1.
เบื้องหลังการเขียน
1.1 ผู้เขียน มีหลักฐานหลายประการที่แสดงว่าอัครฑูตเปโตรเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้
1.
คำขึ้นต้นจดหมายแสดงตัวว่าเปโตรเป็นผู้เขียน (1.1)
2.
ศาสนศาสตร์ในพระธรรม 1 เปโตรมีความคล้ายคลึงกับคำเทศนาของเปโตรในพระธรรมกิจการมาก
- ศาสนศาสตร์เรื่องยุคพระมาซีฮา กิจการ 2.14-16,
3.12-26, 4.8-12,10.34-43, 1 ปต 1.3,10-12,4.7
- การบังเกิด –
การตาย และ การเป็นขึ้นของพระคริสต์ เป็นการสำเร็จตามคำพยากรณ์ของพระคัมภีร์เดิม กิจการ 2.20-31,
3.13-14, 10.43
-
เป็นโอกาสที่มนุษย์จะกลับใจและรับการอภัย รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
และพระสัญญาแห่งชีวิตนิรันดร์ กิจการ 2.38-39, 3.19, 5.31, 10.43, 1 ปต 1.13-25,
2.1-3, 4.1-5
3.
เปโตรเขียนผ่านทางสิลวานัส (5.12)
สิลวานัสคนนี้อาจจะเป็นคนเดียวกับสิลาสในพระธรรมกิจการ 15.22
และคนเดียวกับสิลวานัสที่เปาโลเอ่ยถึงในจดหมายของท่าน
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่เปโตรซึ่งเป็นชาวประมงไม่มีความรู้ในภาษากรีกมากพอ ได้ให้สิลวานัสแก้ไขภาษาของเขาให้สละสลวย
หรือไม่ก็คงให้สิลวานัสเขียนจดหมายฉบับนี้ตามคำบอกของเปโตร
ซึ่งแนวความคิดเป็นของเปโตรแต่ลีลาการเขียนเป็นของสิลวานัส ดังนั้นจดหมาย 1 เปโตรจึงมีภาษากรีกที่ไพเราะ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังเป็นจดหมายของเปโตร
1.2 จุดประสงค์ เปโตรมีจุดประสงค์เพื่อ
1.
หนุนใจคริสเตียนที่ได้รับการข่มเหง
โดยย้ำให้รู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตย์อยู่ด้วยกับพวกเขาท่ามกลางสภาพที่เลวร้ายนั้น
ท้าทายให้พวกเขาอดทนแม้ถูกเอาเปรียบและเข้าใจผิด
หนุนใจว่าความทุกข์ยากที่เขาได้รับจากเพื่อนบ้านที่ไม่เชื่อพระเจ้า
หรือจากทางการก็ดี เป็นเหมือนการทดสอบที่มาจากพระเจ้าเพื่อทดสอบความเชื่อ
2.
หนุนใจว่าคริสเตียนจะได้เห็นและได้รับพระสิริของพระเจ้าในอนาคตที่มากกว่าการทนทุกข์ในโลกนี้
3.
หนุนใจว่าพระเจ้าจะทรงปกป้องพวกเขาไว้ตลอดเวลาในขณะที่ทนทุกข์อยู่
4.
หนุนใจให้มองดูพระเยซูเป็นแบบอย่างและความหวังในการทนทุกข์
5.
หนุนใจให้คริสเตียนถ่อมใจและนบนอบต่อผู้ปกครองบ้านเมืองที่ยุติธรรมต่อพวกเขา
6.
หนุนใจให้มีความรักและห่วงใยซึ่งกันและกันในท่ามกลางความทุกข์นั้น
และให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องขณะที่ถูกทดลองอย่างหนัก
1.3
ผู้รับ ในบทที่ 1.1 เปโตรเขียนถึงคริสเตียนที่กระจัดกระจายใน
5 แคว้น ได้แก่ ปอนทัส กาลาเทีย คัปปาโดเซีย เอเซีย และบิธิเนีย
1.
แคว้นทั้ง 5 ที่กล่าวถึงตั้งอยู่ในเอเชียไมเนอร์
ดังนั้นจดหมายนี้เขียนถึงคริสเตียนในเอเชียไมเนอร์
2.
คริสเตียนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ
3.
เนื้อหาในจดหมายไม่ได้กล่าวถึงข้อขัดแย้งเกี่ยวกับธรรมบัญญัติเหมือนจดหมายยากอบ
แต่เป็นปัญหาที่เกิดกับคริสเตียนต่างชาติและการดำเนินชีวิตตามวิถีเก่าก่อนที่เขาจะรู้จักพระเจ้า
4.
ชื่อที่เปโตรใช้คือ ‘เปโตร’ ซึ่งเป็นชื่อภาษากรีก
ซึ่งใช้กับคนต่างชาติมากกว่าคนยิว เพราะในหมู่คนยิวเขาจะใช้ชื่อว่า ‘ซีโมน’ ส่วนเปาโลเรียกเขาว่า ‘เคฟาส’
1.4 เวลาที่เขียน ในบทที่ 5.13 มีข้อความว่า ‘คริสตจักรที่เมืองบาบิโลน....ฝากความคิดถึงมายังท่าน’
‘เมืองบาบิโลน’ ในที่นี้หมายถึงกรุงโรม
การที่เปโตรใช้คำที่เป็นภาษาสัญลักษณ์อาจเป็นเพราะเวลานั้นจักรพรรดิ์เนโรแห่งจักรวรรดิ์โรมันกำลังข่มเหงคริสเตียนอย่างมาก
จึงมีความเชื่อว่าเปโตรเขียนจดหมายฉบับนี้ที่กรุงโรม ในระหว่าง ค.ศ.64-67
ซึ่งเป็นช่วงที่จักรพรรดิ์เนโรปกครองอยู่
1.5
ลักษณะพิเศษ
เปโตรอาจจะเป็นอัครสาวกของพระเยซูที่เรารู้จักกันดีที่สุด
เปโตรมีบุคคลิกภาพที่ชอบแสดงออก
ด้วยเหตุนี้บทบาทของท่านจึงมักโดดเด่นดังที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ใหม่
(ชื่อเปโตรปรากฏมากกว่า 150 ครั้งในพระคัมภีร์ใหม่)
เปโตรกับน้องชายคืออันดรูว์เป็นชาวประมงหาปลาอยู่ที่ทะเลกาลิลี
ท่านได้ทิ้งอาชีพและติดตามพระเยซูตลอดระยะเวลา 3 ปีที่พระเยซูทำพระราชกิจในโลกนี้
หลังจากที่พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตายและเสด็จสู่สวรรค์แล้ว
เปโตรกลายเป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญต่อคริสตจักรสมัยแรกเป็นอย่างมาก
ท่านเป็นผู้นำพระกิตติคุณสู่คนยิว สู่สะมาเรียและสู่คนต่างชาติ
เปโตรแต่งงานแล้วและอาจเป็นไปได้ที่ภรรยาของท่านร่วมเดินทางด้วยในการประกาศพระกิตติคุณ
(1 คร 9.5)
เปโตรมีบทบาทสำคัญในการอภิปรายปัญหาเมื่อมีการประชุมผู้นำที่กรุงเยรูซาเล็ม (กจ
15) แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นแล้วเราไม่พบชื่อของท่านในหนังสือกิจการอีกเลย
อาจเป็นเพราะว่าหลังจากการประชุมนั้นแล้ว เปโตรได้ออกประกาศนอกดินแดนปาเลสไตน์และทั้ง
5 เมืองในเขตแดนเอเชียไมเนอร์ ดังปรากฏใน 1 เปโตร 1.1 และบางทีอาจจะไปถึงกรุงโรม
และถูกประหารชีวิตที่นั่น
1.
เป็นจดหมายที่เขียนขึ้นเพื่อที่จะให้กำลังใจคริสเตียนที่กำลังเผชิญการข่มเหงอย่างหนัก
ให้อดทนต่อการทดลองอันเป็นเหมือนการทดสอบความเชื่อ
2.
เป็นจดหมายที่ท้าทายให้ดำเนินชีวิตท่ามกลางการถูกข่มเหง
ถ้าใครถูกข่มเหงเพราะเป็นคริสเตียนก็ให้อดทน แต่อย่าให้ใครถูกลงโทษเพราะการทำชั่ว
อันจะเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติพระเจ้า
3.
เป็นจดหมายที่หนุนใจคริสเตียนให้ถ่อมใจยอมอยู่ใต้กฏหมายบ้านเมือง ในช่วงนั้นคริสเตียนถูกข่มเหงจากทางการ
แต่เปโตรก็หนุนใจให้คริสเตียนเชื่อฟังและอยู่ใต้ผู้ปกครองบ้านเมือง
และให้ถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ์ อันเป็นท่าทีที่เหมาะสมของคริสเตียน
4.
เป็นจดหมายที่ให้กำลังใจคริสเตียนให้อดทน โดยมองดูพระเยซูเป็นตัวอย่าง
พระองค์ผ่านความทุกข์มามากเพื่อเรา และขณะเดียวกันท่านก็ชี้ให้เห็นว่า
พี่น้องคริสเตียนทั่วโลกก็ประสบปัญหาเหมือนที่พวกเขาเป็นอยู่
2.
โครงเรื่องของพระธรรม 1 เปโตร
1. คำทักทาย บทที่
1.1-2
2. คำสรรเสริญสำหรับพระคุณและความรอด บทที่
1.3-12
3.
คำหนุนใจให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ (บทที่ 1.13-5.11)
3.1
ข้อเรียกร้องของความบริสุทธิ์ บทที่
1.13-2.3
3.2
ฐานะของผู้เชื่อ (บทที่ 2.4-12)
ก.
เป็นวิหารฝ่ายวิญญาณ บทที่
2.4-8
ข.
เป็นประชากรที่เลือกสรร บทที่
2.9-10
ค.
เป็นผู้อาศัยในโลกชั่วคราว บทที่
2.11-12
3.3 การยอมอยู่ใต้สิทธิอำนาจ
(บทที่ 2.13-3.7)
ก.
ยอมอยู่ใต้ผู้ปกครองบ้านเมือง บทที่
2.13-17
ข.
ยอมอยู่ใต้การปกครองของเจ้านาย บทที่
2.18-20
ค.
ตัวอย่างการยอมจำนนของพระคริสต์ บทที่
2.21-25
ง.
ภรรยายอมอยู่ใต้การปกครองของสามี บทที่
3.1-6
จ.
หน้าที่ของสามีต่อภรรยา บทที่
3.7
3.4
หน้าที่ของทุกคน บทที่
3.8-17
3.5
แบบอย่างของพระคริสต์ บทที่
3.18-4.6
3.6
การดำเนินชีวิตวาระสิ้นยุค บทที่
4.7-11
3.7
การดำเนินชีวิตของผู้ที่ทนทุกข์เพื่อพระคริสต์ บทที่
4.12-19
3.8
การดำเนินชีวิตของผู้อาวุโส บทที่ 5.1-4
3.9
การดำเนินชีวิตของคนหนุ่ม บทที่
5.5-11
4. จุดประสงค์ของจดหมาย บทที่
5.12
5. คำทักทายส่งท้าย บทที่
5.13-14
3.
บทสรุป
จงอดทนต่อความทุกข์ทรมานโดยมีท่าทีเช่นเดียวกับที่พระคริสต์มี
ให้ลองจินตนาการดูสถานการณ์ต่อไปนี้
สามีซึ่งไม่เป็นคริสเตียนเมากลับมาบ้าน
เขาคาดหวังว่าภรรยาซึ่งเป็นคริสเตียนและทำงานนอกบ้านมาทั้งวันแล้ว
จะทำอาหารเย็นเตรียมไว้และล้างจานให้เรียบร้อยแล้ว เขายังบอกอีกว่าจะไปร่วมกลุ่มอธิษฐานไม่ได้จนกว่าจะทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อย
และเป็นเช่นนี้มาตลอด 12 ปีของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
เขายังห้ามเธอพาลูกชายคนเดียวไปโบสถ์ด้วย ถ้าหญิงคนนี้มาขอคำแนะนำจากคุณ
คุณจะบอกเธอว่าอย่างไร
คำตอบนั้นเห็นจะง่ายมาก
สามารถสรุปได้คือ ให้ประพฤติการดี (3.6)
คือให้ยอมเชื่อฟังสามี (3.1-2) คำแนะนำนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก
เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ยากมาก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
แต่อยู่ที่ว่าจะทำเป็นเวลาปีแล้วปีเล่าได้อย่างไร แต่เธอก็มีความหวัง
ไม่ใช่หวังในสถานการณ์ตอนนี้ แต่ในศักดิ์ศรีนิรันดร์ในอนาคต (1.7-8, 11)
จงประพฤติการดี
ไม่ใช่ทำสิ่งที่เอาตัวรอดได้ ไม่ใช่ทำสิ่งที่คนอื่นทำกัน
ไม่ใช่ทำสิ่งที่สามัญสำนึกบอกว่าควรทำ ไม่ใช่ทำสิ่งที่สะดวกจะทำ
ไม่ใช่ทำสิ่งที่ทำง่ายๆ ไม่ใช่ทำสิ่งที่ดูดี แต่ประพฤติการดี นี่คือ
การอดทนต่อความทุกข์ทรมานโดยมีท่าทีเช่นเดียวกับพระเยซูคริสต์มี
No comments:
Post a Comment