1.
เบื้องหลังการเขียน
1.1 ผู้เขียน ผู้เขียนพระธรรมเล่มนี้คือ ยอห์น อัครสาวก
(1.4,9, 22.8) ท่านเรียกตัวท่านเองว่าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
เป็นพี่น้องและเพื่อนร่วมการยากลำบากกับคริสตชน โดยท่านได้ตกเป็นเชลยที่เกาะปัทมอส
เพราะประกาศเรื่องของพระเยซูคริสต์ (1.1,9)
ยอห์นรู้จักคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชียและได้เขียนถึงพวกเขาด้วยสิทธิอำนาจที่ได้รับจากพระเจ้า
ซึ่งพวกเขาก็ยอมรับ และมีหลักฐานที่ยืนยันว่าอัครสาวกยอห์นเป็นผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์
เพราะมีบางคำที่ยอห์นมักใช้เสมอทั้งในพระกิตติคุณยอห์นและจดหมายฝากของท่าน เช่น
พระเมษโปดก (ยน 1.29, วว 5.6,12) พระวาทะ
(ยน 1.1, 17.17, 1 ยน 1.1) น้ำธำรงชีวิต
(ยน 4.10-11, วว 22.1) ชัยชนะ (ยน 16.31,
1 ยน 2.13) ประพฤติตาม (ยน 8.5, 14.15,23,
วว 2.6) แท้สัตย์จริง (ยน 1.9, 15.1, 1 ยน
2.8) พยาน (ยน 1.7, 1 ยน 5.9, วว
1.5) พระสิริ (ยน 1.14, วว 1.6, 4.9) ชีวิต (ยน 1.4, 1 ยน 1.1)
ยอห์นเป็นคนยิวที่คุ้นเคยกับพระคัมภีร์เดิมเป็นอย่างดี
ท่านรับหน้าที่เป็นผู้เผยพระวจนะ (10.11) เนื้อหาในหนังสือวิวรณ์ส่วนใหญ่เป็นคำพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต
(1.8, 22.7)
1.2 จุดประสงค์
ยอห์นเขียนพระธรรมเล่มนี้เพื่อหนุนใจคริสเตียนที่กำลังเผชิญการข่มเหงอย่างหนักจาก
ลัทธิบูชาจักรพรรดิ
เนื่องจากในขณะนั้นอาณาจักรโรมันได้เริ่มบังคับให้อาณาจักรกราบไหว้บูชาจักรพรรดิเป็นเทพเจ้า
สำหรับคริสเตียนที่เชื่อถือว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ยอมกราบไหว้
ก็ต้องเผชิญกับการข่มเหงอย่างรุนแรง ยอห์นจึงได้เขียนพระธรรมเล่มนี้
เพื่อหนุนใจให้คริสเตียนยืนหยัดมั่นคงในสถานการณ์ที่ถูกคุกคามจากลัทธิบูชาจักรพรรดิ
ท่านได้แนะนำผู้เชื่อว่าฉากสุดท้ายระหว่างพระเจ้ากับซาตานใกล้เข้ามาแล้ว
ซาตานจะยิ่งเพิ่มการข่มเหงต่อคนของพระเจ้า
ซึ่งพวกเขาต้องยืนหยัดอดทนแม้อาจจะต้องตาย
พวกเขาได้รับการป้องกันอันตรายฝ่ายวิญญาณและจะมีชัยชนะอย่างเด็ดขาด
เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา คนชั่วร้ายจะถูกทำลายนิรันดร์
คนของพระเจ้าจะเข้าสู่สง่าราศีถาวรนิรันดร์เช่นกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ
อดทนและยึดความเชื่อไว้ให้มั่น
นอกจากนั้นยอห์นยังได้เขียนเป็นลักษณะคำพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
พระธรรมวิวรณ์จึงเป็นพระธรรมที่สำคัญสำหรับผู้เชื่อ
คือ
1. พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นใน
ปฐมกาล 1-2 จะสำเร็จครบบริบูรณ์ตาม วิวรณ์ 21-22
เพราะทั้งในหนังสือปฐมกาลและวิวรณ์ต่างกล่าวถึงต้นไม้แห่งชีวิต โลกที่ปราศจากบาป
และพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับประชากรของพระองค์
2. วิวรณ์เขียนขึ้นสำหรับคริสตจักรเล็กและอ่อนแอที่มีอยู่ในสมัยนั้น
ซึ่งกำลังเผชิญกับการสอนผิดภายในคริสตจักรเองและกำลังถูกข่มเหงจากภายนอก
สภาพของคริสตจักรหลายแห่งในปัจจุบันก็มีลักษณะคล้ายกับคริสตจักรในสมัยนั้น
3.
เป็นการสำแดงของพระเจ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์หลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย
4. มีคำสัญญาว่า
ผู้ที่อ่านและเชื่อฟังจะได้รับพระพรและความยินดี
1.3
ผู้รับ พระธรรมวิวรณ์ได้เขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชีย
(1.4) เนื่องจากจุดที่ตั้งของคริสตจักรทั้งเจ็ดนั้นตั้งอยู่บนเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆได้สะดวก
เราจึงพอจะมองเห็นได้ว่า ยอห์นมีความตั้งใจที่จะให้คริสตจักรทั้งเจ็ดแห่งเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อพระธรรมฉบับนี้ไปยังคริสตจักรในเมืองอื่นๆ
ทำให้ไม่มีข้อสงสัยใดๆว่า พระธรรมเล่มนี้แท้จริงแล้วก็เขียนเพื่อคริสตจักรทั้งหมด
เนื่องจากว่าการข่มเหงนั้นเกิดขึ้นทั่วไป
1.4 เวลาที่เขียน ขณะที่เขียนนั้น พวกคริสตชนในแคว้นเอเชียกำลังถูกข่มเหง
รับความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น (1.9, 17.6) ตั้งแต่ราว
ค.ศ.64 เป็นต้นมา จักรพรรดิเนโรได้ข่มเหงคริสเตียนทั่วอาณาจักรโรมัน
และเชื่อกันว่าทั้งอัครสาวกเปโตรและอัครทูตเปาโลก็ถูกประหารในช่วงนี้
แต่นักพระคัมภีร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า
ยอห์นเขียนพระธรรมวิวรณ์ในสมัยของ จักรพรรดิโดมิเทียน (คศ.81-96)
จักรพรรดิองค์นี้ได้ตั้งพระนามของพระองค์ว่า ‘พระผู้ช่วยให้รอด’ และ ‘จอมเจ้านาย’ มีรูปของจักรพรรดิตั้งอยู่ทั่วอาณาจักรโรมัน
ประชาชนถูกบังคับให้ถวายเครื่องบูชาต่อรูปนั้น
และต้องกราบไหว้จักรพรรดิเป็นจอมเจ้านาย คริสเตียนถูกประหารชีวิตเป็นจำนวนมาก
บ้างก็ถูกทรมาน บ้างก็ถูกจับไปเป็นเชลยตามแคว้นต่างๆทั่วอาณาจักรโรมัน (โครินธ์
8.6) เนื่องจากการยืนหยัดไม่ยอมกราบไหว้บูชาจักรพรรดิ เพราะพวกเขานมัสการพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว คริสตจักรที่กล่าวถึงในบทที่ 2-3
นั้นเป็นสภาพคริสตจักรที่ก่อตั้งมานานแล้ว
จึงมีความเชื่อว่ายอห์นได้เขียนพระธรรมเล่มนี้ในปี ค.ศ.95 ที่เกาะปัทมอส
ซึ่งท่านถูเนรเทศไปอยู่ที่นั่นเนื่องจากการประกาศพระเยซูคริสต์ของท่าน
1.5
ลักษณะพิเศษ
1.
ภาษาเต็มไปด้วยภาพพจน์และสัญลักษณ์ แตกต่างจากพระธรรมเล่มอื่นๆ
2.
เต็มไปด้วยนิมิตต่างๆมากมาย มีส่วนคล้ายกับพระธรรมเอเสเคียลและแดเนียล
3.
กล่าวถึงแผนการของพระเจ้าบางประการที่พระธรรมเล่มอื่นๆไม่ได้กล่าวถึง เช่น
3.1
การที่พระเจ้าเสด็จกลับมาครองโลกนี้โดยฤทธานุภาพของพระองค์ และทำให้โลกนี้กลายเป็นอาณาจักรของพระองค์
(11.15)
3.2
การมาของแผ่นดินของพระเจ้า ที่มาโดยผู้มีชัยชนะ (12.10)
ในขณะที่พระธรรมเล่มอื่นๆกล่าวว่า แผ่นดินของพระเจ้าได้นำมาแล้วโดยพระเยซู (มธ
12.28, ลก 17.21) ในด้านหนึ่งแผ่นดินของพระเจ้าอยู่กับผู้เชื่อแล้วซึ่งก็คือคริสตจักร
แต่อีกด้านหนึ่งแผ่นดินของพระเจ้าจะมาพร้อมกับผู้ที่มีชัยชนะ
4.
พระคริสต์กับผู้ที่มีชัยชนะจะครอบครองนานาประเทศในอาณาจักรพันปี (2.26-27, 12.5,
20.4-6)
5.
คริสตจักรเป็นคันประทีปที่ส่องสว่างและที่สุดจะเป็นกรุงเยรูซาเล็มใหม่
6.
คำกริยาและคำบรรยายไม่ได้ใช้คำในรูปของอนาคต แต่ใช้เป็นอดีต
แสดงว่าสิ่งที่บันทึกนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ในสายพระเนตรพระเจ้ามันเป็นอดีตแล้ว
แผนงานของพระเจ้าเกิดขึ้นสำเร็จแล้ว
7.
นิมิตและเหตุการณ์ต่างๆในพระธรรมวิวรณ์ไม่ได้เกิดขึ้นตามลำดับก่อนหลังทุกอย่าง บางคนกล่าวว่า เพราะท่านยอห์นเป็นคนตะวันออก
(เอเชีย) จึงไม่ได้สนใจเรื่องลำดับเวลามากนัก
8.
อ้างอิงพระคัมภีร์เดิมมากถึง 285 ข้อ (พระธรรมมัทธิวอ้างถึง 92 ข้อ,
พระธรรมฮีบรูอ้างถึง 102 ข้อ)
9.
หมายเลข ‘7’ ถูกใช้อย่างมากจนเป็นที่สะดุดตา
10.
เป็นพระธรรมเล่มเดียวที่มีคำสัญญาว่า จะให้พรแก่คนที่อ่าน ฟัง
และถือรักษาข้อความที่เขียนไว้นี้ (1.3)
แต่แช่งสาปผู้ที่ตัดหรือเพิ่มเติมข้อความอื่นใดเข้าไป (22.19)
2. โครงเรื่องของพระธรรมวิวรณ์
1.
คำนำ (บทที่ 1.1-8)
1.1
บทนำ บทที่
1.1-3
1.2
คำขอบคุณ บทที่
1.4-8
2.
พระเยซูท่ามกลางคริสตจักรทั้งเจ็ด บทที่ 1.9-20
3.
จดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด (บทที่ 2-3)
3.1
คริสตจักรเอเฟซัส บทที่
2.1-7
3.2
คริสตจักรสเมอร์นา บทที่
2.8-11
3.3
คริสตจักรเปอร์กามัม บทที่
2.12-17
3.4
คริสตจักรธิยาทิรา บทที่
2.18-29
3.5
คริสตจักรซาร์ดิส บทที่
3.1-6
3.6
คริสตจักรฟิลาเดลเฟีย บทที่
3.7-13
3.7
คริสตจักรเลาดีเซีย บทที่
3.14-22
4.
พระที่นั่ง – หนังสือม้วน และพระเมษโปดก (บทที่ 4-5)
4.1
พระที่นั่งในสวรค์ บทที่
4
4.2
หนังสือม้วนที่มีตราประทับเจ็ดดวง บทที่ 5.1-5
4.3
พระเมษโปดก บทที่
5.6-14
5. ตราทั้งเจ็ด
(บทที่ 6.1-8.1)
5.1
ตราดวงที่หนึ่ง - ม้าสีขาว บทที่
6.1-2
5.2
ตราดวงที่สอง – ม้าสีแดง บทที่ 6.3-4
5.3
ตราดวงที่สาม - ม้าสีดำ บทที่
6.5-6
5.4
ตราดวงที่สี่ – ม้าสีกะเลียว(สีหม่น) บทที่
6.7-8
5.5
ตราดวงที่ห้า – วิญญาณใต้แท่นบูชา บทที่
6.9-11
5.6
ตราดวงที่หก – แผ่นดินไหวใหญ่ บทที่
6.12-17
5.7
การประทับตราคน 144,000 คน บทที่
7.1-8
5.8
มวลชนจากทุกประชาชาติ บทที่
7.9-17
5.9
ตราดวงที่เจ็ด – ความเงียบในสวรรค์ บทที่
8.1
6.
แตรทั้งเจ็ด (บทที่ 8.2-11-19)
6.1
คำนำ บทที่
8.2-5
6.2
แตรคันที่หนึ่ง – ลูกเห็บและไฟปนด้วยเลือด บทที่
8.6-7
6.3
แตรคันที่สอง – ภูเขาใหญ่ถูกทิ้งลงทะเล บทที่
8.8-9
6.4
แตรคันที่สาม – ดาวใหญ่เป็นเปลวไฟ บทที่
8.10-11
6.5
แตรคันที่สี่ – ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวถูกทำลาย บทที่
8.12-13
6.6
แตรคันที่ห้า – ภัยพิบัติจากตั๊กแตน บทที่
9.1-12
6.7
แตรคันที่หก – การปลดปล่อยทูตสวรรค์ 4 องค์ บทที่
9.13-21
6.8
ทูตสวรรค์และหนังสือม้วนเล็ก บทที่
10
6.9
พยานทั้งสอง บทที่
11.1-14
6.10
แตรคันที่เจ็ด – การพิพากษาและบำเหน็จรางวัล บทที่
11.15-19
7.
บุคคลและเหตุการณ์ต่างๆ (บทที่ 12-14)
7.1 ผู้หญิงและพญานาค บทที่
12
7.2 สัตว์ร้ายสองตัว บทที่
13
7.3 พระเมษโปดกและคน 144,000 คน บทที่ 14.1-5
7.4 การเก็บเกี่ยวแผ่นดินโลก บทที่
14.6-20
8.
ขันแห่งพระพิโรธทั้งเจ็ด (บทที่ 15-16)
8.1 บทนำ –
บทเพลงของโมเสสและทูตสวรรค์ บทที่
15
8.2 ขันใบที่หนึ่ง – แผล
ฝีร้ายทั้งตัว บทที่
16.1-2
8.3 ขันใบที่สอง –
ทะเลกลายเป็นเลือด บทที่
16.3
8.4 ขันใบที่สาม –
แม่น้ำและน้ำพุกลายเป็นเลือด บทที่
16.4-7
8.5 ขันใบที่สี่ –
ดวงอาทิตย์คลอกมนุษย์ด้วยไฟ บทที่
16.8-9
8.6 ขันใบที่ห้า –
ความมืด บทที่
16.10-11
8.7 ขันใบที่หก –
แม่น้ำยูเฟรติสแห้ง บทที่
16.12-16
8.8 ขันใบที่เจ็ด –
แผ่นดินไหวอย่างร้ายแรง บทที่
16.17-21
9. บาบิโลน –
หญิงแพศยาคนสำคัญ (บทที่ 17.1-19.5)
9.1 คำบรรยายถึงกรุงบาบิโลน บทที่
17
9.2 การล่มสลายของบาบิโลน บทที่
18
9.3
คำสรรเสริญพระเจ้าเพราะบาบิโลนล่มสลาย บทที่
19.1-5
10.
คำสรรเสริฐในงานสมรสของพระเมษโปดก บทที่
19.6-10
11.
การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ บทที่
19.11-21
12. ยุคพันปี บทที่
20.1-6
13. จุดจบของซาตาน บทที่
20.7-10
14.
การพิพากษาที่พระที่นั่งใหญ่สีขาว บทที่
20.11-15
15. สวรรค์ใหม่
แผ่นดินโลกใหม่ เยรูซาเล็มใหม่ บทที่
21.1-22.5
16. สรุป บทที่
22.6-21
3. บทสรุป
ยอห์นได้จบพระธรรมวิวรณ์ด้วยคำเตือนว่าอย่าให้ผู้ใดเพิ่มเติมหรือลดทอนข้อความในหนังสือนี้
เราควรจะพร้อมเสมอที่จะนำหลักการของพระคัมภีร์ไปใช้ในชีวิต
ในการศึกษาพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่มีคำอธิบายหรือการตีความใดๆของมนุษย์ที่ควรจะยกให้มีสิทธิอำนาจเทียบเท่ากับพระคัมภีร์
เราไม่รู้วันหรือเวลา
แต่แน่นอนพระเยซูจะเสด็จมาในไม่ช้านี้ ในเวลาที่ใครๆไม่คาดคิด
นี่เป็นข่าวดีสำหรับคนที่เชื่อวางใจในพระองค์
แต่เป็นข่าวร้ายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ปฏิเสธพระองค์ซึ่งจะตกอยู่ในการพิพากษา คำว่า
‘ในไม่ช้า’ หมายถึงขณะใดขณะหนึ่งก็ได้
เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพระองค์
เตรียมตัวสำหรับการเสด็จกลับมาของพระองค์เสมอ
พระธรรมวิวรณ์ปิดฉากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในที่ที่พระธรรมปฐมกาลเปิดฉากขึ้น
คือในเมืองบรมสุขเกษม
แต่มีลักษณะเด่นที่แตกต่างอย่างหนึ่งคือในวิวรณ์นั้นความชั่วร้ายได้สูญสิ้นชั่วนิรันดร์
ปฐมกาลบรรยายถึงอาดัมและเอวาดำเนินกับพระเจ้าและสนทนากับพระองค์
พระธรรมวิวรณ์บรรยายว่าคนนมัสการพระเจ้าหน้าต่อหน้า ปฐมกาลพูดถึงสวนที่มีงูชั่วร้าย
วิวรณ์บรรยายถึงนครสมบูรณ์แบบที่ไม่มีความชั่วร้าย สวนเอเดนถูกทำลายโดยความบาป
แต่เมืองบรมสุขเกษมได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในนครเยรูซาเล็มใหม่
จุดเริ่มต้นและจุดจบ
พระคัมภีร์บันทึกจุดเริ่มต้นและจุดจบของโลกไว้สำหรับเรา
ในพระคัมภีร์เราจะพบเรื่องราวของมนุษย์ชาติตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ
คือตั้งแต่ตกลงในบาปจนถึงการไถ่บาป
และการที่พระเจ้ามีชัยเหนือความชั่วร้ายในที่สุด
ปฐมกาล วิวรณ์
พระเจ้าทรงสร้างดวงอาทิตย์ ไม่จำเป็นต้องมีดวงอาทิตย์
ซาตานมีชัยชนะ ซาตานถูกพิชิต
ความบาปเข้ามาสู่มนุษย์ชาติ ความบาปถูกขับไล่ออกไป
คนวิ่งหนีหลบซ่อนจากพระเจ้า ผู้คนได้รับการเชื้อเชิญให้อยู่กับพระเจ้าชั่วนิจนิรันดร์
คนถูกสาปแช่ง การสาปแช่งถูกขจัดออกไป
หลั่งน้ำตาด้วยความเศร้าโศกที่ทำบาป ไม่มีความบาป
น้ำตาและความเศร้าโศกอีกต่อไป
สวนเอเดนและแผ่นดินโลกถูกแช่งสาป นครของพระเจ้าได้รับสง่าราศี
โลกถูกสร้างขึ้นใหม่
ห้ามกินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต ประชากรของพระเจ้ากินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิตได้
สูญเสียเมืองบรมสุขเกษม ได้เมืองบรมสุขเกษมคืนมา
คนถูกกำหนดให้ต้องตาย ความตายถูกพิชิต
ผู้เชื่อได้อยู่กับพระเจ้าชั่วนิจนิรันดร์
|
พระธรรมวิวรณ์จบลงด้วยการร้องขออย่างเร่งด่วนว่า ‘องค์พระเยซูเจ้า...โปรดเสด็จมาเถิด’
ในโลกแห่งปัญหา
การกดขี่ข่มเหง ความชั่วร้ายและความเสื่อมทรามด้านศีลธรรม
พระคริสต์ทรงเรียกเราให้ยืนหยัดอดทนในความเชื่อ ความเพียรพยายามของเราที่จะทำให้โลกดีขึ้นนั้นสำคัญ
แต่ผลที่เกิดขึ้นนั้นเทียบไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงที่พระเยซูจะทรงนำเข้ามาเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
พระองค์ผู้เดียวทรงควบคุมประวัติศาสตร์มนุษย์ อภัยบาป และจะสร้างโลกขึ้นใหม่
อีกทั้งนำสันติสุขอันยั่งยืนเข้ามา
เหนือสิ่งอื่นใด พระธรรมวิวรณ์เป็นพระธรรมแห่งความหวัง
จึงแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก พระเจ้ายังทรงควบคุมอยู่
พระธรรมวิวรณ์สัญญาว่าความชั่วร้ายจะไม่ยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์
และพรรณาให้เห็นถึงรางวัลอันยอดเยี่ยมที่คอยท่าทุกคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์
และให้พระองค์เป็นพระผู้ไถ่และองค์พระผู้เป็นเจ้า
No comments:
Post a Comment