Saturday, November 2, 2013

พระธรรม 1 โครินธ์


1. เบื้องหลังการเขียน

   1.1  ผู้เขียน อัครฑูตเปาโล (1.1) หลักฐานจากพระคัมภีร์และประวัติศาสตร์ต่างยืนยันว่าเปาโลเป็นผู้เขียน เช่น เคลเมนท์แห่งโรมซึ่งเป็นบรรพบุรุษแห่งความเชื่อในสมัยคริสตจักรเริ่มแรกได้อ้างถึงเรื่องนี้ในปี ค.ศ.96 นอกจากนั้นรูปแบบและภาษาที่ใช้ล้วนยืนยันได้ว่าเปาโลเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้

ในการเดินทางประกาศเที่ยวที่ 2 นั้น เปาโลอาศัยอยู่ในเมืองโครินธ์ประมาณหนึ่งปีครึ่ง พบกับอาควิลา-ปริสสิลลา และต่อมาทิโมธีกับสิลาสได้มาสมทบร่วมในการประกาศ หลังจากนั้นได้ออกเดินทางด้วยกันไปยังแคว้นซีเรีย ที่เมืองเคนเครียเปาโลได้กล้อนผม แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองเอเฟซัส  เปาโลได้ละอาควิลา-ปริสสิลลาไว้ที่เอเฟซัส ส่วนท่านกับพวกเดินทางต่อไปยังอันทิโอก

            ในการเดินทางประกาศเที่ยวที่ 3 เปาโลดินทางมาที่เอเฟซัส อยู่ที่นี่ประมาณ 3 ปี เมื่อท่านได้ยินถึงปัญหาบางอย่างในคริสตจักรโครินธ์ จึงได้เขียนจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับหนึ่งซึ่งมีกล่าวถึงใน    1 โครินธ์ 5.9 (จดหมายฉบับนี้ได้สูญหายไป) หลังจากนั้นได้ส่งทิโมธีและเอรัสทัสไปเพื่อช่วยแก้ปัญหา ทั้งชาวโครินธ์ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับจดหมายฉบับนั้น (1 โครินธ์ 5.10-11) เปาโลได้ทราบถึงความเข้าใจผิดนี้และเรื่องปัญหาของคริสตจักรในโครินธ์จากคนของนางคะโลเอ (1 คร 1.11)ว่า เกิดการทุ่มเถียงกัน แยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า ยังมีการผิดประเวณีโดยคริสตจักรไม่ได้ลงโทษ การฟ้องร้องเป็นความกัน และต่อมาก็มีอีกพวกหนึ่งที่คริสตจักรโครินธ์ส่งมาเพื่อจะปรึกษาเปาโลและถามข้อข้องใจบางอย่าง เช่น เรื่องการแต่งงาน การรับประทานอาหารที่ถวายรูปเคารพ เรื่องระเบียบของคริสตจักร การเป็นขึ้นมาจากความตายและการถวายทรัพย์    เปาโลจึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้น คือ 1 โครินธ์ (โครินธ์ ฉบับที่หนึ่งในพระคัมภีร์)

   1.2  จุดประสงค์
      1) เพื่อกำชับให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมีระเบียบวินัยในการดำเนินชีวิต (1.10)
      2) เพื่อตอบคำถามและให้คำปรึกษาแก่คริสเตียนชาวโครินธ์ที่เขียนจดหมายและส่งคนมาถาม
      3) เพื่อให้เข้าใจหลักปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องของประทานของพระวิญาณบริสุทธิ์ (บทที่ 12-14)
      4) เพื่อสอนหลักข้อเชื่อของคริสเตียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นขึ้นมาจากความตาย
      5) เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการเรี่ยไรเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวกรุงเยรูซาเล็ม

   1.3  ผู้รับ   คริสเตียนหรือคริสตจักรเมืองโครินธ์  (1.2)       ซึ่งเปาโลเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นตอนเดินทางไปประกาศที่โครินธ์เป็นครั้งแรก พร้อมกับสิลวานัสและทิโมธีในราวปี ค.ศ.50-51 ในขณะที่ท่านอยู่ที่เมืองเอเฟซัส ท่านได้ทราบข่าวสภาพความเป็นไปของคริตจักร สิ่งที่ทำให้ท่านร้อนใจก็คือการแตกแยกของสมาชิก (1.11) ความผิดบาปเกี่ยวกับการล่วงประเวณี (5-6) การโอ้อวดตนเอง การโสโครกทางเพศ การฟ้องร้องกันในศาล ความคิดขัดแย้งในเรื่องการเป็นโสดและการแต่งงาน เรื่องอาหารที่ถวายรูปเคารพ การคลุมศีรษะ ปัญหาเกี่ยวกับมหาสนิท การใช้ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์และการเป็นขึ้นมาจากความตาย

โครินธ์ ในเวลานั้นเมืองโครินธ์มีประชากรประมาณ 600,000 คน แต่มีประชากรซึ่งเป็นทาสถึง 400,000 คน มีความหลากหลายทั้งในด้านฐานะ ศาสนาและมาตรฐานศีลธรรม พวกเขาได้ชื่อว่ารักอิสระอย่างยิ่ง ไม่ชอบขึ้นกับใคร ในปี กคศ.146 โรมได้ทำลายเมืองนี้เพราะขบถ ต่อมาในปี กคศ.46 จูเลียส ซีซาร์ ได้บูรณะเมืองนี้ขึ้นมาใหม่เนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญทางยุทธศาสตร์ ในสมัยของเปาโล โครินธ์เป็นเมืองหลวงของแคว้นอาคายา เป็นเมืองใหญ่และส่งผลกำไรมหาศาลแก่โรม แต่ก็เสื่อมทรามในทุกด้าน นิยมบูชารูปเคารพ มีวิหารมากมายและมีหญิงโสเภณีประจำอยู่นับพันคน เป็นเมืองที่เลื่องลือในด้านการค้าประเวณี เลวร้ายจนไม่ว่าโสเภณีเมืองไหน ก็จะถูกผู้คนขนานนามว่า ‘สาวเมืองโครินธ์’ สรุปได้ว่า

       1) เป็นเมืองท่าสำคัญ เพราะเป็นชุมทางค้าขายติดต่อทั่วโลก
       2) เป็นแหล่งวัฒนธรรมกรีกโบราณ ผู้คนฝักใฝ่เรื่องปรัชญา ศาสนา กีฬาและการเรียนรู้เรื่องต่างๆ
       3) เป็นเมืองแห่งศาสนา มีวิหารมากมาย ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ วิหารของรูปปั้นเทวีอะโฟรไดท์ (วีนัส)
           เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ซึ่งใช้การล่วงประเวณีเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการ
       4) เป็นแหล่งค้าประเวณี อันเป็นผลเนื่องมาจากการเป็นเมืองท่าและการบูชาในวิหารต่างๆ

    1.4  วันเวลาที่เขียน   เปาโลเขียนในราว ค.ศ.55 ที่เมืองเอเฟซัส (กจ.20.31, 1 คร.16.5-9) โดยเขียนเป็นช่วงๆ (มีเลขาฯเป็นผู้ช่วยบันทึก)

    1.5  ลักษณะพิเศษ 

        1) เป็นจดหมายที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งและการไม่ยอมรับเปาโลของสมาชิกบางกลุ่ม
        2) เขียนถึงปัญหาของคริสตจักรและตำหนิการเพิกเฉยไม่ยอมแก้ปัญหาของคริสตจักรมากที่สุด
        3) มุ่งเน้นการแก้ปัญหาของคริสตจักรอย่างเจาะจง รวมทั้งการปกป้องความเป็นอัครทูตของเปาโล

2.  โครงเรื่องของพระธรรม 1 โครินธ์

                1. คำนำ (บทที่ 1.1-9)
                2. การแตกแยกในตริสตจักร (บทที่ 1.10-4-21)
                       2.1 ลักษณะของการแตกแยก                                                          บทที่ 1.10-17
                       2.2 สาเหตุของการแตกแยก (บทที่ 1.18-4.13)
                                   ก. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเนื้อหาของการเป็นคริสเตียน      บทที่ 1.18-3.4
                                   ข. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพันธกิจและผู้นำ                          บทที่ 3.5-4.5
                                   ค. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องความเป็นคริสเตียน             บทที่ 4.6-13
                        2.3 การหนุนใจให้ถ่อมใจ                                                                     บทที่ 4.14-21
                3. ชีวิตที่ผิดศีลธรรมและจริยธรรมในคริสตจักร (บทที่ 5-6)
                        3.1 การหย่อนยานเรื่องวินัยในคริสตจักร                                             บทที่ 5
                        3.2 การว่าความต่อหน้าคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า                                          บทที่ 6.1-11
                        3.3 ความเสื่อมในศีลธรรมทางเพศ                                                        บทที่ 6.12-20
                4. คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน (บทที่ 7)
                        4.1 หลักการทั่วๆไป                                                                              บทที่ 7.1-7
                        4.2 ปัญหาของการแต่งงาน                                                                    บทที่ 7.8-24
                        4.3 ปัญหาของผู้ที่ยังไม่แต่งงาน                                                       บทที่ 7.25-40
                5. คำแนะนำเกี่ยวกับคำถามในการดำเนินชีวิต (บทที่ 8.1-11.1)
                        5.1 หลักการควรถือปฏิบัติ                                                                    บทที่ 8
                        5.2 ตัวอย่างของหลักการ                                                                       บทที่ 9
                        5.3 คำเตือนจากประวัติศาสตร์ของอิสราเอล                                         บทที่ 10.1-22
                        5.4 การประยุกต์หลักการ                                                         บทที่ 10.23-11.1
                6. คำแนะนำเกี่ยวกับการประชุมนมัสการ (บทที่ 11.2-14.40)
                        6.1 ความถูกต้องเหมาะสมของการนมัสการ                                        บทที่ 11.2-16  
                        6.2 พิธีมหาสนิท                                                                      บทที่ 11.17-34
                        6.3 ของประทานฝ่ายวิญญาณ (บทที่ 12-14)
                                     ก. การพิสูจน์ของประทาน                                                    บทที่ 12.1-3
                                     ข. การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของของประทาน                บทที่ 12.4-11
                                     ค. ความแตกต่างของของประทาน                                       บทที่ 12.12-31ก
                                     ง. ความจำเป็นของการใช้ของประทานด้วยความรัก          บทที่ 12.31ข-13.13
                                     จ. การเผยพระวจนะเหนือกว่าการพูดภาษาแปลกๆ            บทที่ 14.1-25
                                     ฉ. กฎสำหรับการประชุมนมัสการ                                        บทที่ 14.26-40
                7. คำสอนเกี่ยวกับการเป็นขึ้นมาจากความตาย (บทที่ 15)
                        7.1 ความแน่นอนของการเป็นขึ้นมาจากความตาย                     บทที่ 15.1-34            
                        7.2 สิ่งที่ต้องพิจารณาในบางเรื่องเกี่ยวกับการเป็นขึ้นมาจากตาย        บทที่ 15.35-57
                        7.3 การท้าทายวิงวอน                                                                      บทที่ 15.58
                8. สรุป - หลักปฏิบัติบางประการและคำทักทายบางคน (บทที่ 16)

3. บทสรุป

   1 โครินธ์ 8.1 “ความรู้นั้นทำให้ลำพอง แต่ความรักเสริมสร้างขึ้น”

   วลีสำคัญในพระธรรมเล่มนี้แสดงให้เห็นว่า ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับเราในการใช้ชีวิตในโลกนี้ที่เป็นเนื้อหนัง ความรักเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมี ถ้าขาดซึ่งความรักแล้ว
       1) มีความรู้แต่ไร้ซึ่งความรักเราจะสงสัยในทุกสิ่ง
       2) ถ้าขาดความรักเราจะใช้สิทธิ์ของเราอย่างสนุกสนานโดยไม่คำนึงถึงคนอื่นๆ
       3) ถ้าขาดความรักเราจะไม่ได้รับใช้ซึ่งกันและกัน
       4) ถ้าขาดความรักเราจะแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าทำให้คริสตจักรขาดวินัย
       5) มีความรู้ถ้าขาดความรัก จะทำให้เราลำพองขึ้นแทนที่จะเสริมสร้างคริสตจักร
 
 
 
 

1 comment:

  1. ขอบคุณพระเจ้า!
    และก็ขอบคุณผู้เขียนด้วยครับ : )

    ReplyDelete