Thursday, November 7, 2013

พระธรรมวิวรณ์


1.  เบื้องหลังการเขียน

      1.1  ผู้เขียน  ผู้เขียนพระธรรมเล่มนี้คือ ยอห์น อัครสาวก (1.4,9, 22.8) ท่านเรียกตัวท่านเองว่าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นพี่น้องและเพื่อนร่วมการยากลำบากกับคริสตชน โดยท่านได้ตกเป็นเชลยที่เกาะปัทมอส เพราะประกาศเรื่องของพระเยซูคริสต์ (1.1,9) ยอห์นรู้จักคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชียและได้เขียนถึงพวกเขาด้วยสิทธิอำนาจที่ได้รับจากพระเจ้า ซึ่งพวกเขาก็ยอมรับ และมีหลักฐานที่ยืนยันว่าอัครสาวกยอห์นเป็นผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์ เพราะมีบางคำที่ยอห์นมักใช้เสมอทั้งในพระกิตติคุณยอห์นและจดหมายฝากของท่าน เช่น พระเมษโปดก (ยน 1.29, วว 5.6,12)  พระวาทะ (ยน 1.1, 17.17, 1 ยน 1.1)  น้ำธำรงชีวิต (ยน 4.10-11, วว 22.1)  ชัยชนะ (ยน 16.31, 1 ยน 2.13)  ประพฤติตาม (ยน 8.5, 14.15,23, วว 2.6)  แท้สัตย์จริง (ยน 1.9, 15.1, 1 ยน 2.8)  พยาน (ยน 1.7, 1 ยน 5.9, วว 1.5)  พระสิริ (ยน 1.14, วว 1.6, 4.9)  ชีวิต (ยน 1.4, 1 ยน 1.1) 

               ยอห์นเป็นคนยิวที่คุ้นเคยกับพระคัมภีร์เดิมเป็นอย่างดี ท่านรับหน้าที่เป็นผู้เผยพระวจนะ (10.11) เนื้อหาในหนังสือวิวรณ์ส่วนใหญ่เป็นคำพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต (1.8, 22.7)

        1.2  จุดประสงค์   ยอห์นเขียนพระธรรมเล่มนี้เพื่อหนุนใจคริสเตียนที่กำลังเผชิญการข่มเหงอย่างหนักจาก ลัทธิบูชาจักรพรรดิ เนื่องจากในขณะนั้นอาณาจักรโรมันได้เริ่มบังคับให้อาณาจักรกราบไหว้บูชาจักรพรรดิเป็นเทพเจ้า สำหรับคริสเตียนที่เชื่อถือว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ยอมกราบไหว้ ก็ต้องเผชิญกับการข่มเหงอย่างรุนแรง ยอห์นจึงได้เขียนพระธรรมเล่มนี้ เพื่อหนุนใจให้คริสเตียนยืนหยัดมั่นคงในสถานการณ์ที่ถูกคุกคามจากลัทธิบูชาจักรพรรดิ  ท่านได้แนะนำผู้เชื่อว่าฉากสุดท้ายระหว่างพระเจ้ากับซาตานใกล้เข้ามาแล้ว ซาตานจะยิ่งเพิ่มการข่มเหงต่อคนของพระเจ้า ซึ่งพวกเขาต้องยืนหยัดอดทนแม้อาจจะต้องตาย พวกเขาได้รับการป้องกันอันตรายฝ่ายวิญญาณและจะมีชัยชนะอย่างเด็ดขาด เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา คนชั่วร้ายจะถูกทำลายนิรันดร์ คนของพระเจ้าจะเข้าสู่สง่าราศีถาวรนิรันดร์เช่นกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ อดทนและยึดความเชื่อไว้ให้มั่น นอกจากนั้นยอห์นยังได้เขียนเป็นลักษณะคำพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

พระธรรมวิวรณ์จึงเป็นพระธรรมที่สำคัญสำหรับผู้เชื่อ คือ
1. พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นใน ปฐมกาล 1-2 จะสำเร็จครบบริบูรณ์ตาม วิวรณ์ 21-22 เพราะทั้งในหนังสือปฐมกาลและวิวรณ์ต่างกล่าวถึงต้นไม้แห่งชีวิต โลกที่ปราศจากบาป และพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับประชากรของพระองค์
2. วิวรณ์เขียนขึ้นสำหรับคริสตจักรเล็กและอ่อนแอที่มีอยู่ในสมัยนั้น ซึ่งกำลังเผชิญกับการสอนผิดภายในคริสตจักรเองและกำลังถูกข่มเหงจากภายนอก สภาพของคริสตจักรหลายแห่งในปัจจุบันก็มีลักษณะคล้ายกับคริสตจักรในสมัยนั้น
3. เป็นการสำแดงของพระเจ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์หลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย
4. มีคำสัญญาว่า ผู้ที่อ่านและเชื่อฟังจะได้รับพระพรและความยินดี

       1.3  ผู้รับ  พระธรรมวิวรณ์ได้เขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชีย (1.4) เนื่องจากจุดที่ตั้งของคริสตจักรทั้งเจ็ดนั้นตั้งอยู่บนเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆได้สะดวก เราจึงพอจะมองเห็นได้ว่า ยอห์นมีความตั้งใจที่จะให้คริสตจักรทั้งเจ็ดแห่งเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อพระธรรมฉบับนี้ไปยังคริสตจักรในเมืองอื่นๆ ทำให้ไม่มีข้อสงสัยใดๆว่า พระธรรมเล่มนี้แท้จริงแล้วก็เขียนเพื่อคริสตจักรทั้งหมด เนื่องจากว่าการข่มเหงนั้นเกิดขึ้นทั่วไป

       1.4  เวลาที่เขียน   ขณะที่เขียนนั้น พวกคริสตชนในแคว้นเอเชียกำลังถูกข่มเหง รับความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น (1.9, 17.6) ตั้งแต่ราว ค.ศ.64 เป็นต้นมา จักรพรรดิเนโรได้ข่มเหงคริสเตียนทั่วอาณาจักรโรมัน และเชื่อกันว่าทั้งอัครสาวกเปโตรและอัครทูตเปาโลก็ถูกประหารในช่วงนี้
                แต่นักพระคัมภีร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ยอห์นเขียนพระธรรมวิวรณ์ในสมัยของ จักรพรรดิโดมิเทียน (คศ.81-96) จักรพรรดิองค์นี้ได้ตั้งพระนามของพระองค์ว่า ‘พระผู้ช่วยให้รอด’ และ ‘จอมเจ้านาย’ มีรูปของจักรพรรดิตั้งอยู่ทั่วอาณาจักรโรมัน ประชาชนถูกบังคับให้ถวายเครื่องบูชาต่อรูปนั้น และต้องกราบไหว้จักรพรรดิเป็นจอมเจ้านาย คริสเตียนถูกประหารชีวิตเป็นจำนวนมาก บ้างก็ถูกทรมาน บ้างก็ถูกจับไปเป็นเชลยตามแคว้นต่างๆทั่วอาณาจักรโรมัน (โครินธ์ 8.6) เนื่องจากการยืนหยัดไม่ยอมกราบไหว้บูชาจักรพรรดิ เพราะพวกเขานมัสการพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว  คริสตจักรที่กล่าวถึงในบทที่ 2-3 นั้นเป็นสภาพคริสตจักรที่ก่อตั้งมานานแล้ว จึงมีความเชื่อว่ายอห์นได้เขียนพระธรรมเล่มนี้ในปี ค.ศ.95 ที่เกาะปัทมอส ซึ่งท่านถูเนรเทศไปอยู่ที่นั่นเนื่องจากการประกาศพระเยซูคริสต์ของท่าน

       1.5  ลักษณะพิเศษ 
                1. ภาษาเต็มไปด้วยภาพพจน์และสัญลักษณ์ แตกต่างจากพระธรรมเล่มอื่นๆ
                2. เต็มไปด้วยนิมิตต่างๆมากมาย มีส่วนคล้ายกับพระธรรมเอเสเคียลและแดเนียล
                3. กล่าวถึงแผนการของพระเจ้าบางประการที่พระธรรมเล่มอื่นๆไม่ได้กล่าวถึง เช่น
                                3.1 การที่พระเจ้าเสด็จกลับมาครองโลกนี้โดยฤทธานุภาพของพระองค์ และทำให้โลกนี้กลายเป็นอาณาจักรของพระองค์ (11.15)
                                3.2 การมาของแผ่นดินของพระเจ้า ที่มาโดยผู้มีชัยชนะ (12.10) ในขณะที่พระธรรมเล่มอื่นๆกล่าวว่า แผ่นดินของพระเจ้าได้นำมาแล้วโดยพระเยซู (มธ 12.28, ลก 17.21) ในด้านหนึ่งแผ่นดินของพระเจ้าอยู่กับผู้เชื่อแล้วซึ่งก็คือคริสตจักร  แต่อีกด้านหนึ่งแผ่นดินของพระเจ้าจะมาพร้อมกับผู้ที่มีชัยชนะ
                4. พระคริสต์กับผู้ที่มีชัยชนะจะครอบครองนานาประเทศในอาณาจักรพันปี (2.26-27, 12.5, 20.4-6)
                  5. คริสตจักรเป็นคันประทีปที่ส่องสว่างและที่สุดจะเป็นกรุงเยรูซาเล็มใหม่
                 6. คำกริยาและคำบรรยายไม่ได้ใช้คำในรูปของอนาคต แต่ใช้เป็นอดีต แสดงว่าสิ่งที่บันทึกนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ในสายพระเนตรพระเจ้ามันเป็นอดีตแล้ว แผนงานของพระเจ้าเกิดขึ้นสำเร็จแล้ว
                7. นิมิตและเหตุการณ์ต่างๆในพระธรรมวิวรณ์ไม่ได้เกิดขึ้นตามลำดับก่อนหลังทุกอย่าง  บางคนกล่าวว่า เพราะท่านยอห์นเป็นคนตะวันออก (เอเชีย) จึงไม่ได้สนใจเรื่องลำดับเวลามากนัก
                8. อ้างอิงพระคัมภีร์เดิมมากถึง 285 ข้อ (พระธรรมมัทธิวอ้างถึง 92 ข้อ, พระธรรมฮีบรูอ้างถึง 102 ข้อ)
                 9. หมายเลข  ‘7’ ถูกใช้อย่างมากจนเป็นที่สะดุดตา
                10. เป็นพระธรรมเล่มเดียวที่มีคำสัญญาว่า จะให้พรแก่คนที่อ่าน ฟัง และถือรักษาข้อความที่เขียนไว้นี้ (1.3) แต่แช่งสาปผู้ที่ตัดหรือเพิ่มเติมข้อความอื่นใดเข้าไป (22.19)

2.  โครงเรื่องของพระธรรมวิวรณ์

                1. คำนำ   (บทที่ 1.1-8)
                                1.1 บทนำ                                                                              บทที่ 1.1-3
                                1.2 คำขอบคุณ                                                                        บทที่ 1.4-8
                2. พระเยซูท่ามกลางคริสตจักรทั้งเจ็ด                                                  บทที่ 1.9-20
                3. จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด  (บทที่ 2-3)
                                3.1 คริสตจักรเอเฟซัส                                                            บทที่ 2.1-7
                                3.2 คริสตจักรสเมอร์นา                                                          บทที่ 2.8-11
                                3.3 คริสตจักรเปอร์กามัม                                                       บทที่ 2.12-17
                                3.4 คริสตจักรธิยาทิรา                                                            บทที่ 2.18-29
                                3.5 คริสตจักรซาร์ดิส                                                             บทที่ 3.1-6
                                3.6 คริสตจักรฟิลาเดลเฟีย                                                     บทที่ 3.7-13
                                3.7 คริสตจักรเลาดีเซีย                                                           บทที่ 3.14-22
                4. พระที่นั่ง – หนังสือม้วน และพระเมษโปดก (บทที่ 4-5)
                                4.1 พระที่นั่งในสวรค์                                                            บทที่ 4
                                4.2 หนังสือม้วนที่มีตราประทับเจ็ดดวง                                  บทที่ 5.1-5
                                4.3 พระเมษโปดก                                                                บทที่ 5.6-14
                5. ตราทั้งเจ็ด (บทที่ 6.1-8.1)
                                5.1 ตราดวงที่หนึ่ง - ม้าสีขาว                                                 บทที่ 6.1-2
                                5.2 ตราดวงที่สอง – ม้าสีแดง                                                 บทที่ 6.3-4
                                5.3 ตราดวงที่สาม - ม้าสีดำ                                                    บทที่ 6.5-6
                                5.4 ตราดวงที่สี่ – ม้าสีกะเลียว(สีหม่น)                                 บทที่ 6.7-8
                                5.5 ตราดวงที่ห้า – วิญญาณใต้แท่นบูชา                               บทที่ 6.9-11
                                5.6 ตราดวงที่หก – แผ่นดินไหวใหญ่                                   บทที่ 6.12-17
                                5.7 การประทับตราคน 144,000 คน                                      บทที่ 7.1-8
                                5.8 มวลชนจากทุกประชาชาติ                                              บทที่ 7.9-17
                                5.9 ตราดวงที่เจ็ด – ความเงียบในสวรรค์                             บทที่ 8.1
                6. แตรทั้งเจ็ด  (บทที่ 8.2-11-19)
                                6.1 คำนำ                                                                                 บทที่ 8.2-5
                                6.2 แตรคันที่หนึ่ง – ลูกเห็บและไฟปนด้วยเลือด                    บทที่ 8.6-7
                                6.3 แตรคันที่สอง – ภูเขาใหญ่ถูกทิ้งลงทะเล                       บทที่ 8.8-9
                                6.4 แตรคันที่สาม – ดาวใหญ่เป็นเปลวไฟ                           บทที่ 8.10-11
                                6.5 แตรคันที่สี่ – ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวถูกทำลาย     บทที่ 8.12-13
                                6.6 แตรคันที่ห้า – ภัยพิบัติจากตั๊กแตน                                  บทที่ 9.1-12
                                6.7 แตรคันที่หก – การปลดปล่อยทูตสวรรค์ 4 องค์           บทที่ 9.13-21
                                6.8 ทูตสวรรค์และหนังสือม้วนเล็ก                                      บทที่ 10
                                6.9 พยานทั้งสอง                                                                    บทที่ 11.1-14
                                6.10 แตรคันที่เจ็ด – การพิพากษาและบำเหน็จรางวัล         บทที่ 11.15-19
                7. บุคคลและเหตุการณ์ต่างๆ  (บทที่ 12-14)
                    7.1 ผู้หญิงและพญานาค                                                         บทที่ 12
                    7.2 สัตว์ร้ายสองตัว                                                                บทที่ 13
                    7.3 พระเมษโปดกและคน 144,000 คน                                บทที่ 14.1-5
                    7.4 การเก็บเกี่ยวแผ่นดินโลก                                                บทที่ 14.6-20
    8. ขันแห่งพระพิโรธทั้งเจ็ด  (บทที่ 15-16)
                    8.1 บทนำ – บทเพลงของโมเสสและทูตสวรรค์                  บทที่ 15
                    8.2 ขันใบที่หนึ่ง – แผล ฝีร้ายทั้งตัว                                      บทที่ 16.1-2
                    8.3 ขันใบที่สอง – ทะเลกลายเป็นเลือด                                บทที่ 16.3
                    8.4 ขันใบที่สาม – แม่น้ำและน้ำพุกลายเป็นเลือด                  บทที่ 16.4-7
                    8.5 ขันใบที่สี่ – ดวงอาทิตย์คลอกมนุษย์ด้วยไฟ                 บทที่ 16.8-9
                    8.6 ขันใบที่ห้า – ความมืด                                                     บทที่ 16.10-11
                    8.7 ขันใบที่หก – แม่น้ำยูเฟรติสแห้ง                                    บทที่ 16.12-16
                    8.8 ขันใบที่เจ็ด – แผ่นดินไหวอย่างร้ายแรง                         บทที่ 16.17-21
9. บาบิโลน – หญิงแพศยาคนสำคัญ  (บทที่ 17.1-19.5)
                    9.1 คำบรรยายถึงกรุงบาบิโลน                                              บทที่ 17
                    9.2 การล่มสลายของบาบิโลน                                               บทที่ 18
                    9.3 คำสรรเสริญพระเจ้าเพราะบาบิโลนล่มสลาย                  บทที่ 19.1-5
10. คำสรรเสริฐในงานสมรสของพระเมษโปดก                                  บทที่ 19.6-10
11. การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์                                                  บทที่ 19.11-21
12. ยุคพันปี                                                                                            บทที่ 20.1-6
13. จุดจบของซาตาน                                                                             บทที่ 20.7-10
14. การพิพากษาที่พระที่นั่งใหญ่สีขาว                                                 บทที่ 20.11-15
15. สวรรค์ใหม่ แผ่นดินโลกใหม่ เยรูซาเล็มใหม่                                 บทที่ 21.1-22.5
16. สรุป                                                                                    บทที่ 22.6-21         

3.  บทสรุป

            ยอห์นได้จบพระธรรมวิวรณ์ด้วยคำเตือนว่าอย่าให้ผู้ใดเพิ่มเติมหรือลดทอนข้อความในหนังสือนี้ เราควรจะพร้อมเสมอที่จะนำหลักการของพระคัมภีร์ไปใช้ในชีวิต ในการศึกษาพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่มีคำอธิบายหรือการตีความใดๆของมนุษย์ที่ควรจะยกให้มีสิทธิอำนาจเทียบเท่ากับพระคัมภีร์

                เราไม่รู้วันหรือเวลา แต่แน่นอนพระเยซูจะเสด็จมาในไม่ช้านี้ ในเวลาที่ใครๆไม่คาดคิด นี่เป็นข่าวดีสำหรับคนที่เชื่อวางใจในพระองค์ แต่เป็นข่าวร้ายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ปฏิเสธพระองค์ซึ่งจะตกอยู่ในการพิพากษา คำว่า ‘ในไม่ช้า’ หมายถึงขณะใดขณะหนึ่งก็ได้ เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพระองค์ เตรียมตัวสำหรับการเสด็จกลับมาของพระองค์เสมอ

                พระธรรมวิวรณ์ปิดฉากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในที่ที่พระธรรมปฐมกาลเปิดฉากขึ้น คือในเมืองบรมสุขเกษม แต่มีลักษณะเด่นที่แตกต่างอย่างหนึ่งคือในวิวรณ์นั้นความชั่วร้ายได้สูญสิ้นชั่วนิรันดร์ ปฐมกาลบรรยายถึงอาดัมและเอวาดำเนินกับพระเจ้าและสนทนากับพระองค์ พระธรรมวิวรณ์บรรยายว่าคนนมัสการพระเจ้าหน้าต่อหน้า ปฐมกาลพูดถึงสวนที่มีงูชั่วร้าย วิวรณ์บรรยายถึงนครสมบูรณ์แบบที่ไม่มีความชั่วร้าย สวนเอเดนถูกทำลายโดยความบาป แต่เมืองบรมสุขเกษมได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในนครเยรูซาเล็มใหม่

                จุดเริ่มต้นและจุดจบ

                พระคัมภีร์บันทึกจุดเริ่มต้นและจุดจบของโลกไว้สำหรับเรา ในพระคัมภีร์เราจะพบเรื่องราวของมนุษย์ชาติตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ คือตั้งแต่ตกลงในบาปจนถึงการไถ่บาป และการที่พระเจ้ามีชัยเหนือความชั่วร้ายในที่สุด                      

 
                             ปฐมกาล                                                                   วิวรณ์
                พระเจ้าทรงสร้างดวงอาทิตย์                                 ไม่จำเป็นต้องมีดวงอาทิตย์
                ซาตานมีชัยชนะ                                                     ซาตานถูกพิชิต
                ความบาปเข้ามาสู่มนุษย์ชาติ                                 ความบาปถูกขับไล่ออกไป
                คนวิ่งหนีหลบซ่อนจากพระเจ้า                            ผู้คนได้รับการเชื้อเชิญให้อยู่กับพระเจ้าชั่วนิจนิรันดร์
                คนถูกสาปแช่ง                                                       การสาปแช่งถูกขจัดออกไป
                หลั่งน้ำตาด้วยความเศร้าโศกที่ทำบาป                 ไม่มีความบาป น้ำตาและความเศร้าโศกอีกต่อไป
                สวนเอเดนและแผ่นดินโลกถูกแช่งสาป                              นครของพระเจ้าได้รับสง่าราศี โลกถูกสร้างขึ้นใหม่
                ห้ามกินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต                         ประชากรของพระเจ้ากินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิตได้
                สูญเสียเมืองบรมสุขเกษม                                      ได้เมืองบรมสุขเกษมคืนมา
                คนถูกกำหนดให้ต้องตาย                                     ความตายถูกพิชิต ผู้เชื่อได้อยู่กับพระเจ้าชั่วนิจนิรันดร์
 
 

  พระธรรมวิวรณ์จบลงด้วยการร้องขออย่างเร่งด่วนว่า ‘องค์พระเยซูเจ้า...โปรดเสด็จมาเถิด’

ในโลกแห่งปัญหา การกดขี่ข่มเหง ความชั่วร้ายและความเสื่อมทรามด้านศีลธรรม พระคริสต์ทรงเรียกเราให้ยืนหยัดอดทนในความเชื่อ ความเพียรพยายามของเราที่จะทำให้โลกดีขึ้นนั้นสำคัญ แต่ผลที่เกิดขึ้นนั้นเทียบไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงที่พระเยซูจะทรงนำเข้ามาเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา พระองค์ผู้เดียวทรงควบคุมประวัติศาสตร์มนุษย์ อภัยบาป และจะสร้างโลกขึ้นใหม่ อีกทั้งนำสันติสุขอันยั่งยืนเข้ามา

                เหนือสิ่งอื่นใด พระธรรมวิวรณ์เป็นพระธรรมแห่งความหวัง จึงแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก พระเจ้ายังทรงควบคุมอยู่ พระธรรมวิวรณ์สัญญาว่าความชั่วร้ายจะไม่ยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์  และพรรณาให้เห็นถึงรางวัลอันยอดเยี่ยมที่คอยท่าทุกคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ และให้พระองค์เป็นพระผู้ไถ่และองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

 

No comments:

Post a Comment