Monday, November 4, 2013

จงเข้มแข็งและกล้าหาญ


มนุษย์เราทุกคนล้วนแต่ต้องการอยากให้มีใครสักคนหนึ่งอยู่เคียงข้าง ปกป้อง ดูแลและช่วยเหลือ บางคนแสวงหาพระ   สิ่งศักดิ์สิทธิ์   บางคนก็พกพาไปไหนมาไหนด้วย บางคนห้อยคอ บางคนทำหิ้งบูชาไว้ที่บ้าน แต่สำหรับเราทั้งหลายที่เป็นผู้เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เรามีพระเจ้าประทับอยู่ในชีวิตของเรา ในจิตใจ ในวิญญาณของเรา พี่น้องบางคนก็อาจจะห้อยกางเขน อาจจะเพื่อความโก้เก๋หรือมีจุดประสงค์ในการที่จะบอกผู้คนว่าเราเป็นคริสเตียน แต่คงไม่มีใครที่ห้อยเพื่อกันผีนะครับ  แท้ที่จริงแล้วการห้อยกางเขนไม่ได้บ่งบอกว่าคนนั้นเป็นคริสเตียนแท้หรือไม่ เพราะในสังคมมีผู้คนมากมายที่ห้อยกางเขนทั้งๆที่ไม่ได้รู้เลยว่ากางเขนนั้นมีความหมายว่าอย่างไร นักร้องนักดนตรีบางคนถึงกับสักกางเขนบนร่างกายของเขา แต่สิ่งนั้นก็เป็นเพียงการแสดงออกภายนอกเท่านั้น

            พระเจ้าที่เราทั้งหลายเชื่อนั้นเป็นวิญญาณที่ทรงฤทธานุภาพ มีอำนาจเหนือมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสถิตอยู่กับเรา ใน พระธรรมโยชูวา 1:1-9
"อยู่มาเมื่อโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าสิ้นชีวิตแล้ว พระเจ้าตรัสกับโยชูวาบุตรนูนรองโมเสสว่า "โมเสสผู้รับใช้ของเราสิ้นชีวิตแล้ว ฉะนั้นบัดนี้จงลุกขึ้นยกข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ ทั้งเจ้าและชนชาตินี้ทั้งหมดไปยังแผ่นดิน ซึ่งเรายกให้แก่เขาทั้งหลาย คือแก่คนอิสราเอลทุกๆตำบลถิ่นที่ฝ่าเท้าของเจ้าทั้งหลายจเหยียบลง เราได้ยกให้แก่เจ้าทั้งหลายดังที่เราได้สัญญาไว้กับโมเสส ตั้งแต่ถิ่นทุรกันดารและภูเขาเลบานอนนี้ไกลไปจนถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส แผ่นดินทั้งหมดของคนฮิตไทต์ ถึงทะเลใหญ่ทางทิศตะวันตก จะเป็นอาณาเขตของเจ้า ไม่มีผู้ใดจะยืนหยัดต่อสู้เจ้าได้ตลอดชีวิตของเจ้า เราอยู่กับโมเสสมาแล้วฉันใด เราจะอยู่กับเจ้าฉันนั้น เราจะไม่ละเลยหรือละทิ้งเจ้าเสีย จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะกระทำให้ชนชาตินี้รับแผ่นดินนั้นเป็นมรดก ซึ่งเราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลายว่าจะยกให้เขา เพียงแต่จงเข้มแข็งและกล้าหาญยิ่งเถิด ระวังที่จะกระทำตามธรรมบัญญัติทั้งหมด ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของเราได้บัญชาเจ้าไว้นั้น อย่าหลีกเลี่ยงจากธรรมบัญญัตินั้นไปทางขวามือหรือทางซ้าย เพื่อว่าเจ้าจะไปในถิ่นฐานใดเจ้าจะได้รับความสำเร็จอย่างดี อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างเหินไปจากปากของเจ้า แต่เจ้าจงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะกระทำตามข้อความที่เขียนไว้นั้นทุกประการ แล้วเจ้าจะมีความจำเริญ และเจ้าจะสำเร็จผลเป็นอย่างดีเราสั่งเจ้าไว้แล้วมิใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะว่าเจ้าไปในถิ่นฐานใด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงสถิตกับเจ้า"

            จากพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ เราจะพบว่า พระธรรมโยชูวาเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอิสราเอล ในช่วงเวลาที่ชาวอิสราเอลกำลังจะเข้ายึดแผ่นดินแห่งพันธสัญญา คือ แผ่นดินคานาอัน ตามที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่สมัย อับราฮาม อิสอัค และยาโคบ ว่าจะประทานดินแดนนี้ให้เป็นที่อยู่อาศัยถาวรของอิสราเอล โมเสสได้นำพวกเขาทั้งหลายออกจากประเทศอียิปต์เพื่อที่จะมุ่งตรงไปยังแผ่นดินแห่งพันธสัญญา แต่เพราะความดื้อรั้นของพวกเขาทำให้พวกเขาต้องวนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี และขณะนี้พวกเขาทั้งหลายได้มายืนอยู่เขตแดนของแผ่นดินนั้นแล้ว โดยมีผู้นำคือ โยชูวา

            เมื่อโมเสสยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้ฝึกฝนโยชูวา และได้ตั้งให้เป็นรองจากท่าน เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพที่เก่งกาจและยอดเยี่ยม ก่อนนั้น โยชูวาคือ 1 ใน 12 ผู้สอดแนมที่โมเสสได้ส่งเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน ทั้ง 12 คนเป็นหัวหน้าของแต่ละเผ่า เมื่อทั้ง 12 คนกลับมารายงานต่อโมเสสและประชาชน  มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่มีความเชื่อและกล้าหาญที่จะเดินต่อไปเพื่อเข้ายึดแผ่นดินแห่งพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้สำหรับพวกเขา แล้วอีก 10 คนล่ะ ?  10 คนนั้นเกิดความกลัว เพราะสิ่งที่ตาเขาได้เห็นนั้นมันได้ทำลายความเชื่อในใจของเขาเสียแล้ว เขาได้เห็นศัตรูที่ตัวใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า ดูแล้วน่ากลัวนัก คนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นพวกยักษ์และกินคนด้วย สิ่งที่เขาเห็นได้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับพวกเขาในการที่จะบุกเข้าไปต่อสู้  สิ่งที่เขาได้พูดออกมาทำให้ประชาชนเสียกำลังใจจนอยากจะกลับไปที่อียิปต์และได้บ่นว่าผู้นำของเขา แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มี 2 คน คือ โยชูวาและคาเลบ ได้บอกกับประชาชนว่า แผ่นดินนั้นเป็นแผ่นดินที่ดีเหลือเกิน ถ้าพระเจ้าทรงพอพระทัยในพวกเรา พระองค์จะทรงนำเราเข้าไปในแผ่นดินนี้และทรงประทานให้แก่เรา เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์

            ในพระธรรมตอนนี้เป็นช่วงที่โมเสสได้ไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว และโยชูวาเป็นผู้นำอิสราเอลต่อจากโมเสส พระเจ้าได้ทรงหนุนใจเป็นถ้อยคำที่ยืนยันและให้ความมั่นใจแก่โยชูวา ให้เคล็ดลับแก่โยชูวาในการดำเนินชีวิตและเป็นผู้นำชนชาติอิสราเอล เคล็ดลับมี 3 ประการด้วยกัน

เคล็ดลับประการที่ 1     จงเข้มแข็งและกล้าหาญ เพราะเราจะไม่ละเลยหรือละทิ้งเจ้า (ข้อ 1-6)

            จากพระธรรมตอนนี้จะเห็นว่า พระเจ้ากำลังตรัสกับโยชูวา และโยชูวาฟังพระดำรัสของพระองค์ และพระเจ้ากำลังบอกบางสิ่งบางอย่างให้กับโยชูวา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเขาในการที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำสืบทอดต่อจากโมเสส คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำชนชาติอิสราเอลที่ดื้อรั้นเข้าแผ่นดินคานาอัน อาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในใจโยชูวา ความกลัว ความไม่มั่นใจ แต่พระเจ้าทรงรู้ละเข้าใจโยชูวาว่า เขาคิดย่างไรและรู้สึกอย่างไร สภาพที่เขาเป็นอยู่และสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญมันช่างหนักหนาเหลือเกิน

            พระเจ้าตรัสกับโยชูวาในข้อ 1-2 – โมเสสผู้รับใช้ของเราสิ้นชีวิตแล้ว บัดนี้จงลุกขึ้น พาชนชาติทั้งหมดยกข้ามแม่น้ำจอร์แดน ไปยังแผ่นดินซึ่งเรายกให้แก่เจ้าทั้งหลาย ทุกๆตำบลที่ฝ่าเท้าของเจ้าทั้งหลายเหยียบลง   เรายกให้แก่เจ้าทั้งหลาย ดังที่เราสัญญาไว้กับโมเสส ตั้งแต่ในถิ่นทุรกันดารภูเขาเลบานอน ถึงแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำยูเฟรติส แผ่นดินทั้งหมดของคนฮิตไทต์ ถึงทะเลใหญ่ ทางตะวันตกจะเป็นอาณาเขตของเจ้า

            พระเจ้าตรัสกับโยชูวาตรงนี้ชัดเจนมาก   ถึงแม้โมเสสจะสิ้นชีวิตแล้ว แต่พระประสงค์และน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอลนั้นยังคงดำเนินต่อไป ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไม่ใช่จบที่โมเสส แต่โยชูวาต้องสานต่อ และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้พระประสงค์และน้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ     เมื่อโยชูวานำชนชาติอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่แผ่นดินคานาอัน เราจะเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เข้าไปยึดและครอบครองแผ่นดินนั้นแบบง่ายๆ แต่ต้องทำสงคราม ต่อสู้ วางแผนยุทธวิธีในการรบ ใช้สติปัญญา กำลัง  และจัดกองทัพอย่างดีในการเข้าบุกยึดครอง เขาต้องสูญเสียกำลังพล เสียชีวิตและแลกมาด้วยความยากลำบาก แต่พระเจ้าก็ทรงสัญญากับเขาว่า – ไม่มีผู้ใดยืนหยัดต่อสู้เจ้าได้ตลอดชีวิตของเจ้า เราอยู่กับโมเสสมาแล้วฉันใด เราจะอยู่กับเจ้าฉันนั้น เราจะไม่ละเลยหรือละทิ้งเจ้าเสีย

            โยชูวาจะต้องเผชิญกับภาระอันใหญ่หลวงในการบุกยึดแผ่นดินคานาอัน เต็มไปด้วยความยากลำบาก เขาจึงต้องการถ้อยคำแห่งการหนุนใจใหม่ๆ โยชูวารู้และเห็นแล้วว่า ชาวคานาอันเป็นคนที่เข้มแข็งและมีเมืองที่มีป้อมปราการที่มั่นคง นักรบก็มีความแข็งแกร่ง ทรหดอย่างยิ่ง และยิ่งกว่านั้นภูมิประเทศส่วนใหญ่ก็เป็นเทือกเขา ซึ่งทำให้การเคลื่อนกำลังพลในการทำสงครามยากยิ่งขึ้น แต่เมื่อพระเจ้าได้ทรงมีพระบัญชาแล้ว และพระองค์ทรงสัญญาและยืนยันกับโยชูวาว่า ตลอดชั่วชีวิตของเขา ไม่ว่าเขาจะก้าวไป ณ ที่ใดก็ตามพระองค์จะประทานชัยชนะให้แก่เขาเสมอ  ความสำเร็จครั้งนี้คือ การทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าและการช่วยเหลือของพระองค์  ที่พระองค์บอกว่า เราจะไม่ละทิ้งเจ้าเลย มีความหมายว่า พระเจ้าจะไม่ปล่อยหรือวางมือจากเขา พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งพระสัญญาของพระองค์ เพราะฉะนั้น พระสัญญาจะสำเร็จได้ก็ขึ้นอยู่กับการเชื่อฟัง จงมีกำลังเข้มแข็งและมีใจกล้าหาญ

        เช่นเดียวกัน พระเยซูคริสต์ก็ได้ให้คำมั่นสัญญากับเราและให้ความมั่นใจกับเราว่าพระองค์จะทรงนำและสถิตอยู่กับเราเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค

            วันนี้เราหันกลับมาดูและสำรวจชีวิตของเราว่า เรากำลังทำสงครามกับอะไร ศัตรูของเราคือใครบ้าง  มาร  ซาตาน  หรือชีวิตเก่าของเราเอง  ตัวเก่าของเรา  เนื้อหนัง  ตัณหา  ความอยาก   แม้แต่อีโก้ในตัวเราเอง เราต้องเอาชนะสิ่งเหล่านี้ ทุกวัน

            แล้วอะไรเป็นอุปสรรคปัญหาที่ขัดขวางเราในการติดตามพระเจ้า และในการรับใช้พระองค์  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัว  ปัญหาลูกๆ  ปัญหาในหน้าที่การงาน  ปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาต่างๆที่ทำให้เราหนักใจ ท้อใจ ทำให้เราหมดแรงหมดกำลังใจ ทำให้เราไม่อยากสู้ ทำให้เรากลัวจนไม่อยากก้าวเดินออกไปข้างหน้า  บางครั้งมันหนักจนเกินกำลังที่เราจะแบกรับไหว แต่ พระเยซูทรงตรัสกับเราทั้งหลายว่า ‘บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข ในพระธรรมมัทธิว 11.28 และพระองค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเรา ในพระธรรมยอห์น 14.16-18 ‘เราจะทูลขอพระบิดา   และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน   เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริง   ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้   เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์   ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์   เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน   และจะประทับอยู่ในท่าน   เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว   เราจะมาหาท่าน

        ขอให้เรามีความกล้า ก้าวเดินออกมารับใช้พระเจ้า ไม่ว่าเราจะรับใช้ในด้านใดก็ตาม กล้าเดินออกมารับใช้พระเจ้าตามของประทานที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้เราแต่ละคน ไม่ว่าจะด้วย  การเป็นพยาน  การประกาศนำคนมาเชื่อ  การเป็นพี่เลี้ยงเลี้ยงดูน้องเลี้ยง เลี้ยงดูผู้เชื่อใหม่ หรือเป็นนักดนตรี เป็นผู้นำเซลล์ ขอให้เรากล้าออกมา รับใช้พระเจ้าด้วยกัน

เคล็ดลับประการที่ 2  จงเข้มแข็งและกล้าหาญ ระวังที่จะทำตามธรรมบัญญัติทั้งหมด

          นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่โยชูวาได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้เข้มแข็งและมีใจกล้าหาญ จงระวังที่จะกระทำตามธรรมบัญญัติทั้งหมด อย่าหลีกเลี่ยงไปทางซ้ายหรือทางขวา การที่พระเจ้าสั่งเป็นครั้งที่ 2 แสดงถึงความหนักแน่นและเข้มข้นขึ้น การเชื่อฟังพระเจ้านั้นสำคัญกว่าการรบชนะในสงคราม ฉะนั้น เราต้องเชื่อฟังโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น การที่โยชูวาจะนำอิสราเอลในแผ่นดินใหม่ให้มีสันติสุข มีความเจริญรุ่งเรืองและประสบผลสำเร็จได้นั้น เขาจะต้องทำ 3 ประการ

          1. อย่าให้พระบัญญัติห่างเหินไปจากปากของเจ้า หมายความว่า โยชูวาจะต้องใช้พระวจนะของพระเจ้าในการปกครอง การบริหารและในการสั่งสอนชนรุ่นต่อๆมา อย่าพึ่งพาสติปัญญาหรือความรอบรู้ของตัวเอง แต่ให้พึ่งในพระวจนะของพระเจ้า

          2. เขาจะต้องใคร่ครวญพระบัญญัติของพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน คือ ให้ไตร่ตรองพระวจนะ ให้พระวจนะนั้นเป็นชีวิตทั้งเวลาหลับและเวลาตื่น ในพระธรรมสดุดีมีหลายตอนที่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ในสดุดี 1.2 ‘ความปิติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน’ และในข้อ 3 บอกว่า เขาจะเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ เกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การงานทุกอย่างที่เขากระทำก็เจริญขึ้น

          3. เขาจะต้องระวังที่จะกระทำตามข้อความที่เขียนไว้นั้นทุกประการ  การให้พระวจนะอยู่ที่ปากหรือการใคร่ครวญเท่านั้นยังไม่เพียงพอ ต้องกระทำตามด้วย ในพระธรรมยากอบ 1:22-25 ได้บอกเราไว้ว่า "แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น   ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น   ซึ่งเป็นการลวงตนเอง  เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะ   และไม่ได้ประพฤติตาม   ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา   เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป   และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร  แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติ   ซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งเสรีภาพ   และตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น   มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม   แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม   ผู้นั้นก็จะได้รับความสุข"

          การฟังพระวจนะของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเชื่อฟังและปฏิบัติตามนั้นสำคัญยิ่งกว่า สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากพระธรรม เราได้นำไปปฏิบัติหรือไม่  ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เราได้รับความรอดโดยพระคุณของพระเจ้า ความรอดทำให้เรามีเสรีภาพ หลุดจากการควบคุมของบาป เมื่อพระเยซูทรงไถ่เราแล้ว เรามีเสรีภาพที่จะดำเนินชีวิตตามแบบพระฉายของพระเจ้า เสรีภาพที่เราได้รับ ไม่ใช่เสรีภาพที่เราจะกระทำตามใจตัวเอง แต่เป็นเสรีภาพที่เราจะเชื่อฟังพระเจ้า เราสามารถดูตัวอย่างได้จากชีวิตของแซมสัน แซมสันนั้นมีพละกำลังมากมายที่พระเจ้าทรงประทานให้ เพราะพระเจ้าทรงให้เขาเกิดมาเพื่อจะเป็นผู้ช่วยกู้อิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมือของคนฟิลิสเตีย เมื่อแซมสันเกิดมาพระเจ้าก็ทรงอวยพรเขา เมื่อเติบโตขึ้นพระวิญญาณทรงเร้าใจเขา พระองค์ทรงสถิตกับเขาและไม่มีใครสามารถต่อสู้เขาได้ เขาฆ่าคนฟิลิสเตียมากมาย แต่ชีวิตของเขานั้นเขาดำเนินโดยการไม่เชื่อฟังและไม่กระทำตามพระเจ้า เขาทำตามที่ใจเขาปรารถนา คิดว่าตนเองมีกำลังมหาศาลไม่มีใครมาทำอันตรายได้ ในที่สุดชีวิตของแซมสันก็จบลงโดยคนฟิลิสเตียได้ทะลวงดวงตาทั้งสองข้าง แต่ก็ยังต้องขอบคุณพระเจ้าที่เขาได้กลับใจในวินาทีสุดท้ายของชีวิตและได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า

          ชีวิตของเราทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เราต้องหมั่นสำรวจดูชีวิตของเรา อย่าให้หลงออกไปนอกทางเหมือนแซมสัน เราต้องดำเนินชีวิตภายใต้การเชื่อฟังและทำตาม แล้วเราจะไม่ขาดพระพร

เคล็ดลับประการที่ 3  จงเข้มแข็งและกล้าหาญ อย่าตกใจหรือคร้ามกลัว

          ในพระธรรมข้อนี้เน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งให้โยชูวาเข้มแข็งและกล้าหาญ เพราะว่าไม่ว่าเขาจะไปแห่งหนใด พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยเสมอ ฮาเลลูยา !!

          เมื่อโยชูวายกทัพข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังแผ่นดินแห่งพันธสัญญา เขาจะต้องพบกับมนุษย์ยักษ์  คนตัวใหญ่ คนอานาค และเมืองนั้นเป็นเมืองที่มีป้อมปราการแข็งแรงมั่นคง พระเจ้าได้กำชับเป็นครั้งที่ 3 ให้โยชูวามีความเข้มแข็ง มีใจที่กล้าหาญ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วย พระองค์จะไปกับพวกเขา ยืนเคียงข้างพวกเขา พระองค์ไม่ทรงปล่อยเขาให้ต่อสู้ตามลำพัง ในเฉลยธรรมบัญญัติ 31.8 บอกว่า "ผู้ที่ไปข้างหน้าคือพระเจ้า   พระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วย   พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลว   หรือทอดทิ้งท่านเสีย   อย่ากลัวและอย่าขยาดเลย"  อาเมน

          ก็เป็นไปได้ที่บางครั้งโยชูวาอาจจะอ่อนแอ ไม่พร้อมและหวาดกลัว เขาอาจจะอยากเลิก ไม่เอาแล้วแผ่นดินคานาอัน ไม่อยากทำสงคราม ไม่อยากสูญเสียประชาชน พระเจ้าต้องรู้ดีถึงความรู้สึกในใจของโยชูวา  ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนแอ ความหวาดกลัว แต่พระเจ้าเข้ามาใกล้เขาและบอกเขาว่า จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าหวาดกลัวหรือท้อถอย เพราะเราสถิตอยู่กับเจ้า นี่คือสิ่งที่พระเจ้าให้ความมั่นใจแก่โยชูวา เป็นพระสัญญา เป็นฤทธิ์เดช เป็นการทรงสถิตอยู่ด้วยตลอดชั่วชีวิตของเขา เช่นเดียวกันกับเราทั้งหลายที่เชื่อในพระเจ้าทุกคน เราได้รับการชูใจจากพระเจ้า ได้รับกำลังจากพระองค์ ให้พระสัญญาของพระองค์ดังก้องอยู่ในชีวิตของเราทั้งกลางวันและกลางคืน

          ทุกวันนี้ชีวิตของเรากลัวอะไร ?  นักจิตวิทยาบอกว่า ความกลัวเป็นอาการทางด้านจิตใจของคนที่รู้สึกว่าตนเองไม่มั่นคง ขาดที่พึ่ง ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว พ่อแม่บางคนก็กลัวเลี้ยงลูกได้ไม่ดี กลัวลูกติดยา คนเราต่างก็มีความกลัวด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า บางคนกลัวมาก บางคนกลัวน้อยแตกต่างกันไป นักเรียนก็กลัวจะสอบจะเรียนได้ไม่ดี ลูกๆกลัวพ่อแม่จะไม่รัก กลัวจะถูกทอดทิ้ง หนุ่มสาวก็กลัวจะหาคนรักไม่ได้ คนที่ทำงานก็กลัวว่าจะไม่ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน บางคนกลัวตกงาน บางคนก็พะวงถึงอนาคตของตนเองว่าจะเป็นเช่นไร แต่ พระเจ้าทรงตรัสกับเราทั้งหลายว่า อย่ากลัว จงเข้มแข็ง เพราะพระองค์ทรงอยู่กับเราทั้งหลาย

          เราจะเห็นแบบอย่างชีวิตในพระคัมภีร์มากมายที่เขาดำเนินชีวิตด้วยความไว้วางใจในการทรงสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า

          โมเสส นำชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ มุ่งหน้าไปยังแผ่นดินพันธสัญญา พอมาถึงทะเลแดงซึ่งเหมือนกับถึงทางตัน ข้างหลังก็ตามมาด้วยกองทัพยิ่งใหญ่ของฟาโรห์ จะก้าวต่อไปก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ ประชาชนเกิดความกลัวอย่างมากถึงกับต่อว่าโมเสสว่า แผ่นดินอียิปต์ไม่มีหลุมฝังศพแล้วหรือจึงพาเขามาตายในถิ่นทุรกันดาร ให้เขารับใช้อียิปต์ต่อไปยังดีกว่า แต่โมเสสได้เตือนประชาชนว่า อย่ากลัวเลย ให้มั่นคงและมองดูความรอดที่มาจากพระเจ้า พระเจ้าจะรบแทนท่าน เพียงแต่ท่านทั้งหลายจงสงบอยู่   พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ให้สั่งชนชาติอิสราเอลลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไป โมเสสจึงร้องทูลว่า นั่นทะเลแดงนะที่อยู่ข้างหน้า พระเจ้าบอกให้เดินหน้าต่อไป จงยกไม้เท้าของเจ้า ยื่นมือของเจ้าออกไปเหนือทะเลแดง และแล้วทะเลแดงก็แยกออกและอิสราเอลได้เดินข้ามไปบนผืนดินแห้ง ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่

          เคล็ดลับในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า 3 คือ

          1. จงเข้มแข็งและกลาหาญ  เพราะพระเจ้าจะไม่ละเลยหรือละทิ้งเรา

          2. จงเข้มแข็งและกล้าหาญ  ให้เราระวังที่จะทำตามธรรมบัญญัติทั้งหมด

          3. จงเข้มแข็งและกล้าหาญ  อย่าตกใจหรือคร้ามกลัว เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยเสมอ

          ชีวิตของเราทั้งหลายอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า เราจะปลอดภัย เราจะไม่ล้มลง เมื่อเรานั่ง เราจะไม่หวั่นไหว เมื่อเรายืน เราจะไม่สั่นคลอน เมื่อเรานอน เราจะหลับสบาย  พระเจ้าทรงสถิตกับโมเสสอย่างไร ทรงนำโยชูวาอย่างไร พระองค์ก็ทรงอยู่กับเราทั้งหลายเช่น
 
จงเข้มแข็ง และ กล้าหาญเถิด




1 comment:

  1. ขอบคุณมากๆค่ะ หนุนใจมากๆค่ะ สรุปความให้เข้าใจง่ายๆ นำไปประยุกต์ใช้ได้เลย ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ

    ReplyDelete