วย
ตีความหมายให้ต่อเนื่องกันและมีความเป็นเอกภาพ (2 ปต 1.20-21)
8.2
ให้พระคัมภีร์อธิบายความหมายของพระคัมภีร์เอง
ไม่ยกข้อหนึ่งข้อใดมาแปลโดดๆโดยไม่สัมพันธ์กับพระธรรมเล่มอื่น
โดยเฉพาะพระธรรมวิวรณ์นั้นเกี่ยวพันกับพระธรรมเล่มอื่นมากหลายเล่ม
8.3
ควรจะตีความหมายตามตัวอักษรก่อนอื่นใด โดยพิจารณาบริบทของพระคัมภีณ์ตอนนั้นๆ
ทั้งข้อความที่นำหน้าและตามหลัง เพื่อให้การตีความถูกต้องและไม่ขัดแย้งกับพระธรรมอื่นๆ
8.4
ภาพสัญลักษณ์ต่างๆในพระธรรมวิวรณ์มีมากมาย แต่ละอย่างก็มีความหมายเฉพาะ
จึงควรค้นหาความหมายตามแนวทางของพระคัมภีร์ให้มากที่สุด
ไม่ควรนำความรู้ความเข้าใจภายนอกมาทำให้ความหมายจริงเขวไป
ภาพเปรียบเทียบหรือสัญลักษณ์มีเพื่อให้เกิดความคิดและความเข้าใจ
ไม่ใช่เพื่อให้จินตนาการ เช่น วว 12.3 มีพญานาคใหญ่สีแดงตัวหนึ่งมีเจ็ดหัวสิบเขา
และที่เจ็ดหัวนั้นมีมงกุฎเจ็ดอัน เราไม่สามารถที่จะนึกภาพนั้นออก
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือความหมายของนิมิตนั้น พญานาคใหญ่สีแดงได้แก่มารซาตาน
ซึ่งมีฤทธิ์อำนาจและสติปัญญาในการปกครองโดยเลียนแบบการปกครองของพระเจ้า
ภาพสัญลักษณ์ต่างๆเป็นเหมือนรหัสลับที่ผู้รับจดหมายจะเข้าใจได้ทันที แต่ศัตรูจะนึกถึงความหมายไม่ออก
และคริสเตียนในสมัยนี้ก็คงจะเข้าใจยากเช่นกัน
แต่เมื่อใกล้จะสิ้นยุคบางอย่างจะสื่อควาหมายชัดเจนยิ่งขึ้นขึ้น
8.5
เรื่องเกี่ยวกับวันเวลาควรตีความหมายตามตัวอักษร
8.6
บางครั้งมีตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ เช่น
เลข 7
หมายถึง ความสมบูรณ์ จำนวนที่สมบูรณ์
เลข 6
หมายถึง มนุษย์ (13.18 ปฏิปักษ์ของพระคริสต์มีเลข 666)
เลข 3
หมายถึง พระเจ้า ตรีเอกานุภาพ
เลข 12 หมายถึง
คนของพระเจ้า เช่น อิสราเอล 12 เผ่า
สาวก 12 คน
9. โครงเรื่องของพระธรรมวิวรณ์
1.
คำนำ (บทที่ 1.1-8)
1.1
บทนำ บทที่
1.1-3
1.2
คำขอบคุณ บทที่
1.4-8
2.
พระเยซูท่ามกลางคริสตจักรทั้งเจ็ด บทที่
1.9-20
3.
จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด (บทที่ 2-3)
3.1
คริสตจักรเอเฟซัส บทที่
2.1-7
3.2
คริสตจักรสเมอร์นา บทที่
2.8-11
3.3
คริสตจักรเปอร์กามัม บทที่
2.12-17
3.4
คริสตจักรธิยาทิรา บทที่
2.18-29
3.5
คริสตจักรซาร์ดิส บทที่
3.1-6
3.6
คริสตจักรฟิลาเดลเฟีย บทที่
3.7-13
3.7
คริสตจักรเลาดีเซีย บทที่
3.14-22
4.
พระที่นั่ง – หนังสือม้วน และพระเมษโปดก (บทที่ 4-5)
4.1
พระที่นั่งในสวรค์ บทที่
4
4.2
หนังสือม้วนที่มีตราประทับเจ็ดดวง บทที่
5.1-5
4.3
พระเมษโปดก บทที่
5.6-14
5. ตราทั้งเจ็ด
(บทที่ 6.1-8.1)
5.1
ตราดวงที่หนึ่ง - ม้าสีขาว บทที่
6.1-2
5.2
ตราดวงที่สอง – ม้าสีแดง บทที่
6.3-4
5.3
ตราดวงที่สาม - ม้าสีดำ บทที่
6.5-6
5.4
ตราดวงที่สี่ – ม้าสีกะเลียว(สีหม่น) บทที่
6.7-8
5.5
ตราดวงที่ห้า – วิญญาณใต้แท่นบูชา บทที่
6.9-11
5.6
ตราดวงที่หก – แผ่นดินไหวใหญ่ บทที่
6.12-17
5.7
การประทับตราคน 144,000 คน บทที่
7.1-8
5.8
มวลชนจากทุกประชาชาติ บทที่
7.9-17
5.9
ตราดวงที่เจ็ด – ความเงียบในสวรรค์ บทที่
8.1
6.
แตรทั้งเจ็ด (บทที่
8.2-11-19)
6.1
คำนำ บทที่
8.2-5
6.2
แตรคันที่หนึ่ง – ลูกเห็บและไฟปนด้วยเลือด บทที่
8.6-7
6.3
แตรคันที่สอง – ภูเขาใหญ่ถูกทิ้งลงทะเล บทที่
8.8-9
6.4
แตรคันที่สาม – ดาวใหญ่เป็นเปลวไฟ บทที่
8.10-11
6.5
แตรคันที่สี่ – ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวถูกทำลาย บทที่
8.12-13
6.6
แตรคันที่ห้า – ภัยพิบัติจากตั๊กแตน บทที่ 9.1-12
6.7
แตรคันที่หก – การปลดปล่อยทูตสวรรค์ 4 องค์ บทที่
9.13-21
6.8
ทูตสวรรค์และหนังสือม้วนเล็ก บทที่
10
6.9
พยานทั้งสอง บทที่
11.1-14
6.10
แตรคันที่เจ็ด – การพิพากษาและบำเหน็จรางวัล บทที่
11.15-19
7.
บุคคลและเหตุการณ์ต่างๆ (บทที่ 12-14)
7.1 ผู้หญิงและพญานาค บทที่
12
7.2 สัตว์ร้ายสองตัว บทที่
13
7.3 พระเมษโปดกและคน 144,000 คน บทที่ 14.1-5
7.4 การเก็บเกี่ยวแผ่นดินโลก บทที่
14.6-20
8.
ขันแห่งพระพิโรธทั้งเจ็ด (บทที่ 15-16)
8.1 บทนำ –
บทเพลงของโมเสสและทูตสวรรค์ บทที่
15
8.2 ขันใบที่หนึ่ง – แผล
ฝีร้ายทั้งตัว บทที่
16.1-2
8.3 ขันใบที่สอง –
ทะเลกลายเป็นเลือด บทที่
16.3
8.4 ขันใบที่สาม –
แม่น้ำและน้ำพุกลายเป็นเลือด บทที่
16.4-7
8.5 ขันใบที่สี่ –
ดวงอาทิตย์คลอกมนุษย์ด้วยไฟ บทที่
16.8-9
8.6 ขันใบที่ห้า –
ความมืด บทที่
16.10-11
8.7 ขันใบที่หก –
แม่น้ำยูเฟรติสแห้ง บทที่
16.12-16
8.8 ขันใบที่เจ็ด –
แผ่นดินไหวอย่างร้ายแรง บทที่
16.17-21
9. บาบิโลน –
หญิงแพศยาคนสำคัญ (บทที่ 17.1-19.5)
9.1 คำบรรยายถึงกรุงบาบิโลน บทที่
17
9.2 การล่มสลายของบาบิโลน บทที่
18
9.3
คำสรรเสริญพระเจ้าเพราะบาบิโลนล่มสลาย บทที่
19.1-5
10.
คำสรรเสริฐในงานสมรสของพระเมษโปดก บทที่
19.6-10
11.
การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ บทที่
19.11-21
12. ยุคพันปี บทที่
20.1-6
13. จุดจบของซาตาน บทที่
20.7-10
14.
การพิพากษาที่พระที่นั่งใหญ่สีขาว บทที่
20.11-15
15. สวรรค์ใหม่
แผ่นดินโลกใหม่ เยรูซาเล็มใหม่ บทที่
21.1-22.5
16. สรุป บทที่
22.6-21
ตาราง 1 ข้อเปรียบเทียบ ปฐมกาล 3 บทแรก และ วิวรณ์ 3
บทสุดท้าย
ปฐมกาล บทที่ 1-3
|
วิวรณ์ บทที่ 20-22
|
ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน
(1.1)
|
ข้าพเจ้าได้เห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
(21.1)
|
พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่าวันและความมืดนั้นว่าคืน
(1.5)
|
จะไม่มีเวลากลางคืนในนครนั้นเลย
(21.25)
|
พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง (ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์) (1.16)
|
นครนั้นไม่ต้องการแสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
(21.23)
|
เพราะวันใดที่เจ้าขืนกิน
เจ้าจะต้องตายแน่
การไม่เชื่อฟังนำมาซึ่งความตาย (2.17)
|
ความตายจะไม่มีอีกต่อไป (21.4)
|
ซาตานได้ปรากฏเป็นผู้ล่อลวงมนุษย์
(3.1)
|
ซาตานไม่ปรากฏอีกตลอดชั่วนิรันดร์
(20.10)
|
มลทินแห่งบาปได้เข้ามาในสวน (3.6-7)
|
นครที่มลทินบาปจะเข้าไปไม่ได้เลย
(21.27)
|
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าขาดสะบั้น
(3.8-10)
|
มนุษย์ได้กลับคืนดีกับพระเจ้าชั่วนิรันดร์
(21.3)
|
ชัยชนะเริ่มแรกของงู (ซาตาน) (3.13)
|
ชัยชนะสูงสุดของพระเมษโปดก
(20.10,22.3)
|
ความทุกข์ลำบากจะเพิ่มขึ้นมากมาย
(3.13)
|
ความตาย การคร่ำครวญ
การร้องไห้และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป (21.4)
|
แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะตัวเจ้า
(3.17)
|
จะไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป
(22.5)
|
อำนาจการปกครองของมนุษย์สูญเสียไปเพราะความล้มเหลวของมนุษย์คนแรก
(3.19)
|
อำนาจการปกครองของมนุษย์จะกลับคืนมาใหม่
โดยการครอบครองของพระคริสต์ (22.5)
|
สวรรค์แห่งแรกถูกปิด (3.23)
|
สวรรค์แห่งใหม่เปิดออก (21.25)
|
มนุษย์ถูกตัดสิทธิ์การรับมรดกเพราะอาดาม
(3.24)
|
มนุษย์ได้รับรับสิทธิ์รับมรดกคืนมาเพราะพระคริสต์
(22.14)
|
เขาถูกขับไล่ให้พ้นพระพักตร์พระเจ้า
(3.24)
|
เขาจะได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์
(22.4)
|
No comments:
Post a Comment